น้ำผึ้งหยดเดียวในวงการ HealthTechStrava เปิดศึกฟ้อง Garmin แล้ว SUUNTO ก็มาร่วมด้วย?

คนรักสุขภาพหรือสาย running club น่าจะพอทราบข่าวคราวที่ Strava แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับวิเคราะห์การออกกำลังกายตัดสินใจยืนคำร้องต่อศาลรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อฟ้องร้อง Garmin แบรนด์สมาร์ตวอตช์ชื่อดัง ฐานละเมิดสิทธิบัตรและฝ่าฝืนข้อตกลงที่ทั้งสองบริษัทเคยตกลงร่วมกัน

คำถามคือทั้งสองแบรนด์ที่คนรักสุขภาพหลงรักไฉนจึงเปิดศึกกัน สาเหตุเริ่มต้นจากตรงไหน งานนี้กระทบกับใครบ้าง? ใครที่กำลังสงสัยขอชวนล้อมวงเข้ามาหาคำตอบได้จาก Recap ตอนนี้ 

[Strava Live Segments vs Garmin Connect แตกต่างแต่เหมือนกันจนเป็นเรื่อง]

เท้าความถึงที่มาของคดีนี้กันสักนิด โดยต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 ที่ Strava ได้เปิดตัว Strava Live Segments ฟีเจอร์แบบพรีเมียมที่ต้องจ่ายเงินเพื่อใช้งาน โดยคุณสมบัติของฟีเจอร์ที่ว่าคือสามารถ

กำหนดเส้นทาง (segments) และโชว์ Heat Map ในการออกกำลังกาย รวมไปถึงเก็บสถิติระยะทางเอาไว้ขิงกับกลุ่มเพื่อน 

ขณะที่ฟีเจอร์ Strava Live Segments กำลังเป็นกระแส จู่ๆ ฝั่ง Garmin ตัดสินใจเปิดตัว Edge 1000 GPS จักรยาน ซึ่งฟังก์ชั่นดันไปตรงกับจุดเด่นของ Strava Live Segments พอดิบพอดี 

จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจก็ตาม สุดท้ายทั้งสองบริษัทตัดสินใจแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการเจรจาทำข้อตกลงกันว่า จะแบ่งสัดส่วนพื้นที่การให้บริการโดยไม่ล่วงล้ำพื้นที่ที่อีกฝ่ายดูแล และสามารถใช้ Strava Live Segments บนอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ของ Garmin ได้ โดยต้องไม่มีการดัดแปลง แก้ไข และสร้างซ้ำ

อย่างไรก็ตาม Strava อ้างว่าในเวลาต่อมา Garmin ได้ละเมิดข้อตกลงดังกล่าว ด้วยการเปิดตัว Garmin Connect ฟีเจอร์ที่กำหนดเส้นทางการออกกำลังกายและโชว์ Heat Map ระยะทาง เรียกว่าแทบจะถอดแบบมาจาก Strava Live Segments ผลกระทบคือพวกเขาสูญเสียรายได้มหาศาลจากฐานกลุ่มลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์ของ Garmin ที่หนีไปใช้ Garmin Connect ถึงขั้นที่มีข่าวว่าปี 2022 Strava ขาดทุนอย่างหนักจนต้องปลดพนักงาน  

ในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาทั้งสองแบรนด์ไม่สามารถหาข้อยุติปัญหานี้ได้ ผลลัพธ์จึงนำมาสู่การฟ้องร้องอย่างที่เห็นในตอนนี้ โดย Strava ยื่นคำขาดต่อศาลว่า Garmin ต้องห้ามเสนอขายผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่มีฟีเจอร์กำหนดเส้นทางและโชว์ Heat Map รวมไปถึงให้ยกเลิกทั้งสองฟีเจอร์นี้ในแพลตฟอร์ม Garmin Connect  

ไฟแค้นของ Strava ยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น พวกเขาฟ้องต่อศาลเพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ (developer API guidelines) ของ Garmin ที่บังคับผู้บริโภคเป็นนัยๆ โดยให้ทุกภาพหรือทุกกิจกรรมจากทุกฟีเจอร์ที่แชร์ผ่านอุปกรณ์ของ Garmin ต้องมีโลโก้แบรนด์ Garmin อยู่ด้วย ซึ่งฝั่ง Strava มองว่านี่เป็นการยัดเยียดเรื่องแบรนดิ้งโดยที่ผู้ใช้งานไม่มีทางเลือก

ขณะเดียวกัน Strava ยังมองว่า การที่ Garmin แปะโลโก้ของตัวเองลงบนทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ใช้งานแชร์ เป็นเหมือนการใช้ประโยชน์จาก ‘ข้อมูลส่วนตัว’ ของผู้บริโภค มากกว่าจะคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานเป็นหลัก

[SUUNTO กระโดดร่วมวงฟ้องร้อง Garmin]

ไม่ใช่แค่ฝั่ง Strava ที่กำลังมีคดีความกับ Garmin เพราะในระยะเวลาไล่เลี่ยกันฝั่งแบรนด์สมาร์ตวอตช์จากประเทศฟินแลนด์อย่าง SUUNTO ได้ประกาศฟ้องร้อง Garmin เช่นกัน เพราะพวกเขาอ้างว่า Garmin ได้ละเมิดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ใช้ออกแบบสมาร์ตวอตช์จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ 

– การวัดอัตราการหายใจ

– การออกแบบเสาอากาศ

– การจัดวางอุปกรณ์ภายในตัวเรือนนาฬิกา 

– การตรวจจับวงสวิง

– การบันทึกตำแหน่งของลูกกอล์ฟ 

โดย 2 ข้อท้ายถือเป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อกีฬากอล์ฟโดยเฉพาะ 

ถึงตรงนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าทั้งสองคดีที่กล่าวในข้างต้นจบลงยังไง แต่สิ่งนี้สะท้อนนัยสำคัญได้ว่า เมื่อตลาด HealthTech ที่เคยเป็นเรื่องของคนเฉพาะกลุ่มเติบโตขึ้นตามเทรนด์รักสุขภาพของคนทั่วโลก การแข่งขันเพื่อช่วงชิงและรักษาฐานผู้บริโภคยิ่งทวีความเข้มข้น 

ยิ่งในฝั่งของ Strava ที่กำลังเตรียมขายหุ้นเพื่อเข้า IPO การเสียฐานลูกค้าไปแม้จะแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์นับว่าไม่ใช่ผลดีแน่นอน ถึงขั้นที่คำขาดสุดท้ายหากการตัดสินไม่เป็นไปตามคาดหวัง Strava จะบล็อกการใช้งานทุกฟีเจอร์ของ Strava บนทุกอุปกรณ์ของ Garmin 

ถึงกระนั้นฝั่งลูกค้าของ Garmin บางรายก็มองว่า Strava เป็นเพียงฟีเจอร์ที่ยึดโยงกลุ่มคนรักสุขภาพแค่นั้น ถ้าเทียบกับคุณภาพการใช้งานของ Garmin หรือแบรนด์สมาร์ตวอตช์อื่นๆ การขาดหายไปของแพลตฟอร์มนี้แทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

เรียกว่าจากน้ำผึ้งหยดเดียวกลายเป็นสงครามข้อพิพาทเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ให้ได้ติดตามดราม่ากันยาวๆ 

ที่มา : 

Tagged:

Writer

นักเขียนผู้หลงใหลโลกของฟุตบอล สนีกเกอร์ และกันพลา

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: [email protected]

You Might Also Like