ไปทำหน้าที่

เคท กันธิชา จากเด็กสถาปัตย์สู่การทำ Surgery Review เอเจนซีศัลยกรรมเกาหลีที่อยู่เคียงข้างลูกค้าตลอดเส้นทางความงาม

นอกจากการไปตามรอยซีรีส์ ดูคอนเสิร์ต ตระเวนชิมอาหาร ถ่ายรูปคาเฟ่ และช้อปปิ้งจนล้มละลาย อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนตั้งจิตอย่างแน่วแน่เมื่อไปเยือนประเทศเกาหลีใต้คือ การไปทำหน้า

สองข้างทางของย่านกังนัม ชินซา และอับกูจองรายเรียงไปด้วยตึกของโรงพยาบาลและคลินิกที่พร้อมให้บริการด้านความงามแบบเต็มรูปแบบ หลายๆ ที่ถึงขนาดมีบริการล่ามหลากหลายภาษาไว้รองรับ จนทำให้การเข้าถึงความสวยของเหล่านักเดินทางเป็นเรื่องง่ายดาย

แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่มีเยอะมหาศาลชนิดที่คนเกาหลียังงง ธุรกิจ ‘เอเจนซีศัลยกรรม’ จึงมองเห็นโอกาสในตลาดและกระโดดเข้ามาอาสาเป็นผู้แบกรับความปวดหัว กลั่นกรองสารพัดข้อมูล ออกมาเป็นแพ็กเกจที่มาแต่ตัวก็พร้อมบินไปทำสวยในทันที ในโอกาสอันดีที่เกาหลีใต้เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว  เราจึงชวน เคท–กันธิชา ชีพสมุทร ผู้ก่อต้ัง Surgery Review เอเจนซีศัลยกรรมเกาหลีมาเล่าถึงเส้นทางการเดินทาง ตั้งแต่วันแรกที่เธอได้ยินชื่อธุรกิจนี้จากการไปฝึกงานภูมิสถาปนิกที่สิงคโปร์ จนถึงวันนี้ที่เธอสร้างและบริหาร Surgery Review มา 7 ปีแล้ว

Departure
จันทบุรี – กรุงเทพฯ – สิงคโปร์

เคทเป็นคนจันทบุรี เติบโตมาในครอบครัวค้าขายที่มีบรรดาพี่ๆ เรียนบริหารและวิศวกรรม ด้วยความกดดันภายในจิตใจว่าต้องเรียนอะไรเท่ๆ แบบพี่ทั้งสาม เคทจึงรวบรวมความชอบได้แก่ ต้นไม้และการวาดรูป มุ่งสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้สำเร็จ

ทว่าเมื่อเรียนไปสองปี เคทค้นพบว่านี่อาจไม่ใช่เส้นทางที่เธอต้องการ เธออดทนจนกระทั่งขึ้นปี 3 และหาโอกาสไปฝึกงานที่สิงคโปร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องงานสถาปัตยกรรมภูมิทัศน์ เพื่อหาคำตอบว่าเธอควรไปต่อหรือพอแค่นี้

“ตอนนั้นเราบังเอิญเจอคนสิงคโปร์ที่อยู่ในหอพักเดียวกัน เขาไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีมา เราก็ถามว่าเขาไปทำได้ยังไง นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้ยินคำว่าเอเจนซีศัลยกรรม”

เคททดความสงสัยไว้ในใจจนกลับมาไทย ประจวบเหมาะกับมีเพื่อนเปิดคลินิกเสริมความงามมาเล่าให้ฟังว่ามีลูกค้าหลายคนอยากไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี เคทจึงเริ่มต้นหาข้อมูลเรื่องเอเจนซีอย่างจริงจัง

“ตอนนั้นข้อมูลต่างๆ มีน้อยมาก เอเจนซีส่วนใหญ่จะทำเป็นเว็บไซต์ หรือเพจที่ใส่รูปรีวิวเป็นรูปคนจีนบ้าง เป็นรูปคนเกาหลีบ้าง แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าโรงพยาบาลไหนดี หรือหมอคนไหนเก่ง เราเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นโอกาส”

เคทซึ่งในขณะนั้นเรียนอยู่ปี 4 และกำลังเผชิญมรสุมทีสิส เธอตัดสินใจเริ่มต้นทำธรุกิจที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆ มาก่อนพร้อมๆ กับการเรียนปีสุดท้าย

