Vithita Animation

Vithita Animation One-Stop Service ด้านคาแร็กเตอร์ และมาสคอตมาร์เก็ตติ้งเจ้าแรกในไทย

ก็อตจิ, แม่มณี, กล้วยกรุงศรี, น้องเอนจี้ ไปจนถึงพี่บุรุษไปรษณีย์ 

ไม่ว่าคุณจะชอบคาแร็กเตอร์หรือไม่ แต่เชื่อว่าน่าจะต้องเคยได้เห็นหรือได้ยินชื่อเหล่านี้กันมาบ้าง และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหล่าคาแร็กเตอร์เหล่านี้นี่แหละที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ เป็นที่รู้จักและครองใจคนมากขึ้น เช่น ธนาคารกรุงศรี ที่ลีลาเต้นของเจ้ากล้วยเป่าลมคอยสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้ผู้คนจนภาพของกรุงศรีดูเป็นธนาคารที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น

ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้คาแร็กเตอร์กลายเป็นเครื่องมือการตลาดที่ได้รับความนิยม ‘วิธิตา แอนิเมชั่น’ บริษัทที่หลายคนคุ้นชื่อจากงานแอนิเมชั่นชื่อดังจากปังปอนด์ และสารพัดชุดมาสคอตซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2001 ต่อยอดจากขายหัวเราะ, มหาสนุก จึงขยับบทบาทของตัวเองครั้งใหญ่ 

จากผู้อยู่เบื้องหลังคาแร็กเตอร์ สติ๊กเกอร์ไลน์ และแอนิเมชั่นมากมาย มาสู่การเป็น one-stop service สำหรับงานคาแร็กเตอร์และมาสคอตมาร์เก็ตติ้งรายแรกของประเทศไทย

‘พิมพ์พิชา อุตสาหจิต’ ทายาทของขายหัวเราะ และบริษัท วิธิตา แอนิเมชั่น จำกัด เผยว่าการที่หลายองค์กรตั้งใจลงทุนสร้างคาแร็กเตอร์ของตัวเองมากขึ้น เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเครื่องมือชนิดนี้กำลังกลายเป็นสินทรัพย์ระยะยาวของแบรนด์ ซึ่งต้องการมากกว่าแค่การออกแบบหนึ่งตัวแล้วจบ

Brand Belief ครั้งนี้ จึงขอพาทุกคนไปเปิดเบื้องหลังการทำงานแบบฉบับวิธิตา และการประกาศจุดยืนครั้งใหญ่ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและความเชี่ยวชาญที่บริษัทมีอยู่แล้วมากกว่า 20 ปี 

01 เพราะคาแร็กเตอร์ไม่ได้สำเร็จในวันเดียว 

ภายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทรนด์คาแร็กเตอร์ในไทยโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากฝั่งผู้บริโภคและฝั่งองค์กร ผู้คนคุ้นชินกับการสื่อสารผ่านตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์ แอนิเมชั่นบนโซเชียล หรือมาสคอตตามงานอีเวนต์ 

พิมพ์พิชาเล่าว่าส่วนหนึ่งเพราะเห็นเคสความสำเร็จจากแบรนด์อื่นๆ เช่น หมีเนย หมูเด้ง หรือคาแร็กเตอร์ประจำองค์กรต่างๆ ซึ่งส่งผลให้หลายองค์กรต้องการสร้าง ‘ตัวแทนของแบรนด์’ ขึ้นมาเพื่อเชื่อมกับกลุ่มผู้ใช้ใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อโฆษณาแบบเดิมอีกแล้ว

สำหรับเธอ คาแร็กเตอร์ยังไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบรนด์ที่ดูสนุกสนาน หรือแบรนด์ที่ขายสินค้าเด็ก แต่สามารถเป็นเครื่องมือการตลาดที่ใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงองค์กรที่มีภาพลักษณ์จริงจัง

“หลังๆ แบรนด์ที่จริงจัง ยิ่งอยากใช้มาสคอตเพราะมันช่วยให้ภาพลักษณ์เฟรนด์ลี่ขึ้น ประเทศญี่ปุ่นคือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เพราะแม้แต่สำนักงานท้องถิ่น โรงพยาบาล หรือหน่วยงานรัฐก็ยังมีคาแร็กเตอร์ประจำพื้นที่ ทำให้การสื่อสารขององค์กรมีความมนุษย์มากขึ้นและเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น”

