นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการใช้คุกกี้

บริษัท ทุนดี จำกัด (“บริษัท”) มีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการทำงานหลายส่วนของเว็บไซต์เพื่อรับประกันการให้บริการของเว็บไซต์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทรับประกันว่าจะใช้คุกกี้เท่าที่จำเป็น และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีการใช้คุกกี้บางประเภทที่อาจดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอก ทั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ บริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและตกลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาที่บริษัทเห็นสมควร โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์นี้... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

หรือนี่จะเป็นดาวดวงใหม่? มาสคอตน้องนากขี้โวยวายจาก Otteri ที่มากกว่าความคิวต์ยังพูดได้ด้วย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมีเนยจากแบรนด์ Butterbear ถือเป็นเคสที่จุดกระแสให้หลายๆ แบรนด์หันมาทำมาสคอตอีกมาก ซึ่งแม้กระแสอาจจางหายไปบ้างในหมู่คนทั่วไป แต่ในด้อมมัมหมีก็ยังมีแฟนคลับคอยซัพพอร์ตแบรนด์เสมอๆ ดูจากกระแสที่มาแรงและไปเร็วนี้เอง ที่อาจกล่าวได้ว่าแบรนด์ที่ทำมาสคอตออกมาหลังจากนี้ไม่ได้การันตีว่าจะสำเร็จทุกแบรนด์ไป แต่ต้องเป็นแบรนด์ที่จับจุดบางอย่างได้ และสินค้าต้องดีจริงด้วย

หนึ่งในนั้นคือมาสคอตของ Otteri น้องนากขี้โวยวายที่ตอนนี้กำลังเป็นกระแสในแพลตฟอร์ม TikTok เพราะมากกว่าเป็นมาสคอตที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนเหมือนมาสคอตตัวอื่นๆ แล้ว สิ่งที่น้องนากของ Otteri มีเหนือชั้นกว่าคนอื่น นั่นคือการที่น้องพูดได้!

ก่อนที่น้องนากจะเริ่มทำคอนเทนต์นากพูดได้ น้องนากก็ทำคอนเทนต์คล้ายๆ กับมาสคอตตัวอื่นๆ เช่น เต้นตามเพลง มีเสียงพากย์ด้วยน้ำเสียงปกติ ทำคอนเทนต์ที่ดูน่ารัก แต่หลังจากน้องนากเริ่มแผดเสียงของตัวเองออกมาซึ่งเป็นเอกลักษณ์และมีความคล้ายเสียงของสัตว์จริงๆ แม้จะฟังยากสักหน่อย แต่เสียงแสบแก้วหูของน้องที่เข้ากับหน้าตาซึ่งดูโมโหตลอดเวลา ก็เรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้ไม่น้อย

ปัจจุบันคลิปวิดีโอของนากโวยวายมียอดวิวสูงสุดที่ 3.9 ล้าน อีกคลิปที่ยอดวิวไล่เลี่ยกันอยู่ที่ 2.5 ล้านและ 1.1 ล้านตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม) ลักษณะคอนเทนต์ที่นากโวยวายเน้นทำคือการพูดคุยกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา สลับกับการแสดงที่ใส่อารมณ์ ดูเหวี่ยงวีน แต่คนที่เดินผ่านกลับรู้สึกว่าน่ารักน่าเอ็นดู 

สถานที่ที่นากไปยังไม่จำกัดเพียงในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์ประชุม เพราะมีทั้งตลาดนัด ห้องน้ำ คอนเสิร์ตกลางแจ้ง เรียกว่าที่ไหนที่มีสาขาของ Otteri น้องนากก็ไปทำคอนเทนต์ได้หมด อาจด้วยข้อได้เปรียบของ Otteri ที่มีสาขามากและหลากหลายสถานที่ ทำให้น้องนากเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มมากกว่าใครเพื่อน

คำถามคือทำไมมาสคอตส่วนใหญ่ถึงพูดไม่ได้ หรือเลือกที่จะไม่พูด?

หัวใจหลักๆ คือเมื่อพูดไม่ได้ นั่นจะทำให้มาสคอตตัวนั้นมีความเป็นสากลและสื่อสารกับคนในวงกว้างและหลายกลุ่มมากกว่า นอกจากนั้น การที่มาสคอตพูดไม่ได้ยังทำให้ผู้คนจินตนาการและสร้างเรื่องราวของมาสคอตตัวนั้นๆ ได้ และความพูดไม่ได้นี้เองก็ยังอาจทำให้มาสคอตดูน่ารักและเป็นมิตรมากกว่าด้วย

แล้วถ้ามาสคอตพูดได้แบบนากโวยวายจะส่งผลดียังไงบ้างไหม?

ท่ามกลางมาสคอตที่ผุดขึ้นมากมาย จะมีอะไรดีไปกว่าการสร้างความแตกต่าง ดังนั้น เมื่อมาสคอตนากโวยวายพูดได้ จึงทำให้ผู้คนจดจำนากและแบรนด์ได้ว่านี่แหละคือมาสคอตตัวแรกๆ ที่เราเห็นว่านอกจากจะเต้นได้แล้ว ยังสนทนากับเราได้ด้วย สิ่งนี้เองที่สร้าง emotional connection กับผู้บริโภคจนทำให้คนเกิดความผูกพันกับมาสคอตและแบรนด์

มาสคอตมีเสียงนั้นใช้เสียงอะไรก็ได้หรือเปล่า?

น่าตั้งข้อสังเกตต่อไปว่าที่นากโวยวายนั้นได้รับความสนใจก็ไม่ใช่เพราะมันมีเสียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เพราะเสียงนี้ยังถูกคิดมาแล้วภายใต้คอนเซปต์ของแบรนด์และสอดคล้องกับความเป็นนากจริงๆ ด้วยว่าหากนากร้องก็น่าจะมีเสียงแบบนี้ และเสียงของนากโวยวายยังอู้อี้ ไม่ได้ชัดถ้อยชัดคำแบบที่เราๆ พูดกัน 

หากนากโวยวายพูดด้วยน้ำเสียงแบบมนุษย์ทั่วไป ผู้คนก็อาจไม่ได้รู้สึกถึงความเป็น ‘มาสคอต’ ที่จะเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ แต่เป็นสัตว์ก็ไม่เชิง ดังนั้นความก้ำกึ่งตรงนี้เองที่ทำให้นากยังคงน่ารักแม้จะยังพูดได้เหมือนคน 

ดังนั้นในยุคที่หลายคนหันมาจับการตลาดรูปแบบเดียวกันอย่างการทำมาสคอต หากผู้ประกอบการต้องการสร้างมาสคอตเป็นของตัวเอง นากโวยวายของ Otteri ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดีในการสร้างความแตกต่าง แต่ยังคงความน่ารักได้ จนทำให้ brand awareness ของ Otteri ไปไกลมากขึ้น ที่สำคัญยังสะท้อนว่าการจะทำอะไรตามกระแสนั้น ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ต้องคิดมาอย่างดีให้สอดคล้องกับ brand identity จริงๆ

ส่วนใครอยากชมความน่ารักของน้องนากขี้โวยวาย ไปติดตามชมได้ที่ช่อง https://www.tiktok.com/@otteriwashdryofficial และถ้าใครอยากรู้จัก Otteri มากกว่านี้ก็เข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์ของแบรนด์ได้ที่ capitalread.co/otteri

Writer

พิลาทิสและแมว

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: y.pongtorn@gmail.com

You Might Also Like