“จริงๆ ที่บ้านก็อยากให้เรียนให้จบก่อน แต่เหตุผลที่เราตัดสินใจเด็ดขาดเลยว่าฉันมาเริ่มทำเอเจนซีดีกว่า เพราะตอนเรียนก็เริ่มรู้แล้วว่าถ้าอยากเจริญรุ่งเรืองในสายอาชีพสถาปัตย์คือต้องเป็นคนเก่งและโดดเด่น แต่เรารู้ว่าเราไม่สามารถเอาดีในด้านนี้ได้แน่ๆ ซึ่งถ้าเด่นไม่ได้ก็ต้องทำอย่างอื่น ตอนที่เรียนในคณะเราค้นพบว่าตัวเองเป็นคนชอบจัดแจงกับนำเสนอ เวลาทำงานกลุ่มก็จะแบ่งว่าใครทำอะไรก่อน-หลัง เลยคิดว่าเราน่าจะเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่า”

แต่การเริ่มต้นก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะโรงพยาบาลที่เกาหลีมีเยอะมาก เคทจึงตั้งหลักด้วยการเสิร์ชจากเว็บไซต์ของเอเจนซีสิงคโปร์ และเว็บไซต์ของจีน เพราะเธอเห็นว่าทุกโรงพยาบาลมีล่ามจีนหมด เคทไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่เว็บไซต์มีดีลและรีวิว ก่อนจะนำมาแยกตามหมวดหมู่ เช่น ขากรรไกร จมูก ตา ฯลฯ

เคทเลือกทำเว็บไซต์ที่บอกข้อมูลที่เธอได้มาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล บริการของแต่ละที่ ที่ตั้ง หรือราคา

“เอาจริงๆ คือคนรอบตัวเราไม่ใช่กลุ่มลูกค้าแน่นอน เด็กสถาปัตย์ฯ ที่ไหนจะเอาเงินมาทำหน้า (หัวเราะ) เราเลยต้องหาลูกค้าจากการทำการตลาดออนไลน์อื่นๆ ที่สำคัญคือเรามองว่าคนที่จะมาทำศัลยกรรม ยอมจ่ายราคาครึ่งล้าน หรือล้านกว่าบาท เขาต้องค้นหาหาข้อมูลเยอะมาก เราเลยคิดว่าต้องมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลทุกอย่างที่ในท้องตลาดตอนนั้นไม่มี ไม่ขายฝัน โดยข้อมูลในเว็บไซต์จะเป็นบทความให้ความรู้ และความเห็นของเราเอง รวมถึงรายละเอียดการไปทำศัลยกรรมเกาหลี ว่าต้องเตรียมตัวยังไง กินนอนที่ไหน อยู่ยังไง เพื่อให้ลูกค้าได้ข้อมูลอย่างเต็มที่และครบถ้วนที่สุด”

On Board
Full Service

กายพร้อม ใจพร้อม ข้อมูลพร้อม ลูกค้าคนแรกก็พร้อม!

“ลูกค้าคนแรกไปทำ lifting ที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีล่ามไทย เราก็วางใจระดับหนึ่ง เราบอกเขาว่าจะไปเยี่ยมตอนพักฟื้น แต่พอไปถึงเกาหลีแล้วดันขี้เกียจ ด้วยความที่เอาง่ายๆ เลยขอให้ล่ามไปแทน สรุปโดนด่ายับ เราก็คิดว่า เออ มันไม่ถูกต้องนะ ถ้าเราจะทำงานนี้เราต้องปรับตัว จากนั้นเราก็พยายามจัดแจงให้ลูกค้าทุกคนพอใจ

“ช่วงแรกๆ ที่ไปทำเราบินประกบลูกค้าแบบ 1:1 เลย หนึ่งคือไปเป็นล่ามแปลอังกฤษให้ กับสองคือไปดูวิธีการทำงานของแต่ละโรงพยาบาล ดูขั้นตอน วิธีการจัดการ อุปสรรคต่างๆ การดูแลก่อนและหลังผ่าตัด ก็เก็บข้อมูลมาเรื่อยๆ ว่าที่ไหนทำดี ลูกค้าพอใจ แก้ปัญหาได้

