Pioneering Growth & Beyond
Central Pattana กับการพัฒนาโครงการทั่วไทย ที่มองอสังหาฯ มากกว่าพื้นที่ แต่คือการพัฒนาย่าน
ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่ครบลูปและไร้รอยต่อ การพัฒนาโครงการ mixed-use กลายเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ที่มากกว่าการเป็นเพียงพื้นที่ช้อปปิ้ง แต่คือ Centre of Life ที่เชื่อมโยงทุกฟังก์ชั่นการใช้ชีวิตไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
mixed-use ไม่ได้เป็นแค่การรวมที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ โรงแรม พื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานที่พักผ่อน และพื้นที่สาธารณะไว้ในที่เดียว แต่คือการสร้าง ecosystem ที่ผู้คนสามารถทำงาน พักผ่อน และใช้ชีวิต ได้อย่างครบถ้วนในย่านเดียว พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจ ดึงดูดการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นมหาศาล
หนึ่งในผู้บุกเบิกและพัฒนา mixed-use และขยายไปทั่วประเทศไทยคือ Central Pattana ที่สร้างตำนานความสำเร็จด้วย Central Ladprao เมื่อ 45 ปีที่แล้ว ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ ‘45 Years of Better Futures: Pioneering Growth & Beyond’ มุ่งพัฒนาโครงการ mixed-use ทั่วประเทศ ลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท ทั้งพัฒนาเมกะโปรเจกต์และมิกซ์ยูส รวมถึงโครงการต่างๆ ที่ไม่เพียงพัฒนากรุงเทพฯ แต่ยังครอบคลุมหัวเมืองหลัก ไม่เพียงสร้างพื้นที่ทางกายภาพแต่คือการเตรียมพร้อมยกระดับเมืองสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและศูนย์กลางชีวิตในทุกภูมิภาคเพื่อรองรับวิถีชีวิตคนยุคใหม่
ว่าแต่เมกะโปรเจกต์ที่เซ็นทรัลพัฒนาศึกษาอย่างลงลึก และตั้งใจพากรุงเทพฯ และประเทศไทยไปสู่เวทีโลกจะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย

พัฒนา ‘Centre of Life’ ทั่วกรุง
เพราะ ‘กรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่ย่าน CBD’
Central Pattana เชื่อว่า ‘กรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่ย่าน CBD’ การพัฒนาเมืองไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงพื้นที่กลางเมือง แต่ควรกระจายศูนย์กลางเศรษฐกิจ (New CBD) ไปสู่ย่านใหม่ๆ ทั่วประเทศ เพื่อลดความหนาแน่นและขยายโอกาสทางเศรษฐกิจไปยังหัวเมืองหลักและเมืองรอง
ประโยชน์ในระยะยาว ไม่เพียงแค่สร้างเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ยังสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก ที่เชื่อมโยงกับนักลงทุนและแบรนด์ระดับสากล ช่วยให้ประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค แต่พร้อมก้าวสู่เวทีโลก อย่างมั่นคงและยั่งยืน

สำหรับในกรุงเทพฯ เองจึงมีการกระจายโครงการไปยังหลากหลายสถานที่ ได้แก่
1. พัฒนาแลนด์มาร์กใหม่ใจกลางกรุง ด้วย ‘Central Park’
การพัฒนา Central Park คือหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองของ Central Pattana ที่มองไปไกลกว่าการสร้างพื้นที่รีเทล แต่คือการสร้างแลนด์มาร์กใหม่ใจกลางกรุง ด้วยการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสระดับโลกในชื่อ Dusit Central Park ภายใต้คอนเซปต์ ‘Here for Bangkok’ โดยตั้งเป้าให้เป็น One-of-a-Kind Landmark ที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ ที่กำหนดเปิดสิงหาคม 2568 นี้

