นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการใช้คุกกี้

บริษัท ทุนดี จำกัด (“บริษัท”) มีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการทำงานหลายส่วนของเว็บไซต์เพื่อรับประกันการให้บริการของเว็บไซต์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทรับประกันว่าจะใช้คุกกี้เท่าที่จำเป็น และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีการใช้คุกกี้บางประเภทที่อาจดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอก ทั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ บริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและตกลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาที่บริษัทเห็นสมควร โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์นี้... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

ฮาวทูไม่ทิ้ง

“คู่แข่งของเราคือถังขยะ” Flashfood และ Too Good to Go แอพฯ ต่อชีวิตให้อาหารก่อนถูกทิ้ง

หากเรานับเศษอาหารหรือขยะอาหารที่รวมกันทั้งโลกเป็นประเทศ มันจะเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับสามของโลก รองจากอเมริกาและจีนเพียงเท่านั้น เพราะจากอาหารที่ปลูกและผลิตทั้งหมดทั่วโลกแล้ว จากรายงานของ World Wildlife Fund (WWF–องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล) ในปีที่แล้วบอกว่ากว่า 40% ของมันกลายเป็นเศษอาหารและขยะที่ไม่ได้ถูกกินหรือใช้งาน และเมื่อขยะอาหารเหล่านี้ไปกองอยู่ในหลุมฝังกลบ มันก็จะสร้างก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมหาศาล

เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่ช่วงหลังๆ เราเห็นบริษัทสตาร์ทอัพทางเทคโนโลยีต่างๆ ออกมาช่วยกันพยายามแก้ไขปัญหาตรงนี้กันเยอะขึ้น ตั้งแต่แอพฯ ที่ให้คนซื้ออาหารเหลือจากร้านในราคาที่ถูกลง หรือซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรที่ไม่สวยงามตามมาตรฐานของซูเปอร์มาร์เก็ตได้โดยตรงจากฟาร์ม แอพฯ เหล่านี้ได้รับความสนใจอย่างมากโดยเฉพาะกับกลุ่มที่เป็นลูกค้ายุคใหม่ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องสภาพแวดล้อมและตระหนักถึงผลกระทบของเศษอาหารที่เหลือ ไม่ใช่แค่ในอเมริกาหรือประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น ตอนนี้ในหลายๆ ประเทศ หรืออย่างบ้านเราเองก็มีเช่นเดียวกันอย่างเช่นแอพฯ ที่ชื่อ Yindii

ความสนใจนี้ถูกแชร์ลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่บ่อยๆ ทั้งทาง TikTok หรือ Reddit ที่จะคอยพูดถึงวิธีการลดขยะอาหารหรือแชร์เรื่องราวที่พวกเขาสามารถกอบกู้ชีวิตของอาหารที่จะเหลือทิ้งจากร้านอาหารหรือซูเปอร์มาร์เก็ตให้กลับมามีประโยชน์อีกครั้ง

ลูซี่ แบสช์ (Lucie Basch) ผู้ร่วมก่อตั้ง Too Good to Go สาขาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสตาร์ทอัพจากประเทศเดนมาร์กที่ก่อตั้งในปี 2015 กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Guardian ว่า

“ไอเดียของแอพฯ ที่เป็นเทคโนโลยีของโลกดิจิทัลทุกวันนี้ คือการเชื่อมต่อถึงกันและกัน และนั่นคือโอกาสของคุณที่จะสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก”

