เอาให้โฮ่ง
5P ของ Doglicious แบรนด์ขนมสัตว์เลี้ยงของสามเพื่อนซี้ที่หมาแมวกินดี พ่อแม่ก็ทำคอนเทนต์ได้
พิซซ่าหน้า Salmon Lover คิมบับที่ห่อจากไข่เนื้อแน่น ชุดเบอร์เกอร์และเฟรนช์ฟรายส์ทอดหอมๆ
นึกภาพไม่ออกเลยว่าเมนูที่ได้ยินชื่อก็น้ำลายสอเหล่านี้จะกลายมาเป็นอาหารน้องหมา จนกระทั่งวันที่เราได้รู้จัก Doglicious
แบรนด์อาหารและขนมของสัตว์เลี้ยง (pet treats) แบรนด์นี้ก่อตั้งโดย เพิท–ภาณิชา ศุภหัตถานุกุล, เยลลี่–ณัฐวรรณ วุฒินภาวัฒน์ และบอม–ชนิภา ศรีสมบุญกุล สามหุ้นส่วนที่ต่างเลี้ยงและรักสัตว์เหมือนกัน
เมนูของพวกเขานั้นไม่ใช่อาหารคนที่หมากินได้ จะบอกว่าเป็นอาหารหมาที่คนกินได้ก็ไม่เชิง แต่ทุกเมนูของ Doglicious รังสรรค์ขึ้นมาโดยให้ความสำคัญกับผู้เลี้ยงและสัตว์เลี้ยงเท่าๆ กัน ในแง่ที่ว่า เป็นเมนูที่น้องหมาได้อิ่มอร่อย ได้โภชนาการที่เหมาะสม ในขณะที่คนเลี้ยงก็ไม่ได้ทำแค่ป้อนแล้วจบ แต่ได้ใช้เวลาคุณภาพกับน้องหมา เพื่อนฝูง แถมยังถ่ายรูปสวยๆ ทำคอนเทนต์ได้อีก
ความแตกต่างเหล่านี้เองนำมาสู่การสนทนากับหนึ่งในผู้ก่อตั้งอย่างเพิทซึ่งพร้อมมาเปิดคู่มือ 4P+1 ของ Doglicious แล้ว
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious7-1024x683.jpg)
PRODUCT
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น เพิท เยลลี่ และบอมซึ่งปวารณาตนเป็นพ่อแม่หมาแมวอยู่แล้วคิดว่างานออกแบบน่าจะเอามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจขนมของน้องๆ ได้ Doglicious จึงก่อร่างสร้างตัวจากจุดนั้น
“ก่อนหน้านี้ขนมหรืออาหารของน้องๆ ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีหน้าตาเดิมๆ เราก็คิดว่าทำไมไม่เคยมีอาหารสุนัขที่หน้าตาเหมือนอาหารของคนเลย” เพิทเล่า pain point แรก
อีกหนึ่งปัญหาที่พวกเขามองเห็นคือพ่อแม่หลายคนใช้อาหารคนป้อนสัตว์เลี้ยงของตัวเอง Doglicious จึงพลิกแพลงออกมาเป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบเกรดเดียวกับอาหารคน แต่ทำรสชาติที่น้องๆ หมาแมวกินได้อย่างเอร็ดอร่อย อุดมไปด้วยสารอาหารที่ต้องการ
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious3-1024x683.jpg)
ในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พวกเขายังไปลงคอร์สเรียนด้านโภชนาการขนมกินเล่นของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพื่อสร้างสรรค์เมนูที่ปลอดภัย ย่อยง่าย และตอบโจทย์กับสัตว์เลี้ยงมากที่สุด
“เราจะทำเมนูกลูเตนฟรี ไม่ใส่ยีสต์ สีที่ได้ก็มาจากผักหรือผลไม้” เพิทบอก แล้วยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์แรกของ Doglicious ให้ฟัง Doglicious ดัดแปลงพิซซ่าขอบชีสที่คนชอบกินให้กลายเป็นขอบมันม่วงแสนอร่อย
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious7-1024x683.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious4-1024x683.jpg)
ทำไมต้องเป็นพิซซ่า? เหตุผลไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเป็นเมนูที่มีหลายชิ้น แบ่งน้องหมาได้หลายตัว เหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีสมาชิกมากกว่าหนึ่งตัวในบ้าน มากกว่านั้น Doglicious ยังมีการคำนวณโภชนาการตามน้ำหนักของน้องให้ด้วยว่าควรกินเท่าไหร่