โครงการ ‘Central Park Retail’ จะเป็น new retail phenomenon ที่แบรนด์ระดับโลกเตรียมเปิดกว่า 150 แบรนด์ ซึ่งตอนนี้พื้นที่ถูกจับจองเกือบเต็มหมดแล้ว โดยเป็นแบรนด์ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทยถึง 9 แบรนด์ และคอนเซปต์ใหม่ถึง 75 แบรนด์ นำโดยแบรนด์แฟชั่นของ Inditex group ขยายทุกแบรนด์ในเครือในรอบ 15 ปี มี high-street & bridge-line brands, prestige cosmetic brands และ sport destination นอกจากนี้อาณาจักรร้านอาหาร แบรนด์ไทย Iberry Group เปิดครบถึง 7 แบรนด์เป็นครั้งแรก และ Michelin Street Food มากมาย
ความโดดเด่นของ Central Park คือการตั้งอยู่บนทำเลหัวมุม 2 ถนนใหญ่ในย่านสีลม ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพฯ พร้อมทั้งมีจุดตัดของรถไฟฟ้าสองสาย ที่เชื่อมโยงการเดินทาง และยังติดกับสวนลุมพินี ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ถือเป็นทำเลทองที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และการทำธุรกิจ


โครงการยังผสานความลงตัวของพื้นที่มิกซ์ยูส ด้วยการเชื่อมโยงระหว่าง รีเทล โรงแรมดุสิตธานี Dusit Residences และ Central Park Offices ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารสำนักงานที่ทันสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ
ถือเป็นการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ให้กรุงเทพฯ ผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ไม่เพียงแค่ ‘อยู่อาศัย’ แต่คือ ‘เมืองที่มีชีวิต’ ในทุกมิติ ทั้งการทำงาน การพักผ่อน และการท่องเที่ยว

2. สร้าง New CBD กรุงเทพฯ ตอนบน กับ ‘The Central’ พหลโยธิน ที่เผยชื่อโครงการครั้งแรกจาก Central Pattana
การมองเห็นศักยภาพของย่านพหลโยธินมาจากความสำเร็จของ Central Ladprao ที่เปิดมานานกว่า 45 ปีและยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยความหนาแน่นของประชากรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเป็น Gateway ที่ดึงดูดดีมานด์ใหม่จากเขตตอนเหนือของกรุงเทพฯ ทำให้เซ็นทรัลพัฒนามองเห็นโอกาสในการขยายศูนย์การค้าแห่งที่สองในย่านนี้


ดังนั้นการพัฒนา The Central ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มพื้นที่รีเทล แต่คือการยกระดับย่านพหลโยธินให้กลายเป็น New CBD ของกรุงเทพฯ ตอนบน บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 49 ไร่ โดยตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ที่ดึงดูดนักช้อปคุณภาพ และ global brand จากทั่วโลกเหมือนที่ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’



3. ยกระดับย่านนนทบุรีให้เป็น The New District of North Bangkok กับ Central Northville
ครั้งหนึ่ง Central Pattana เคยพัฒนาย่านรอบกรุงเทพฯ จนแต่ละย่านได้รับการขนานนามตามชื่อศูนย์การค้าที่เซ็นทรัลพัฒนาได้สร้าง ไม่ว่าจะเป็นย่านอีสต์วิลล์ ย่านเวสต์เกต และย่านเวสต์วิลล์ และปรากฏการณ์นั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้งกับ Central Northville ซึ่งอยู่บนพื้นที่เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์เดิม

Central Northville คือการยกระดับย่านนนทบุรีให้เป็น The New District of North Bangkok โดยเซ็นทรัลพัฒนาเล็งเห็นถึงโอกาสในการลดความหนาแน่นในกรุงเทพฯ ชั้นใน ด้วยการสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ ช่วยกระจายความคึกคักและสร้างความมีชีวิตชีวาไปยังย่านชานเมืองอย่างนนทบุรี รองรับการขยายของแบรนด์ดังและแบรนด์ระดับโลก พร้อมด้วยการผนึกกำลังของหลากหลายธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัล ตอบโจทย์ความต้องการของย่านในทุกมิติด้วย Family & Edutainment, Food, Sport & Wellness Destinations