“ส่วนใหญ่โรงพยาบาลดังๆ จะเป็นเหมือนโรงเรียนผลิตหมอ พอคนไหนเก่งก็ออกไปเปิดคลินิกเอง เราเลยไม่รู้ว่าหมอคนไหนจะมาผ่าคนไข้ให้เรา ปัจจุบันเราจึงมีลิสต์โรงพยาบาลเฉพาะด้านซึ่งบางที่คนไทยอาจไม่ค่อยคุ้นหู แต่โด่งดังในหมู่คนเกาหลี บริการดี และหมอมีฝีมือจริงๆ”

นอกจากการสรรหาหมอ เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโต จำนวนลูกค้ามากขึ้น แต่เคทไม่สามารถแยกร่างไปประกบกับทุกคนได้ เธอจึงคิดหาคนที่คอยดูแลแทนเมื่ออยู่เกาหลี 

“เราตัดสินใจจ้างล่ามที่สอบผ่านระดับภาษาของคนเกาหลี ซึ่งราคาจะค่อนข้างสูง แต่พวกเขามีความเชี่ยวชาญ แล้วก็เนื้องานจริงๆ มันไม่ใช่แค่การแปลภาษา แต่มันคือการให้คำปรึกษาและดูแล เราก็ต้องเทรนให้ล่ามอยู่ในมาตรฐานเหมือนเราไปเอง”

แม้ปัจจุบันหลายๆ โรงพยาบาลจะมีล่ามภาษาไทยคอยให้บริการแล้ว แต่เคทก็ยังคงส่งล่ามไปดูแลลูกค้าแบบส่วนตัว 

“ล่ามในโรงพยาบาลจะดูแลในส่วนของการผ่าตัดอยู่ในโรงพยาบาล ไม่ได้ดูแลเรื่องอื่น เช่น หยูกยา ข้าวปลาอาหาร พักโรงแรมไหน ไปยังไง แต่ล่ามที่เราส่งไปดูแลลูกค้าคือทีมของเราเอง เวลาเกิดอะไรขึ้นมา หรือลูกค้าต้องการสิ่งนี้ เขาสามารถพูดแทนลูกค้าได้ เพราะฉะนั้นการตอบสนองต่อคนไข้เลยต่างกัน”

เมื่อถามถึงกลุ่มลูกค้าของ Surgery Review เคทเล่าว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนส่วนใหญ่จะเป็นคนกลุ่มวัย 40 ขึ้นไป แต่เมื่อทำไปหลายปีเข้า กลายเป็นว่าอายุค่อยๆ น้อยลง จนตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 20-30 ปี 

สำหรับการติดต่อเข้าใช้บริการเอเจนซีจะเป็นระบบออนไลน์หมดเลย โดยเคทมองว่าการที่ลูกค้าเชื่อใจเธอขนาดที่ยอมจ่ายเงินหลักแสนหลักล้านเป็นเพราะเว็บไซต์ที่บอกข้อมูลหมดทุกอย่าง และการตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

“เราเคยถามลูกค้าว่าทำไมถึงเลือกทำกับเรา เขาก็บอกว่าพอเข้าไปในเว็บไซต์แล้วมีข้อมูลที่ตอบข้อสงสัยได้หมดทุกอย่าง อีกอย่างคือเคทเป็นคนตอบไลน์ลูกค้าทั้งหมด เราเลยรู้ว่าลูกค้ากังวลอะไร ซึ่งมันเป็นพื้นฐานสถาปัตย์ฯ เหมือนกันนะ เพราะเวลาออกแบบ เราต้องวิเคราะห์ผู้ใช้เพื่อตอบสนองการใช้งาน พอมาทำธุรกิจ คุยกับลูกค้าก็ต้องรู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไร หาวิธีแก้ไข ตอนเราเรียนเราคิดว่าเราไม่เก่งอะไรเลย เด่นไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าเราได้วิธีคิดและกระบวนการจัดการมาใช้ได้แบบจับวางเลย เลยคิดว่าการทำเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่างเป็นจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าเลือกเรา”

ในส่วนของขั้นตอนการทำงาน ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ติดต่อมาจะมีแบบในใจอยู่แล้ว สิ่งที่เคทต้องทำคือการประสานงานปรึกษากับหมอทางเกาหลี หากลูกค้าต้องการทำหลายอย่างก็จะมีการประเมินว่าต้องทำส่วนไหนก่อน-หลัง เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่งอยู่คนละที่ และร่างกายต้องใช้เวลาในการพักฟื้น 