ในไทยเอง เทรนด์นี้กำลังเดินมาทางเดียวกัน แบรนด์ขนาดใหญ่ต้องการเครื่องมือที่ช่วยให้สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และคาแร็กเตอร์คือภาษาสากลที่เชื่อมช่องว่างระหว่างองค์กรกับผู้คนได้ดีที่สุดแบบหนึ่ง

ทว่า ไม่ใช่ทุกคาแร็กเตอร์ที่สร้างขึ้นมาจะประสบความสำเร็จ หากแต่ยังต้องอาศัยหลากหลายปัจจัยที่จะปั้นให้คาแร็กเตอร์เหล่านั้นมีชีวิตและจับใจผู้คนได้  

“หลายแบรนด์ทำคาแร็กเตอร์ขึ้นมา แต่หลังจากเปิดตัวไปไม่นาน คาแร็กเตอร์ก็หายไปจากช่องทางสื่อทั้งหมด เพราะการทำคาแร็กเตอร์ให้อยู่ในใจคนได้นั้นต้องมาพร้อมการวางแผนต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การโปรโมตระยะสั้น เราต้องพาเขาไปเจอคน พาไปให้คนเห็นหลายๆ ช่องทาง

“คาแร็กเตอร์ยังเป็นสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนตามเทรนด์และพฤติกรรมของคนด้วย เช่น วิธีพูด อารมณ์ หรือกิจกรรมที่เข้าร่วม มันต้องรีเฟรชตามเทรนด์เสมอ ไม่สามารถใช้รูปแบบเดิมตลอดไปได้ งานของคาแร็กเตอร์ยังคือการเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับแบรนด์ผ่านความรู้สึก ไม่ใช่แค่การมองเห็น ดังนั้นการแสดงออกผ่านท่าทาง การโต้ตอบ หรือการเดินเข้าไปหา จะต้องมีเอกลักษณ์เหมือนเรากำลังสร้างคนหนึ่งคนขึ้นมา”  

และนั่นเองเป็นเหตุผลที่วิธิตา แอนิเมชั่นในฐานะ one-stop service งานคาแร็กเตอร์และมาสคอตมาร์เก็ตติ้งเกิดขึ้น

02 เริ่มจากต้นน้ำที่แข็งแรง

“เดี๋ยวนี้จริงๆ ง่ายขึ้นมาก มี AI มีนักวาดอิสระ แบรนด์อาจจะจ้างหรือ prompt ให้วาดแค่ตัวเดียวแล้วเอาไปใช้เลยโดยไม่ต้องใช้เราก็ได้ แต่อย่างที่บอกว่าการจะทำให้มันสำเร็จมันไม่ได้จบแค่นั้น”

พิมพ์พิชาอธิบายให้เข้าใจว่าการจะปั้นคาแร็กเตอร์หรือมาสคอตขึ้นมาสักตัว ส่วนใหญ่คนจะพลาดตรงที่ไปโฟกัสแค่หน้าตาหรือ physical appearance ว่าจะทำเป็นหมี เป็นหมา พอออกแบบเสร็จก็จบ ทั้งที่จริงๆ แล้วมาสคอตควรมีมิติอื่นๆ ให้ต่อยอดได้มากกว่านั้น  

“การทำมาสคอตมันไม่ใช่โปรเจกต์สั้นๆ ประกาศเปิดตัวแล้วจบ แต่ควรคิดวางแผนงานระยะยาว ต้องมีการโปรโมต มี PR ในสื่อต่างๆ และทำให้คาแร็กเตอร์ไปอยู่ในหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ไปออกอีเวนต์ ไปอยู่บนสินค้า merchandise ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้แปลว่าต้องทำทุกอย่าง แต่สุดท้ายต้องย้อนกลับมาที่เป้าหมายของแบรนด์ว่าจริงๆ แล้วอยากให้มาสคอตมาช่วยเรื่องอะไร”

เพราะในมุมของวิธิตาฯ การสร้างคาแร็กเตอร์ไม่ได้เริ่มจากการวาด แต่เริ่มจาก “การตีโจทย์” ให้ชัดก่อนว่า ถ้าเป้าหมายของแบรนด์เป็นแบบนี้ กลุ่มเป้าหมายแบบนี้ และมี pain point แบบนี้ มาสคอตควรมีหน้าตาแบบไหน มีบุคลิกยังไง และควรยืนอยู่ตำแหน่งไหนในแบรนด์ เพื่อให้เชื่อมต่อกับผู้คนได้ถูกทาง