ทำเลศักยภาพของ Central Northville บนพื้นที่ 59 ไร่ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เดินทางสะดวก ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน การออกแบบด้วยคอนเซปต์ Biophilic Design ที่นำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร สร้างบรรยากาศแบบ outdoor-in-indoor ที่จะทำให้รู้สึกเดินช้อปปิ้งในสวนเลย พร้อมทั้งมี socialized, multi-generation & community space และพื้นที่ pet-friendly คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วง Q2 ปี 2569
นอกจากนั้นยังมีโครงการ Transformation ที่เตรียมยกระดับโลเคชั่นสำคัญให้กลายเป็น magnet destination ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับสูง (affluent demographic) โดยมีเป้าหมายสร้างแหล่งรวมแฟชั่น, Food Hub, Family & Edutainment ที่ดีที่สุดในแต่ละย่าน



ไม่ว่าจะเป็น Central Pinklao ที่ตั้งใจเป็น ‘New Soul of the District’ ยกระดับให้เป็นศูนย์กลางย่านธนบุรี รองรับการเติบโตของประชากรและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการพลิกโฉมครั้งนี้จะปรับตามกลุ่มลูกค้า เพื่อทำให้สามารถเข้าถึงประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ทันสมัยและพรีเมียมมากขึ้น

Central Chaengwattana ในคอนเซปต์ The Life Extraordinaire เพื่อพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางออฟฟิศและที่อยู่อาศัย รองรับครอบครัวที่มีกำลังซื้อสูงและชุมชน expat จึงต่อยอดจุดแข็งด้วย Family & Edutainment ขนาดใหญ่กว่า 3,200 ตร.ม. นำโดย Harbor Land คอนเซปต์ใหม่ที่สุด, Bounce, Joyliday, Little Campus และ SF Cinema โฉมใหม่
Central Bangna–Discover Life Well Lived ซึ่งเป็น ‘Always the Place’ ของคนในย่าน มีความเติบโตชัดเจนเป็น ‘High Quality Catchment Area’ แวดล้อมด้วยโครงการ Luxury Residence และโรงเรียนนานาชาติระดับ top-tier ประชากรมีรายได้สูงกว่า Bangkok CBD บางย่าน จากศักยภาพจึงได้ทรานส์ฟอร์มสู่ new masterplanning ขยายเป็นโครงการมิกซ์ยูสยิ่งใหญ่ของย่านบนพื้นที่ 55 ไร่ เติมเต็ม Accessible Luxury Brands และมี Upper Lifestyle Brands, Brand Anchors


พัฒนา ‘Centre of Life’ ทั่วประเทศ
เพราะ ‘ประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพฯ’
เพราะประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพฯ เซ็นทรัลพัฒนาจึงได้พัฒนาโครงการ mixed-used ที่จะเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญในหัวเมืองต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นแค่การขยายศูนย์การค้า แต่คือการสร้างแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน
เป็นที่มาของ Central Khonkaen Campus, Central Chiangmai Airport และ Central Phuket ที่ได้รับการออกแบบให้เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ การใช้ชีวิต และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาพื้นที่เชิงกลยุทธ์ให้กลายเป็น ‘Economic Hubs’
ไม่เพียงดึงดูดการลงทุนจากในและต่างประเทศแต่ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจในระดับมหภาค
1. พัฒนาเมืองหลวงแห่งล้านนาด้วย Central Chiangmai Airport
สำหรับ Central Chiangmai Airport ได้ทำมาสเตอร์แพลนใหม่ซึ่งแบ่งเป็น 2 เฟส–เฟสแรกคือศูนย์การค้าที่รีโนเวตในคอนเซปต์ Reimagining Lanna สะท้อนอัตลักษณ์ล้านนา ได้ขยายพื้นที่เป็น 10,000 ตร.ม. หรือมากกว่าเดิม 3 เท่า เพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยว
ส่วนอีกเฟสคือโครงการมิกซ์ยูสที่จะมีทั้ง Convention Hall, Tourist Hub, Multi-Generation Space รองรับคนทุกวัย นอกจากนี้โครงการยังรวมไปถึง Go Wholesale แห่งแรกในภาคเหนือ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวที่ครบวงจร ตอบสนองทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก


2. ต่อยอดความสำเร็จในหัวเมืองที่เป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน กับ Central Khonkaen Campus
ส่วนเมืองหลวงแห่งอีสานอย่างขอนแก่นนั้น แม้จะมีเซ็นทรัล ขอนแก่นที่ผูกพันกับคนขอนแก่นมานานกว่า 13 ปี แต่เพราะความผูกพันนั้นเองที่ทำให้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของขอนแก่นและเห็นศักยภาพที่จะเปิด Central Khonkaen Campus ซึ่งตั้งอยู่บน Strategic Location ใกล้กับโรงพยาบาลใหญ่ของเมืองที่จำนวนเตียงรองรับคนไข้มากที่สุดในเอเชีย ทั้งยังติดกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นอีกด้วย

คอนเซปต์หลักคือการผสาน Urban Lifestyle กับ Local Wisdom หรือเชื่อมโยงวิถีชีวิตเมืองและวัฒนธรรมอีสาน นอกจากจะมีศูนย์กลางไลฟ์สไตล์และความบันเทิงที่รองรับทั้งการช้อปปิ้ง การเรียนรู้ และการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่ ยังมีคอนโดและโรงแรม GO Hotel ที่พักรูปแบบใหม่ ถือเป็นการเพิ่มความคึกคักให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในแง่ของการดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เข้าพักจากหลากหลายภูมิภาค


3. เพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการเติบโตของแดนอันดามันด้วย Central Phuket และ Central Krabi
ส่วนภาคใต้ของไทย Central Pattana ปักหมุดที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็น high-end tourist destination ปัจจุบันมี Central Phuket แต่ตั้งใจขยายโซนลักชูรี่อีก 20,000 ตร.ม. เพื่อรองรับ luxury brand นอกจากนั้นยังมีโรงแรม 6 ดาว เพิ่มศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวระดับพรีเมียมซึ่งจะพร้อมในไตรมาส 3 ของปี 2569


ส่วนอีกแห่งสำคัญที่จะเปิดในเดือนตุลาคมปีนี้คือ Central Krabi ด้วยแนวคิด Sustainable & Mindful Travel เพื่อเป็นต้นแบบศูนย์การค้าด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน


การพัฒนา mixed-use ของ Central Pattana ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างพื้นที่ แต่คือการสร้างเมืองที่ยั่งยืน ด้วยการผสานฟังก์ชั่น Retail, Residence, Office และ Hotel เข้าไว้ด้วยกันในพื้นที่เดียว ช่วยให้ผู้คนทำงาน พักผ่อน และใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ลดการเดินทาง และเข้าถึงทุกความต้องการได้ในย่านเดียว
ไม่ว่าจะโครงการในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ต่างเป็นการสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ที่กระตุ้นการลงทุนและสร้างมูลค่าให้พื้นที่ ช่วยยกระดับเมืองให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ดึงดูดการลงทุนจากภายนอก
ทั้งหมดนี้คือการก้าวข้ามขีดจำกัดของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบดั้งเดิม สู่การเป็นผู้นำการพัฒนาเมือง ที่มุ่งให้คนไทยได้ใช้ชีวิตอย่างไร้รอยต่อ พร้อมรองรับอนาคตที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘45 Years of Better Futures: Pioneering Growth & Beyond’ ที่ Central Pattana ตั้งเป้าสร้างอนาคตที่ยั่งยืน สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกชุมชนและเมือง พร้อมนำพาประเทศไทยก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลกอย่างแท้จริง