“ถ้าจะทำตา โครงหน้า และจมูก แผนคือเริ่มทำตาก่อน อีกวันหนึ่งทำโครงหน้า เว้น 7 วันมาทำจมูก แล้วรออีก 7 วันไปตัดไหม เพราะฉะนั้นต้องอยู่เกาหลีประมาณ 16 วัน ถ้าลูกค้าไม่มีเวลา งั้นต้องตัดจมูกออกไปก่อน แล้วค่อยไปทำรอบหน้า แต่ส่วนมากลูกค้าก็มีเวลาหมด ลูกค้าศัลยกรรมคือสู้ (หัวเราะ) 

“พอได้จำนวนวันเราก็ทำโปรแกรมให้ว่าแต่ละวันทำอะไรบ้าง พักที่ไหน ไปยังไง มีลิสต์ร้านอร่อย ชอบหมูย่างไปร้านนี้ ชอบปูดองไปร้านนั้น รวมถึงเรื่องเอกสารทั้งของคนไข้และญาติ เราดูแลให้หมด

“แต่ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ เราจะขออย่างน้อย 5 วัน เพราะหลังผ่าตัดเลือดยังออกได้ มีโอกาสที่แผลจะติดเชื้อ ถ้าพ้น 3 วันมาได้ก็จะเลยขีดอันตรายมานิดหนึ่ง แต่ถ้าอยู่ถึงตัดไหมเลยก็แปลว่าแผลมันปิดสนิทแล้ว มันก็จะมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งถ้าอยู่ไม่ถึง เราก็จะดีลโรงพยาบาลตัดไหมในไทยให้ เป็นหมอที่มีคอนเนกชั่นกับทางเกาหลีและรู้มือกัน”

Turbulance
ปัญหาระหว่างเดินทาง

ถ้าทำธุรกิจแล้วไม่มีปัญหา คงเป็นเรื่องโกหก

ระหว่างการทำเอเจนซีเคทเล่าว่าเจอปัญหามาหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นไปทำมาแล้วไม่ชอบ โดนที่บ้านทักว่าไม่สวย หรือกระทั่งมีคนยอมทิ้งเงินมัดจำเพื่อหลบหนีไปทำงาน

“อันดับแรกคือเราต้องให้ข้อมูลกับลูกค้าว่าหลังทำเสร็จมันจะบวมนะ และมันจะบวมได้เป็นเดือนเลย อย่าเพิ่งตกใจที่ทำแล้วยังไม่สวยในทันที

“หรืออย่างมีเคสทำจมูกโดยใช้กระดูกซี่โครง ปีแรกแฮปปี้มาก แต่พอเข้าปีที่สองส่วนที่ทำมันเรียวลง ตอนแรกทำมาพอดีกับหน้า กลายเป็นว่าเล็กเกินไป อันนี้ก็ต้องมาแก้ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคือค่ายาสลบ แต่แก้ไขฟรี การผ่าตัดมันเหมือนการเก็บข้อมูลระยะยาว เมื่อระยะเวลาผ่านไป อันไหนได้ผล อันไหนมันไม่ได้ผล หมอศัลยกรรมกับเราก็ศึกษากับคนไข้ไปเรื่อยๆ

“ส่วนเรื่องติด ตม. คนที่ทำกับเราจะมีใบเชิญจากโรงพยาบาล ต่อให้เรียกเข้าไปในห้องเย็น ก็สามารถติดต่อถามโรงพยาบาลได้เลย แต่ก็มีเคสที่คนยอมทิ้งเงินมัดจำเหมือนกัน คือเราจะมีบริการรถรับ-ส่งสนามบิน แล้ววันนั้นคนขับโทรมาบอกว่าติดต่อลูกค้าไม่ได้ เราก็ลองบ้าง โทรไม่รับ ไลน์ไม่อ่าน หายวับไปเลย ก็คิดว่าเขาน่าจะตั้งใจหนี แต่ทำมาเจ็ดปีก็มีเคสเดียวนะ”

และแน่นอนว่าเมื่อเปิดมาเจ็ดปี แปลว่าสองสามปีที่ผ่านมา ธุรกิจของเคทก็ต้องเผชิญกับสิ่งที่ทั่วโลกเจอ นั่นก็คือโควิด-19

