สัตว์ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศ

จาก ‘คาปิบาร่าแช่ออนเซน’ สู่งานประจำปีที่ส่งผลกับธุรกิจสวนสัตว์และเศรษฐกิจระดับเมือง

ทุกวันนี้หลายคนอุทิศตนเป็นคนรักคาปิบาร่า นั่งดูมีมทุกวัน มีโอกาสก็อยากจะไปเจอมันสักครั้ง ไปสวนสัตว์แน่นอนว่าโซนเจ้าคาปิบาร่ากลายเป็นหนึ่งในโซนซูเปอร์สตาร์ประจำสวนสัตว์หรือพื้นที่ชมสัตว์ต่างๆ 

ถ้าเรามองย้อนไป คาปิบาร่าอันที่จริงเป็นสัตว์ที่เข้ามาในพื้นที่สวนสัตว์บ้านเรานานแล้ว ยุคหนึ่งเข้ามาในฐานะหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถ้ามองย้อนไปแม้แต่ผู้เขียนเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าเจ้าหนูยักษ์มันจะน่ารักเป็นพิเศษตรงไหน รู้สึกมันใหญ่เกิน ขนก็ดูสากๆ แต่ทว่าประมาณสี่ห้าปีที่ผ่านมา โลกออนไลน์ได้เริ่มเห็นภาพเจ้าหนูยักษ์ในความหมายใหม่ๆ เป็นเจ้าหนูยักษ์ตัวแทนของความชิลล์ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับความอยากที่จะหยุดพักของโลกการทำงาน เห็นภาพพวกมันใช้ชีวิตอย่างสันติกับอีกสัตว์แทบทุกสายพันธุ์ไปจนถึงจระเข้ ทว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของการเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่คือน่าจะเป็นภาพเจ้าคาปิบาร่าที่แช่น้ำอย่างสบายใจในบ่อน้ำร้อน ตรงนี้เองที่เป็นภาพจำที่กลายเป็นภาพไวรัล และพวกมันเองก็ค่อยๆ กลายเป็นตัวแทนของความสบายๆ ให้กับพวกเราชาวเร่งรีบ

จุดเริ่มหนึ่งของมีม และการที่คาปิบาร่ากลายเป็นสุดยอดสัตว์แสนรักของคนทั้งโลกเริ่มจากสวนสัตว์แห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่เอาเจ้าคาปิลงไปแช่น้ำในช่วงฤดูหนาว การผสานความชิลล์สัมพันธ์กับหลายมิติทั้งเจ้าตัวคาปิในฐานะสัตว์ต่างถิ่นและการใช้พวกมันเป็นจุดขาย ความไวรัลของการเอาคาปิแช่น้ำร้อนกลายเป็นเรื่องจริงจังอย่างยิ่ง มีกระทั่งสนธิสัญญาร่วมของพันธมิตรสวนสัตว์ แข่งขันการแช่น้ำร้อน และส่งผลต่อจำนวนประชากรกะปิปลาร้า ไปจนถึงเกิดสวนที่ได้ชื่อว่าสวรรค์ของคาปิบาร่าขึ้น

คาปิบาร่ากับความเป็นสัตว์เมือง

เรารู้จักเจ้าคาปิบาร่าในฐานะตัวแทนของความสบายๆ จุดเด่นของคาปิบาร่ามาจากความเป็นสัตว์ฟันแทะ คือการเป็นสัตว์ประเภทหนูที่ดันเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่รวมถึงการผสมพันธุ์อยู่ในน้ำ ด้วยการที่ว่ายน้ำเก่งและเป็นสัตว์จำพวกหนู พวกมันจึงไม่ค่อยมีศัตรูตามธรรมชาติและไม่ค่อยอะไรกับใคร

จากจุดเด่นตรงนี้ทำให้คาปิบาร่าเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง และเป็นหนึ่งในสัตว์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับเมือง คาปิบาร่าเป็นสัตว์ที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่ธรรมชาติของเมืองในแถบอเมริกาใต้ มีงานศึกษากระทั่งว่าพวกมันมีพฤติกรรมปรับตัวเข้ากับสภาวะเมืองยังไง งานศึกษาเช่นที่คาปิบาร่าในสวนของเมืองกังปูกรังจี (Campo Grande) ในบราซิลก็พบว่าพวกมันเรียนรู้ที่จะสลับเวลาการใช้ชีวิต พื้นที่ และเวลาคนใช้งานน้อย เช่นในเวลากลางคืนพวกมันก็จะออกมาใช้ชีวิตตามปกติ