เมื่อดูตัวเลขของขยะอาหารที่ผลิตขึ้นมากลายเป็นขยะไป 40% เราอาจคิดว่าเหตุผลคือร้านอาหารทำมาแล้วขายไม่หมด แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุเดียวของขยะอาหารที่เกิดขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอันยิ่งใหญ่เท่านั้น เพราะมันเกิดขึ้นตั้งแต่หน้าฟาร์ม ตั้งแต่ผลิตมากเกินไปไม่มีผู้รับซื้อ ราคารับซื้อในตลาดต่ำเกินไปจนไม่คุ้มค่าแรงพนักงานในการเก็บเกี่ยวจึงปล่อยให้เน่าเสียไป ผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน ไม่สวยงาม ไม่มีคนรับซื้อ การแพ็กของและสายการบรรจุที่ทำงานผิดพลาด การขนส่งที่ล่าช้าทำให้ของเน่าเสีย สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุของความเสียหายตั้งแต่ยังไม่ถึงที่จุดจำหน่ายเลยด้วยซ้ำ 

เมื่อไปถึงปลายทางสินค้า ขึ้นขายบนชั้นหรือกลายเป็นวัตถุดิบตามร้านอาหาร บ่อยครั้งที่ขายไม่ได้หรือขายไม่หมดสุดท้ายก็ต้องทิ้ง สำหรับส่วนของครัวเรือนบางครั้งไปซื้อของที่ตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตมาใส่ตู้เย็น ซื้อมาเกินความพอดี เยอะเกินไป กินไม่ทัน หมดอายุหรือเน่าเสียก่อนก็ต้องโยนทิ้ง สิ่งเหล่านี้ยิ่งซ้ำเติมปัญหาขยะอาหารมากขึ้นไปอีก

แอพฯ ต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจะมอบโอกาสให้กับลูกค้าได้บอกกับร้านค้าหรือร้านอาหารว่าพวกเขาพร้อมจะซื้อสินค้าหรืออาหารที่ยังทานได้ นอกจากจะลดขยะอาหารแล้วยังสามารถประหยัดเงินค่าอาหารไปได้ด้วยในเวลาเดียวกัน

flashfood.com

อย่างเช่นแอพฯ Flashfood ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2016 จากการที่น้องสาวของจอช โดมิงเกส (Josh Domingues) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ได้รับจัดงานเลี้ยงแห่งหนึ่งแล้วโทรมาบอกเขาว่าเธอต้องทิ้งอาหารมูลค่ากว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐเพราะคนกินเหลือ โดมิงเกสรู้สึกว่ามันเป็นปัญหาที่ใหญ่ไม่น้อยและเริ่มศึกษาจริงจังกับเรื่องนี้ ช่วงนั้นใต้คอนโดของโดมิงเกสมีซูเปอร์มาร์เก็ตพอดีและเขาก็เริ่มสงสัยว่าแต่ละอาทิตย์มีขยะอาหารที่ทิ้งไปเท่าไหร่กันนะ เขาจึงลองสังเกตและคำนวณดูก็พบว่าสูงถึงราวๆ 5,000-10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

นี่คือเหตุผลและจุดเริ่มต้นของ Flashfood ที่เป็นแอพฯ ให้ลูกค้าสามารถกดเลือกซื้อของที่ใกล้วันหมดอายุ หรือถ้าบ้านเราก็คือสินค้าที่ติดป้ายแดงได้จากแอพฯ ในมือถือ และโดยส่วนใหญ่แล้วอาหารหรือสินค้าเหล่านี้จะราคาลดมากกว่า 50% โดมิงเกสอยากยกระดับประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ลดราคาตามซูเปอร์มาร์เก็ตให้สะดวกขึ้น เพียงกดเปิดแอพฯ แล้วเลือกซื้อ จ่ายเงิน แล้วก็ไปรับที่ซูเปอร์ได้เลย ตอนนี้ Flashfood มีพาร์ตเนอร์มากกว่า 1,500 ร้านค้าและลดขยะอาหารไปแล้วกว่า 23 ล้านกิโลกรัม

จอช โดมิงเกส บอกว่า “สิ่งที่เราต้องการคือทำให้ลูกค้าสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยกระเป๋าเงินของตัวเอง และนั่นก็สร้างผลกระทบอย่างมากเลย เราช่วยลูกค้าประหยัดเงินไปแล้วหลายสิบล้านดอลลาร์จากการไปซื้อของ