เคทเล่าว่าสักปลายปี 2019 เริ่มมีข่าวโรคระบาดในเมืองอู่ฮั่น ตอนนั้นเธออยู่เกาหลีและคิดว่ามันคงมาไม่ถึงหรอก เคทยังคงจัดทัวร์อย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งถึงเดือนเมษยนปี 2020

“ลูกค้าชุดสุดท้ายคือที่บินไปเกาหลีช่วงเดือนเมษายนพอดี บินไปถึงปุ๊บ อีกวันประกาศล็อกดาวน์ จากแพลนเดิมคืออยู่สามอาทิตย์ ลูกค้าค้างอยู่เกาหลีเดือนครึ่ง เพราะตอนนั้นไม่มีเครื่องบินพาณิชย์แล้ว เราต้องติดต่อสถานทูตและรอคิวไปเรื่อยๆ แต่ลูกค้านิสัยดีมาก เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างรอเขาก็ไปฉีดผิว กลายเป็นว่าจอยมาก 

“พอพากลับมาได้ ก็กลายเป็นเราว่างมาก เพราะจัดทัวร์ไม่ได้ ช่วงแรกคือช็อก ต้องพบจิตแพทย์เพราะปรับตัวไม่ทัน จริงๆ ก็พอมีเงินเก็บ แต่มันไม่ได้ เรามีลูกน้องที่ต้องดูแลอีก จิตแพทย์ก็บอกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราทำอะไรไม่ได้เลยตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านที่จันทบุรี ตอนเช้าพาแม่ไปเดินเล่นกับหมา ตอนเย็นไปเล่นโยคะ ไปๆ มาๆ ก็อยู่ได้นี่นา ช่วงโควิด-19 เลยเป็นเวลาที่เราได้พักพอดี ไม่ทำงานเลยเป็นปี (หัวเราะ) แต่ก็ยังตอบลูกค้าอยู่นะ”

แม้จะแฮปปี้ แต่ลึกๆ เคทยอมรับว่ามีความรู้สึกโหวงๆ เหมือนกัน เพราะขณะที่เธอกำลังหยุดพัก เพื่อนหลายคนก็เริ่มก้าวไปข้างหน้า บ้างเรียนหมอเฉพาะทาง บ้างก็สอบอัยการผู้พิพากษา จนเมื่อได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่งจึงได้รู้ว่านอกจากงานเอเจนซี เธอยังทำอย่างอื่นได้อีก

จากเดิมที่เคทเขียนบทความ SEO ในเว็บไซต์ด้วยตัวเองจนมีลูกค้าติดต่อเข้ามามากมาย เธอเริ่มนำสกิลนี้ไปต่อยอดด้วยการรับเขียนให้บริษัทอื่นๆ และกลายเป็นอีกหนึ่งในอาชีพที่เคททำจนถึงปัจจุบัน

Arrival
สวยโดยสวัสดิภาพ

งานหลักของเคทคือการติดต่อกับมนุษย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หมอ ล่าม และอื่นๆ ระยะเวลาการทำงานของเธอจึงไม่ตายตัว 

“ส่วนมากลูกค้าจะชอบไลน์มาตอนกลางคืน เข้าใจว่าเป็นช่วงที่จิตว่าง มีคำถามผุดขึ้นมา เหมือนเราที่ชอบช้อปปิ้งตอนกลางคืน เขาก็ไม่ได้คาดหวังให้เราตอบตอนนั้น แต่บังเอิญเป็นคนไม่ชอบเห็นแจ้งเตือนไลน์ ก็เลยตอบไปเลย กลายเป็นว่าเขาประทับใจ เมื่อก่อนตี 1 ตี 2 ก็ตอบ แต่ตอนนี้ไม่ไหว ชีวิตฉันต้องนอน (หัวเราะ)

“พอเห็นลูกค้ามีความสุขที่สวยขึ้น เคทรู้สึกยังไง” เราถาม

“รู้สึกดีนะ เหมือนสถาปนิกที่ออกแบบบ้าน บ้านก็ต้องตอบสนองผู้ใช้ให้เขาอยู่อย่างแฮปปี้ถูกไหม แต่อันนี้เหมือนเขามีปัญหา เช่น ทำจมูกแล้วจมูกเบี้ยว แล้วพอไปแก้แล้วจมูกสวยขึ้น เขาแฮปปี้มาก เราก็ดีใจ