ความเป็นสัตว์ประเภทหนู ใช้ชีวิตในพื้นที่ที่หลากหลายทั้งในป่า ทุ่งหญ้า สระน้ำ ไปจนถึงแม่น้ำ ทำให้พวกมันปรับตัวและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว สัตว์ประเภทฟันแทะเป็นหนึ่งในประเภทสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเข้ากับเมืองได้ดี ความชิลล์และความไม่อีนังขังขอบของพวกมันเคยก่อเรื่องขึ้นเมื่อพวกมันปรากฏตัวขึ้นในย่านบ้านคนรวยที่ชานเมืองกรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) ย่านที่จริงๆ ไปรุกล้ำที่อยู่อาศัย ผนวกกับปัญหาไฟป่าและพื้นที่ป่าที่ลดลงของอาร์เจนตินาเอง สุดท้ายทางหมู่บ้านหรูหาทางลงด้วยการปรับพื้นที่และอยู่ร่วมกับเจ้าหนูหน้าตายแบบพยายามเวิร์กออนกันไป

กะปิรสยูซุ ซุปตาร์ของสวนสัตว์จากความบังเอิญ

ความเท่ของการขึ้นมาเป็นซุปตาร์ระดับโลกของคาปิมีหลายบริบท จุดสำคัญหนึ่งคือวัฒนธรรมคาปิบาร่าแช่ออนเซน ประวัติศาสตร์เริ่มต้นของการเอาเจ้าหนูยักษ์ไปแช่น้ำร้อนเริ่มต้นในปี 1982 จากสวนสัตว์ Izu Shaboten Park ในเมืองอิโตะ จังหวัดชิซูโอกะ เมืองตากอากาศริมทะเลที่มีชื่อเสียงจากออนเซนธรรมชาติ

จุดเริ่มต้นของอารยธรรมคาปิแช่น้ำก็แสนจะเรียบง่ายคือวันหนึ่งในฤดูหนาว ผู้ดูแลสวนสัตว์กำลังล้างกรงคาปิบาร่าด้วยน้ำร้อน ล้างๆ อยู่ก็พบว่าพวกหนูยักษ์ที่มาจากเขตที่ไม่หนาวเท่าญี่ปุ่นนั้นไปกองรวมกันอยู่ในแอ่งน้ำร้อนนั้น ผู้ดูแลก็เลยคิดได้ว่า การแช่น้ำร้อนอาจเป็นวิธีนึงที่ทำให้เจ้าสิ่งมีชีวิตจากป่าเขตร้อนผ่านฤดูหนาวของญี่ปุ่นไปได้

จากความบังเอิญเบื้องต้น ถ้าเรามองดูประวัติศาสตร์ของคาปิบาร่าในญี่ปุ่น จริงๆ คาปิบาร่าเองเข้าไปในพื้นที่สวนสัตว์ของญี่ปุ่นตั้งแต่ทศวรรษ 1960 แล้ว แต่พวกมันยังไม่มีภาพจำในฐานะตัวแทนสิ่งมีชีวิตสุดชิลล์ แต่เมื่อสวนสัตว์ที่จริงๆ อยู่ไกลจากตัวเมืองประมาณสองชั่วโมงพบว่าการแช่ออนเซนดูจะตอบโจทย์พวกมัน หลังจากปี 1982 ทุกปีทางสวนสัตว์ที่เมืองอิโตะก็จะเปิดออนเซนกลางแจ้ง เจ้าคาปิบาร่าแช่ออนเซนเลยกลายเป็นจุดขายและค่อนข้างกลายเป็นธรรมเนียมที่ขยายไปในสวนสัตว์อื่นๆ ด้วย