“เราคำนึงเรื่องโภชนาการเป็นหลัก หมาบางตัวอาจจะแพ้ปลาบางชนิด หมาบางตัวอาจจะแก่แล้ว ระบบย่อยไม่ค่อยดี น้องหมาแต่ละตัว แต่ละสายพันธุ์ ก็กินไม่เหมือนกันเลย ก่อนที่จะทำแต่ละเมนูเราจึงต้องคุยกับเจ้าของหมาให้เยอะๆ ก่อนเพื่อจะได้แนะนำเขาได้”
ไลน์สินค้าของ Doglicious มีทั้งเค้ก พิซซ่า คิมบับ ไปจนถึงคุกกี้และซีเรียล ซึ่งมีทั้งแบบ made-to-order เพื่อรองรับเงื่อนไขการกินของน้องๆ และแบบสต็อก ให้พ่อแม่น้องหมาจับจ่ายได้ง่ายๆ และอันที่จริง เห็นชื่อแบรนด์อาจคิดว่าเป็นสินค้าของน้องหมาแค่อย่างเดียว แต่แท้จริงแล้ว Doglicious เป็นโปรดักต์ที่ทำขึ้นมาทั้งเพื่อน้องหมาและน้องแมว (ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้จากรูปหมา/แมวหน้าแพ็กเกจจิ้งล่ะ)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious12-1024x683.jpg)
ที่พิเศษกว่านั้นคือพวกเขาเชื่อว่าการให้อาหารน้องๆ คือกิจกรรมที่เจ้าของกับสัตว์เลี้ยงจะได้ใช้เวลาร่วมกัน ผลิตภัณฑ์ของ Doglicious จึงตั้งใจบรรจุในแพ็กเกจจิ้งสวยงาม เปิดกล่องมาเจอหน้าตาอาหารที่สีสันสดใส ทำให้นอกจากหมาแมวจะอิ่มอร่อยแล้ว คนเลี้ยงก็ถ่ายรูปทำคอนเทนต์ได้อย่างสนุกสนาน
ช่วงเทศกาล Doglicious ยังขยันออกสินค้าพิเศษให้พ่อแม่น้องหมาแมวได้ช้อปมาเฉลิมฉลองร่วมกัน อาทิ คุกกี้วันคริสต์มาสที่ทำแพ็กเกจจิ้งล้อไปกับคุกกี้ของขวัญแสนคุ้นตา พวกเขายังมีบริการจัดแคตเทอริ่งให้กับองค์กรที่อยากจัดงานแบบ pet-friendly และมีอาหารเสิร์ฟน้องหมาน้องแมวในงานอีกด้วย
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/S__64004109_0-1024x1024.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/S__64004107_0-1024x1024.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/S__64004112_0-819x1024.jpg)
PRICE
หากมองจากสายตาของคนทั่วไป อาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ Doglicious อาจดูราคาแพงกว่าในท้องตลาด เรนจ์ราคาของพวกเขาเริ่มต้นตั้งแต่ 320 บาท (พิซซ่า) ไปจนถึงหลักพัน (เค้กแบบอลังการงานสร้าง)
ต้นทุนของวัตถุดิบคือเหตุผล อาหารของ Doglicious ใช้วัตถุดิบเกรดเดียวกับอาหารคน
“อย่างแซลมอนก็ใช้เกรดเดียวกับในร้านอาหารญี่ปุ่น หรืออาหารที่มีส่วนผสมของปลา เราไม่ได้ใช้เศษปลาแต่ใช้ปลากะพงขาว นมเราก็ใช้นมแพะจากฟาร์มโดยตรง” เพิทบอก
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/HERO-Doglicious-1024x576.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious10-1024x683.jpg)
“เพิทคิดว่าอาหารของเราไม่ใช่อาหารสัตว์ มันคือศิลปะอย่างหนึ่งด้วย” ความครีเอทีฟคืออีกหนึ่งเหตุผล อย่างเบอร์เกอร์ การจะรังสรรค์ให้มันฟูขึ้นมาจนได้รูป เราไม่ได้ใส่ยีสต์หรือผงฟู แต่เราคิดค้นวิธีที่จะทำให้มันฟูขึ้นมาได้เอง ใช้ระยะเวลายาวนานมากกว่าจะสำเร็จ พอเราอธิบายตรงนี้กับลูกค้า เขาก็จะเข้าใจ
“ตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา เราไม่ประนีประนอมกับคุณภาพ เราต้องการให้ลูกค้าและน้องๆ ประทับใจจริงๆ พอลูกค้าซื้อไปแล้วเขาจะเห็นเองว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และสุดท้ายเขาก็จะกลับมาหาเราเอง”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious17-1024x683.jpg)