“ส่วนมากลูกค้าพอทำสวยแล้วก็เป๊ะปังในอาชีพ เช่น มีลูกค้าเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ จากที่เคยได้เลเวลไม่สูงมาก พอไปทำสวยมาปุ๊บ ได้อัพเลเวล ได้เงินเยอะขึ้น แค่นี้ก็ทบค่าศัลยกรรมแล้ว เหมือนเป็นการลงทุนที่เขาได้ผลตอบแทนกลับมาในระยะเวลาอันสั้น

“หรือบางคนมีความมั่นใจมากขึ้น เช่น เขาเคยหน้าใหญ่ พอทำโครงหน้าแล้วหน้าเรียว ทำผมอะไรก็ได้ เขามาบอกเราว่าเมื่อก่อนไม่กล้าตัดผมสั้นเลย แต่ตอนนี้กล้าตัดสั้นแล้ว กล้ารวบผมแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่ามันคืออาชีพที่ได้ช่วยแก้ปัญหาผู้คนเหมือนกัน”

ตอนนี้เกาหลีใต้กลับมาเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ธุรกิจของเคทก็กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่เมื่อถามถึงทิศทางการเติบโตของ Surgery Review เคทกลับให้คำตอบที่น่าสนใจว่า เธออยากทำศูนย์ศัลยกรรมในประเทศไทย

“ที่เกาหลีการศัลยกรรมคือชิลล์มาก ลูกค้าสามารถเดินเข้าไปได้เลย มันไม่น่ากลัว ทุกวันนี้คนไทยบินไปทำหน้าเสียเงินให้ประเทศเขาตั้งเยอะ ในอนาคตเราเลยอยากเปิดศูนย์ศัลยกรรมความงามสไตล์เกาหลีในไทย ให้ได้ฟีลเหมือนไปทำที่เกาหลี เพราะจริงๆ หมอไทยก็มีดีๆ และเก่งไม่แพ้กัน”

3 สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปทัวร์ศัลยกรรมเกาหลี

1. มีทัศนคติที่ดีต่อการศัลยกรรม

ก่อนการผ่าตัดทำศัลยกรรมต้องมีการสื่อสารกับคนไข้และคนใกล้ชิดเพื่อทำความเข้าใจเรื่องอาการบวมที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยความเร็วในการยุบตัวก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน อีกทั้งควรให้คนใกล้ชิดเปิดรับและทำความคุ้นชินกับใบหน้าใหม่ เพื่อไม่ให้คนไข้รู้สึกแย่ เนื่องจากบางครั้งอาจมีคนบอกว่าชอบของเดิมมากกว่า

2. เตรียมเงินและเวลาพักฟื้นให้พร้อม 

การทำศัลยกรรมแต่ละครั้งจำเป็นต้องหาข้อมูลและเปรียบเทียบอย่างถี่ถ้วนเพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และหลังการผ่าตัดแต่ละครั้ง การพักฟื้นร่างกายก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะศัลยแพทย์แต่ละโรงพยาบาลมีความชำนาญในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน เราจึงไม่แนะนำให้แปลงโฉมทั้งหมดโดยที่เวลาไม่เพียงพอ ค่อยๆ แบ่งทำทีละอย่างจะดีกว่า

3. ไปกับเอเจนซีที่มีประสบการณ์ เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงใจ

เนื่องจากเอเจนซีมีคอนแทกต์กับโรงพยาบาลโดยตรง ซึ่งในแต่ละปีเราส่งคนไทยไปทำศัลยกรรมเกาหลีเยอะมาก จึงสามารถต่อรองราคาให้คนไข้ได้รับความคุ้มค่ามากขึ้น และหากเกิดปัญหาหลังการทำศัลยกรรม เรายังมีทีมงานที่คอยดูแลทั้งในไทยและที่เกาหลี สามาถติดต่อโรงพยาบาลและประสานได้ตลอดเวลา

Writer

นักอ่าน นักเขียน นักตีป้อม

Photographer

ช่างภาพที่สนุกกับการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลง และหลงรักในความทรงจำ Ig : mocfirst

You Might Also Like