ความเท่ของออนเซนที่เป็นจุดเริ่มคาปิบาร่าแช่น้ำ อย่างแรกคือวัฒนธรรมออนเซนที่คาปิร่วมแช่จะเป็นออนเซนแบบเปิดโล่ง สำหรับสวนสัตว์ Izu Shaboten โฆษณาอย่างภูมิใจว่าบ่อของที่สวนจะเป็นบ่อหินซึ่งส่งผลในเชิงผ่อนคลายและความประณีตรุ่มรวยไม่เหมือนออนเซนคาปิบาร่าที่ไหน และที่เก๋หนักเข้าไปอีกคือทางสวนสัตว์ได้เอาธรรมเนียมการแช่น้ำของญี่ปุ่นคือการแช่น้ำร้อนลอยผลไม้ตระกูลส้มซึ่งคนญี่ปุ่นจะแช่น้ำร้อนพิเศษที่มีความหอมสดชื่นในวันเหมายัน (winter solstice) ซึ่งเป็นวันที่กลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวนานที่สุด

การแช่น้ำลอยไม้ตระกูลส้มนอกจากจะเพื่อความสดชื่นแล้วยังเชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้ในทั้งปีที่กำลังจะมาถึงนี้ ด้วยธรรมเนียมนี้ทางผู้ดูแลจึงนำผลไม้ตระกูลส้มทั้งยูซุ เลมอน ทำให้ภาพเจ้าคาปิบาร่าลอยอยู่กลางส้มสีสดใส บางตัวก็เอาไปวางเล่นไว้บนหัวจนกลายเป็นอีกสุดยอดมีมสำคัญ

คาปิบาร่ากับความเฟื่องฟูและความไปกันใหญ่

เรื่องเล่นใหญ่และวัฒนธรรมความน่ารักต้องไว้ใจญี่ปุ่น จากจุดเริ่มในทศวรรษ 1890 ความฮิตของคาปิบาร่าก็สัมพันธ์กับหลายมิติ ในปี 2020 ปีที่ญี่ปุ่นจัดโอลิมปิก บรรยากาศค่อนข้างซบเซาจากโรคระบาด ปีนั้นเองที่ทางสวนสัตว์ต้นเรื่องของคาปิบาร่าแช่น้ำชูเอาเจ้าหนูยักษ์มาเป็นจุดขายและดึงดูดผู้คนมายังสวนสัตว์

ความนิยมของคาปิบาร่าด้านหนึ่งเราอาจมองได้จากจำนวนของพวกมัน รายงานจากองค์กรสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำรายงานว่าจำนวนคาปิบาร่าในญี่ปุ่นจากปี 2006-2016 กระโดดขึ้นเกือบ 4 เท่า คือจาก 125 ตัว เป็น 422 ตัว

ความเว่อร์ที่สุดอย่างหนึ่งคือในปี 2015 ที่สวนสัตว์ 5 แห่งในญี่ปุ่นจับมือลงนามความตกลงคาปิบาร่าแช่น้ำร้อน (Capybara Outdoor Bath Agreement) เป็นการตกลงจะจัดอีเวนต์คาปิบาร่าแบบร่วมกันในสวนสัตว์ 5 แห่งเช่นที่ Izu Shaboten และ Ishikawa Zoo สำหรับความน่ารักเกินของกิจกรรมนี้ก็เช่นที่สวนสัตว์ Izu Shaboten จะมีตารางอีเวนต์มาเลยว่าวันไหนจะมีกิจกรรมแช่ออนเซนอะไร มีกิจกรรมกินอาหาร มีตารางเวลาโชว์เวลาไหนบ้าง

การลงนามความตกลงในเรื่องคาปิบาร่าอาจฟังดูตลก แต่ความตกลงนี้ทำให้ภาพและกิจกรรมการแช่น้ำของคาปิบาร่ากลายเป็นวาระ ทำให้ยิ่งได้รับความนิยมและได้รับความสนใจมากขึ้น มีการจัดเป็นประจำอย่างเป็นทางการในทุกปี ในทางกลับกันทางสวนสัตว์ต่างๆ ก็ได้รับความนิยม ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว มีการสร้างสินค้าและบริการต่างๆ เช่นร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารธีมคาปิบาร่าตุ๊กตาที่ระลึก ไปจนถึงจำนวนนักท่องเท่ียวที่เดินทางไปเยือนสวนสัตว์ในช่วงหน้าหนาวซึ่งเป็นฤดูที่การท่องเที่ยวซบเซาลง

