Variety of Triangles

จากงานสถาปัตย์ สู่ BAO BAO ISSEY MIYAKE กระเป๋าดีไซน์เหลี่ยมๆ มุมๆ สุดแปลกตาที่ฮิตไปทั่วโลก

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย หากพูดถึงเรื่องแฟชั่น คุณจะคิดถึงอะไร นึกถึงเมืองไหน

ปารีสน่าจะเป็นคำตอบแรกๆ ที่อยู่ในความนึกคิดของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง แบรนด์ระดับโลก หรือเทศกาลแฟชั่นไหนๆ ต่างก็มุ่งตรงไปยังนครปารีส เมืองที่ถูกยกให้เป็นเบอร์ 1 ของวงการแฟชั่น

แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อกว่า 50 ปีก่อน อิซเซ มิยาเกะ (ISSY MIYAKE) ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นที่อาจเรียกได้ว่า เป็นผู้ปฏิวัติวงการแฟชั่น และบุกเบิกหนทางนำพาแบรนด์เอเชียไปสู่ยุโรป ก็ทำให้ทุกสายตาหันกลับมาสนใจแฟชั่นของโลกตะวันออก

แม้อิซเซ มิยาเกะ จะล่วงลับไปแล้ว แต่ผลงานดีไซน์ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครยังคงอยู่ จากความมุ่งมั่นพร้อมความคิดสร้างสรรค์อันแรงกล้าที่ต้องการออกแบบในสิ่งที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน และเป็นตัวตนในแบบฉบับของมิยาเกะ

รายชื่อด้านล่างนี้คือแบรนด์แฟชั่นของ ISSEY MIYAKE อาณาจักรแบรนด์เสื้อผ้า เครื่องประดับระดับโลกที่ทำให้ผู้คนรู้จักแฟชั่นตะวันออกมากขึ้น

ISSEY MIYAKE

IM MEN

132 5. ISSEY MIYAKE

PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE

HOMME PLISSÉ ISSEY MIYAKE

A-POC ABLE ISSEY MIYAKE

BAO BAO ISSEY MIYAKE

me ISSEY MIYAKE

HaaT

นอกจากความโด่งดังของ ISSEY MIYAKE,  PLEATS PLEASE เครื่องแต่งกายที่ทำจากผ้าพลีตที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีอีกเรื่องราวที่น่าสนใจว่า ทำไมกระเป๋ารูปทรงเหลี่ยมที่ดูแปลกตา ที่แรกเริ่มเป็นเพียงหนึ่งในคอลเลกชั่นของ PLEATS PLEASE ถึงเป็นที่นิยมและถูกใจของสาวๆ ที่รักในแฟชั่นมากมาย จนแตกออกมาเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ชื่อ ‘BAO BAO ISEEY MIYAKE’ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2010

13 ปีบนเส้นทางแฟชั่นของ BAO BAO ISSEY MIYAKE จะเป็นแบบไหน และทำไมองค์ประกอบสำคัญของกระเป๋าแบรนด์นี้ถึงต้องเป็น ‘สามเหลี่ยม’ ตามมาหาคำตอบกัน

เรื่องราวของมิยาเกะเริ่มต้นขึ้นที่เมืองฮิโรชิม่า เขาเติบโตมาในช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยากจดจำอย่างสงครามโลกครั้งที่ 2

โชคดีที่เขาคือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิม่าในช่วงปี 1945 แต่ทว่าความน่าเศร้าของเด็กชายวัย 7 ขวบผู้นี้คือเขาสูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว

หลังจากนั้นเมื่อมิยาเกะเติบโตขึ้นเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัย เขาเลือกเรียนสาขากราฟิกดีไซน์ที่มหาวิทยาลัยศิลปะทามะในโตเกียว (Tama Art University) จากนั้นได้ไปเรียนต่อในสถาบันออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูง École de la Chambre Syndicale de la Couture Parisienne ที่ปารีส

จุดเริ่มต้นเล็กๆ ในการเข้าสู่วงการแฟชั่นของมิยาเกะเริ่มต้นขึ้น เขาผ่านการฝึกฝนทำงานเป็นผู้ช่วยดีไซเนอร์ให้กับ Guy Laroche และ Givenchy ก่อนที่จะบินลัดฟ้ากลับมายังบ้านเกิดเพื่อทำแบรนด์ของตัวเอง

1970 คือปีที่มิยาเกะกลับมาเปิด Miyake Design Studio ดีไซน์เสื้อผ้าตามแบบฉบับแพตเทิร์นของตัวเองที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกที่ไม่เหมือนใคร เรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์ 

มิยาเกะได้ทำการทดลองออกแบบเสื้อผ้าแบบใหม่ ด้วยความที่มิยาเกะมีความสนใจในเรื่องการคัดสรรวัสดุมาใช้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาทดลองใช้ทั้งพลาสติก โลหะ กระดาษ และอื่นๆ ผสมผสานกับขั้นตอนตัดเย็บแบบญี่ปุ่นที่ใช้ความแม่นยำและพิถีพิถันในการออกแบบ พร้อมกับนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยออกแบบเป็นเสื้อผ้าที่สามารถใส่ได้ในทุกวัน จนในที่สุดก็ได้เทคนิคการสร้างสรรค์ผ้าพลีตที่เป็นเทคนิคเฉพาะของแบรนด์ เทคนิคที่ว่านี้คือการอัดพลีตที่ไม่ใช้วิธีปกติ แต่มิยาเกะเลือกที่จะตัดเย็บผ้าให้เสร็จก่อนจะนำไปอัดด้วยความร้อน ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำให้ผ้าเกิดลวดลายพับที่แน่นมากกว่า เปิดตัวครั้งแรกในปี 1988 ภายใต้แบรนด์ ISSEY MIYAKE