“มันต้องใช้คนทั้งหมู่บ้านเพื่อจะแก้ปัญหาตรงนี้ มันไม่มีทางที่คนเดียวจะทำได้ ต้องใช้การผสมผสานของคนที่มีความต้องการที่ดีมาร่วมมือกัน” ซึ่งแบสช์แห่ง Too Good to Go ก็บอกเหมือนกันว่า “คู่แข่งเดียวของเราคือถังขยะ”

ปัจจุบัน Too Good to Go ให้บริการใน 5 ประเทศและ 13 เมืองในยุโรปและอเมริกา โดยเริ่มต้นเปิดตัวที่ยุโรปในปี 2015 ก่อนขยายตลาดมาเรื่อยๆ จนเปิดในอเมริกาเมื่อปี 2020 ตอนนี้พวกเขามีบริการแล้วในเมืองอย่างออสติน,ชิคาโก้, ลอสเอนเจลิส, ซีแอตเทิล และฟิลาเดลเฟีย แบสช์บอกว่าโดยประมาณแล้วพวกเขาลดขยะอาหารนับเป็น 300,000 มื้อต่อวันเลยทีเดียว 

ลูกค้าของ Too Good to Go สามารถเปิดแอพฯ ขึ้นมาแล้วค้นหาร้านอาหาร เบเกอรี่ และร้านซูเปอร์มาร์เก็ตในแอพฯ และซื้อถุง ‘Surprised Bags’ ที่ทางร้านจะเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง เบเกิล ผัดไทย หรือผักผลไม้สดที่ยังคุณภาพดี (แต่ตามกฎหมายระบุไว้ว่าต้องทิ้งเมื่อหมดวัน) ใส่ไว้ในนั้นให้ ราคาต่อถุงก็ประมาณ 3-5 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ของที่อยู่ในนั้นอย่างน้อยจะมีมูลค่ามากกว่า 3 เท่าของที่จ่ายไป เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นดีลที่ดีมากๆ สำหรับลูกค้า

แม้จะยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่ก็เป็นการสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมีผลกระทบทางบวกกับโลกใบนี้ยังไง แบสช์กล่าวว่า “ทั้งสายการผลิตของอาหารนั้นล้วนสร้างขยะทั้งสิ้นและเราต้องช่วยกัน แต่สำหรับเรา เริ่มจากการทำให้ลูกค้าตระหนักก่อนโดยการใช้แอพฯ ง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถดาวน์โหลดและเริ่มใช้ได้เลยวันนี้ นี่คือโอกาสที่จะสร้างความแตกต่างของเราเอง”

แน่นอนยังมีแอพฯ อื่นๆ ที่มุ่งแก้ปัญหาที่ต้นน้ำอย่าง Misfits Market ที่ขายผลิตภัณฑ์ที่รูปร่างหน้าตาไม่สวย ซึ่งปกติแล้วซูเปอร์มาร์เก็ตจะไม่รับซื้อเพราะขายไม่ได้ พวกเขาก็เอามาขายออนไลน์ ส่งตรงจากชาวสวนชาวไร่ถึงหน้าบ้านแบบระบบสมาชิกที่ราคาจะถูกกว่าในซูเปอร์ประมาณ 30-50%

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ตัมมารา โซมา (Tammara Soma) ผู้ช่วยศาสตราจารย์และผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของห้องปฏิบัติการระบบอาหารที่คณะการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่ Simon Fraser University กล่าวว่าแอพฯ ต่างๆ เหล่านี้แม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่พอ 

“มันช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อและสื่อสารกันมากขึ้น แต่มันไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของขยะและความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติที่ไม่มีประสิทธิภาพ