ความร่วมมือจากความนิยมและวัฒนธรรมคาปิแช่น้ำร้อนเป็นภาคีกิจกรรมและการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ จากการจัดแช่น้ำร้อนที่หลากหลาย เป็นระบบ เป็นงานประจำปี ทางกลุ่มสวนสัตว์ยังเปิดพื้นที่สนุกๆ ต่างๆ เช่นในปี 2016 จัดแข่งขันแตงโมเร็ว ผลการแข่งขันคือคาปิบาร่าจากสวน Nagasaki Bio Park เป็นผู้ได้รับชัยชนะไป ซึ่งสวนที่นางาซากิเป็นสวนที่โด่งดังขึ้นและเป็นที่รู้จักในนามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคาปิบาร่า

จากภาพคาปิบาร่าแช่น้ำกับลูกส้ม ไปจนถึงภาพพวกมันแช่ในบ่อหินกลางแจ้ง จากความน่ารักที่เป็นมีมซึ่งบังเอิญตอบสนองความอยากพักและอยากชิลล์ของเรา ประเพณีพาคาปิบาร่าลงน้ำร้อนกลายเป็นความร่วมมือในหลายพื้นที่ ในบริบทเมืองเอง ทางเมืองเช่นเมืองอิโตะกลายเป็นเมืองแห่งคาปิบาร่าออนเซน มีความร่วมมือกับเรียวกัง ทั้งเมืองเต็มไปด้วยเจ้าคาปิบาร่าสุดน่ารัก จากร้านอาหาร รถเมล์ ไปจนถึงสินค้าสารพัดตั้งแต่กล่องคุกกี้ ผงอาบน้ำ 

สำหรับบ้านเราเอง จริงๆ ก็มีกระแสคาปิบาร่าจากภาพพื้นที่สื่อคือขาหมูแอนเดอะแก๊ง เพจสวนสัตว์เขาเขียวที่ผู้ดูแลสื่อสารกับโลกออนไลน์ด้วยภาพน่ารักๆ มีมๆ จากทั้งเจ้าคาปิบาร่าและฮิปโปที่น่ารัก ของบ้านเราเองจากบทสัมภาษณ์ทำให้สวนสัตว์เองรวมถึงโซนคาปิบาร่าก็กลายเป็นดาราดังและเป็นพื้นที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องการไปพบหน้าแก๊งหน้านิ่งด้วยเช่นกัน

ในฐานะคนรักคาปิบาร่า จากเรื่องราวของเจ้าคาปิแช่น้ำที่เป็นตำนานเรื่องราวและความร่วมมือมาหลายทศวรรษ ตอนนี้ภาพของเมืองอิโตะที่เป็นเมืองริมทะเล เต็มไปด้วยบ่อน้ำร้อนสุดชิลล์และเจ้าคาปิบาร่าที่กลายเป็นทูตประจำเมือง เป็นผู้นำด้านความสบายๆ ในระดับโลก จุดเริ่มต้นของพวกมันนับเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ความเท่และการผสมผสานของวัฒนธรรม และลักษณะที่พอดีกันคือเจ้าหนูสุดชิลล์ที่จริงๆ เป็นสิ่งมีชีวิตต่างถิ่น และการผสมผสานเข้ากับบริบทเมืองออนเซนและพื้นที่สุดชิลล์ จนกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์และส่งผลกับเศรษฐกิจทั้งของสวนสัตว์และส่งผลกับภาพใหญ่ในระดับเมือง

อ้างอิงข้อมูลจาก

Writer

ชื่อว่านครับ ทำงานรับจ้างทั่วไปด้านงานเขียน ส่วนใหญ่เขียนเรื่องการเขียน การอ่าน และวัฒนธรรม เชื่อว่าพื้นที่นามธรรมเป็นสินทรัพย์ที่จะพาเราเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

Illustrator

ชื่อกล้วยค่ะ banana blah blah เป็นนักวาด บางวันจับเม้าส์ปากกา บางวันจับลูกกลิ้งทำภาพพิมพ์ สนใจ Art therapy และการวาดภาพเพื่อ Healing เชื่อว่าการทำงานที่ดีต้องทำให้เราอิ่มทั้งกายและใจ ได้มองเห็นตัวเองเติบโตภายใน

You Might Also Like