PLACE & PROMOTION
Doglicious ปล่อยเมนูแรกออกมาตอนช่วงโควิด-19 พวกเขาจึงต้องขายออนไลน์เป็นหลัก ก่อนจะขยับขยายไปฝากขายในร้านอาหารสัตว์เลี้ยงต่างๆ ที่รู้จัก
แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็พบว่าออนไลน์เป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นช่องทางที่ทำให้ลูกค้าได้มีเวลาตัดสินใจ สินค้าของ Doglicious ยังเป็นสินค้าที่เรียกร้องการพูดคุยกับลูกค้าอย่างละเอียด
“สินค้าของ Doglicious ถือว่าเป็นสิ่งใหม่ ไม่เหมือนการขายขนมทั่วไปที่ลูกค้ารู้จักอยู่แล้ว เราเป็นแบรนด์เล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มด้วย จึงเน้นการสื่อสารให้มาก”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious15-1024x683.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious14-1024x683.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious16-1024x683.jpg)
การพูดคุยกับลูกค้ายังไม่ได้มีประโยชน์ในแง่การขายหรือรับฟีดแบ็กอย่างเดียว แต่มันทำให้ทีม Doglicious รู้สึกเหมือนได้เจอคอมมิวนิตี้ของพ่อแม่น้องๆ เหมือนกัน ทำให้ยิ่งได้คุยก็ยิ่งสนุกถูกคอ
ส่วนด้านโปรโมชั่น Doglicious บอกเราว่าไม่ได้จัดโปรฯ หนักเท่าไหร่ มีการจัดโปรฯ ส่งฟรีในวันพิเศษเช่น 2.2 หรือ 3.3 บางครั้งก็มีการจัดเซตเมนูที่กิน (และถ่ายรูป) ได้เข้ากัน หรือวันดีคืนดีก็จะมีการคอลแล็บกับแบรนด์สัตว์เลี้ยงแบรนด์อื่นๆ แล้วจัดส่วนลดร่วมกันเพื่อกระตุ้นยอด
“ความท้าทายของการทำการตลาดกับลูกค้าของเราคือ เขาจะเป็นประเภทที่เห็นสินค้าแล้วจะไม่ได้ตัดสินใจซื้อทันที มันต้องมีการให้ข้อมูล ด้วยสินค้าของเราค่อนข้างใหม่ หลายคนอาจจะกังวลก่อนจะซื้อ
“เราเข้าใจนะ เพราะบางคนเขารักหมาเหมือนลูกจริงๆ เราก็รักน้องของเราแบบนั้น จะตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่างให้ลูกเราก็ต้องคิดเยอะ เราจึงเน้นพูดคุยกัน ไม่ได้ยิงแอดฯ เยอะ และอาศัยปากต่อปากมากกว่า” เพิทบอก
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious1-1024x683.jpg)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-W-Doglicious9-1024x683.jpg)
Passion and Participation
P ที่ 5 ของ Doglicious คือ Passion
“ธุรกิจของเราเกิดขึ้นได้เพราะเรากับพาร์ตเนอร์มีแพสชั่นร่วมกัน ในการทำธุรกิจเราต้องอยู่กับมัน 24 ชั่วโมง ถ้าเราไม่มีแพสชั่นเราทำไม่ได้หรอก ถ้าเราไม่ได้รักมันจริงๆ แค่อยู่กับมันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเราก็เบื่อ เพราะฉะนั้นแพสชั่นคือตัวขับเคลื่อนธุรกิจของเรา”
Doglicious ใจดี แถม P มาให้เราอีกตัว นั่นคือคำว่า Participation หรือการมีส่วนร่วมระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง
“การให้ขนมหมามันมีอะไรมากกว่าการป้อน อาหารของ Doglicious ทำให้เจ้าของสามารถฝึกน้องได้ ถ่ายรูปทำคอนเทนต์ได้ หรือชวนเพื่อนคนอื่นๆ ที่รักหมาเหมือนกันมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนี้ได้”
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2024/04/BODY-WEB-H-Doglicious61-683x1024.jpg)