“มันเป็นเรื่องที่ยากมากเลยที่แอพฯ จะจัดการกับปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับนโยบายและแนวปฏิบัติที่ไม่ดี จริงอยู่ที่ว่าแอพฯ เหล่านี้สามารถช่วยลดและหลีกเลี่ยงการเป็นขยะในทางหนึ่ง อย่างเช่นฟาร์ม ร้านขายของ หรือร้านอาหาร แต่มันก็ไม่ชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วอาหารเหล่านี้จะถูกกินทั้งหมดรึเปล่าหรือมันก็ลงไปในถังขยะอยู่ดี”

โซมาอธิบายว่าเมื่อเราพูดถึงขยะอาหาร ต้องแยกออกเป็นสองส่วนคือ หนึ่ง ‘food loss’ ขยะที่เกิดขึ้นที่ต้นน้ำ ตั้งแต่ฟาร์มจนถึงหน้าประตูบ้านและร้านขายของ และสอง ‘food waste’ ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ปลายน้ำ จากร้านขายของไปยังร้านอาหาร และต้นทุนของขยะอาหารนั้นไม่ได้มีแค่อาหารเท่านั้น ต้องมองไปถึงแรงงาน เวลา การขนส่ง น้ำ ปุ๋ย ยา และอะไรอีกมากมายที่ทำให้อาหารเหล่านี้มาถึงมือของลูกค้าได้

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมที่จริงแล้วปัญหาของขยะอาหารนั้นควรเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ เป็นการ ‘ป้องกัน’ ไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก เพื่อไม่ให้มีการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยสูญเปล่าในภายหลัง แต่การป้องกันเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่าย เพราะต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบวงจรของอาหารทั้งหมดที่ต้องแก้ไขเรื่องของการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองและการผลิตที่มากจนเกินไป 

flashfood.com

โซมาบอกว่าตอนนี้มีแอพฯ อย่าง LiteFarm ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ชาวสวนไร่สามารถติดตามผลผลิตและยอดขายของตัวเองก็กำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น มันยังช่วยทำให้การวางแผนการจ้างงานและจัดการผลผลิตที่ขายไม่ได้และเป็นขยะได้ดีมากขึ้นด้วย

นอกจากแอพฯ ที่ช่วยชาวสวนชาวไร่จัดการผลผลิตและลดขยะอาหารที่ต้นเหตุอย่าง LiteFarm แล้ว โซมาก็บอกว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีมากหากมีแอพฯ ที่ช่วยเชื่อมผู้ผลิตในท้องถิ่นกับคนในท้องถิ่นโดยตรง ลดการขนส่งและวงจรทั้งหมดลง สร้างความสัมพันธ์ระหว่างอาหารที่เราทานทุกวันกับคนที่สร้างจะทำให้สังคมที่อยู่นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้นด้วย

ปัญหาขยะอาหารคือปัญหาใหญ่ และมันไม่ใช่ปัญหาที่คนคนเดียว หรือแอพฯ เพียงไม่กี่แอพฯ จะทำได้ แม้ว่าจุดประสงค์หรือเป้าหมายของแอพฯ เหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่ดี แต่สุดท้ายมันก็ต้องอาศัยความร่วมมือ การตระหนักรู้ของทุกคน การปรับโครงสร้างของสังคม ตั้งแต่การผลิตและเข้าใจความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ตั้งแต่ทรัพยากรไปจนถึงขยะอาหารที่ถูกทิ้งลงถัง 

ก็เหมือนอย่างที่โดมิงเกสบอกว่า ต้องใช้ทุกคนทั้งหมู่บ้านเพื่อแก้ปัญหานี้ด้วยกัน และถ้าทำได้โลกใบนี้ก็จะน่าดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่มากทีเดียว

อ้างอิง

Writer

คุณพ่อลูกหนึ่งจากเชียงใหม่ที่รักการเขียน การอ่าน และการดองหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจและเป้าหมายการทำงานที่เป็นมากกว่าแค่ผลกำไรและทำงานหนักจนลืมความหมายของการมีชีวิตอยู่

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: y.pongtorn@gmail.com

You Might Also Like