ด้วยความนิยมของผ้าพลีตที่ไม่เหมือนใครนี้ทำให้ในปี 1994 มิยาเกะแตกแบรนด์ PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE  ออกมาอย่างเป็นทางการ พร้อมกับไลน์สินค้าอื่นๆ ที่มีดีไซน์แปลกตา ตามแบบฉบับของมิยะเกะ ทั้งนาฬิกา เครื่องประดับ รวมไปถึงกระเป๋าทรงเหลี่ยมที่ชื่อ Bilbao ซึ่งเป็นหนึ่งในคอลเลกชั่น PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE วางขายในปี 2000

Bilbao ในตอนนั้นหรือ  BAO BAO ISSEY MIYAKE ในตอนนี้ เกิดจากดีไซเนอร์ผู้ดูแลแบรนด์ PLEATS PLEASE ที่ชื่อว่า ฮิคารุ มัตสึมุระ (Hikaru Matsumura) เขาได้แรงบันดาลใจจากพิพิธภัณฑ์ Guggenheim Museum Bilbao ประเทศสเปน ที่ตัวนอกของอาคารถูกออกแบบให้มีรูปร่างโค้งไปมาประดับด้วยแผ่นโลหะไทเทเนียมเรียงต่อกันกว่า 30,000 แผ่น 

จากนั้นนำไอเดียมาออกแบบเป็นกระเป๋ารูปทรงเรขาคณิต (geometry) แปลกตา จากเพลตสามเหลี่ยมพลาสติกเล็กๆ มาประกอบร่างกลายเป็นสี่เหลี่ยม 1 ช่อง จากสี่เหลี่ยม 1 ช่อง เรียงต่อกันกลายเป็นกระเป๋า Bilbao ในที่สุด 

ด้วยรูปร่างของกระเป๋าที่สามารถแปรเปลี่ยนได้อย่างไม่จำกัด วัสดุและตัวกระเป๋าที่ออกแบบให้มีความยืดหยุ่น และทนทาน ทรงของกระเป๋าจะเกิดมุม เกิดทรงต่างๆ ไปตามสัมภาระที่ใส่ลงในกระเป๋า เป็นหนึ่งในคีย์สำคัญที่ทำให้กระเป๋าของ ISSEY MIYAKE ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ทำให้ปี 2010 กระเป๋า Bilbao แยกตัวแตกออกมาเป็นแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า BAO BAO ISSEY MIYAKE อย่างเป็นทางการ

ความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร ทำให้ BAO BAO ISSEY MIYAKE อยู่ในโลกของแฟชั่นมาถึงขวบปีที่ 13 แล้ว และเพิ่งจะมีอีเวนต์เต็มรูปแบบครั้งแรกในเอเชียที่ชื่อว่า ‘BAO BAO VOICE’ ขึ้นในประเทศไทยเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ให้ผู้คนได้สัมผัสกับปรัชญาด้านการออกแบบ ตลอดจนสุนทรียะอันเป็นเอกลักษณ์ของ BAO BAO ISSEY MIYAKE ในทุกมิติ

เราเจอคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมองค์ประกอบสำคัญของกระเป๋าถึงต้องเป็น ‘สามเหลี่ยม’ ในอีเวนต์ ‘BAO BAO VOICE’ 

คำตอบคือ นั่นเพราะเมื่อนำรูปทรงสามเหลี่ยมมาประกอบเรียงกัน ไม่ว่าจะเรียงกันด้วยมุมแนวตั้ง แนวนอน หรือนำมาประกบแบบทแยงมุม 45 องศา มันก็จะสามารถเกิดเป็นรูปทรงเรขาคณิตรูปทรงใหม่ๆ ที่สวยงามด้วยตัวมันเอง

ไม่ว่า  BAO BAO ISSEY MIYAKE จะออกคอลเลกชั่นใหม่ เฉดสีสะดุดตาแค่ไหน ก็ไม่เคยออกสีกระเป๋าซ้ำกันเลย จะมีการนำกิมมิกเล็กๆ คอนเซปต์ต่างๆ มาผสมผสานเป็นกระเป๋าลายใหม่อย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่คงอยู่คือ ช่องสามเหลี่ยมเล็กๆ ที่ประกอบร่างกันเป็นทรงสี่เหลี่ยม พลิ้วไหวไปตามการใช้งานของผู้คนตามแบบฉบับของ BAO BAO ISSEY MIYAKE ไม่เปลี่ยนแปลง

แค่เห็นรูปทรงของกระเป๋า ไม่ต้องมีโลโก้ใดๆ ก็รู้โดยทันทีว่านี่คือ BAO BAO ISSEY MIYAKE นั่นเอง

ภาาพจาก ISSEY MIYAKE,CLUB21, IG : baobaoisseymiyake_official, Guggenheim Museum Bilbao

อ้างอิง

Writer

กองบรรณาธิการธุรกิจ

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: [email protected]

You Might Also Like