จากนั้นจึงค่อยเดินไปสู่ปลายทางคือ execution ว่าจะใช้สื่อไหน ทำกิจกรรมแบบไหน และต้องวางแผนต่อเนื่องในระยะยาวเพื่อไม่ให้มาสคอตหายไปกลางทาง

เมื่อทีมวางทิศทางตั้งแต่ต้นอย่างชัดเจน ทุกงานที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ สติ๊กเกอร์ไลน์ มาสคอต หรือแอนิเมชั่น จะเดินไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด เป็นระบบที่ช่วยให้แบรนด์ประหยัดเวลา ลดต้นทุน และไม่ต้องเสียแรงไปกับการแก้งานหรือทำซ้ำโดยไม่จำเป็น

03 เป็นเพื่อนคู่คิดแบบครบวงจร 

“เคยเจอเคสที่คาแร็กเตอร์ใช้ไปไม่ถึงปี ตัวเดียวกันแต่หน้าตาไม่เหมือนกันเลย แล้วยิ่งเป็นองค์กรใหญ่ที่มีหลายฝ่าย พอฝ่ายต่างๆ เอาคาแร็กเตอร์ไปใช้โดยไม่มีแกนที่แข็งแรงหรือคู่มือในการใช้งานร่วมกัน ก็เลยทำให้คาแร็กเตอร์เพี้ยนไปได้หลายเวอร์ชั่นมาก”

พิมพ์พิชาเล่าว่า ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าที่คิด และสาเหตุสำคัญคือองค์กรไม่มีคู่มือกลางที่จะกำกับให้ทุกทีมใช้งานคาแร็กเตอร์ในทิศทางเดียวกัน วิธีแก้ที่ได้ผลที่สุดก็คือการสร้าง character bible หรือคู่มือคาแร็กเตอร์ที่ช่วยให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทีมภายในหรือเอเจนซีภายนอกทำงานบนมาตรฐานเดียวกัน

เมื่อมี Character Bible ทีมก็ไม่ต้องมานั่งเดาว่าตัวนี้พูดได้ไหม, ท่านี้เหมาะหรือเปล่า, สัดส่วนต้องเป็นแบบไหน เพราะทุกอย่างถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก

“character bible จะระบุทั้งน้ำเสียง ท่าทาง คีย์เวิร์ด ธีมภาพ สัดส่วน การใช้สี และ Do หรือ Don’t อย่างละเอียด รวมถึงการใช้คาแร็กเตอร์ในช่องทางต่างๆ เช่น ถ้าคาแร็กเตอร์ตอบคอมเมนต์บนเพจ น้ำเสียงต้องเป็นยังไง ถ้าอยู่ในวิดีโอควรแสดงอารมณ์แบบไหน หรือถ้าถือพร็อพต้องถือแบบไหน 

“บางคาแร็กเตอร์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างรอยยิ้มให้ผู้คน ดังนั้นถ้าเรามีคาแร็กเตอร์ไบเบิลชัดเจน คาแร็กเตอร์นั้นก็จะไม่ถูกนำไปใช้ในท่าทางเศร้าหรือร้องไห้ เพราะมันขัดกับบุคลิกที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้น”

นอกจากการออกแบบวิธีการใช้งานให้อย่างลงลึกแล้ววิธิตาฯ ยังมีสายงานโปรดักชั่นครบทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับคาแร็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์ แอนิเมชั่น merchandise ชุดมาสคอต ไปจนถึงการฝึก performer ที่จะใส่ชุดบนเวที 

เธอยกตัวอย่างว่างานประเภท ‘มาสคอต’ มักเป็น pain point ของแบรนด์จำนวนมาก เพราะหากไม่มีผู้เชี่ยวชาญแล้วแบรนด์ต้องคุมโรงงานผลิตเอง การตรวจสอบชุดมาสคอตที่ออกมาอาจทำให้รายละเอียดเพี้ยน สีผิด สัดส่วนไม่ตรง หน้าตาไม่เหมือนแบบต้นฉบับ  

“บางโรงงานรีเควสต์ให้ไปตรวจชุดที่หน้างาน ซึ่งสิ่งที่หลายแบรนด์เจอคือเขาไม่สะดวกไปตรวจเอง หรือไปตรวจแล้วก็อาจจะดูไม่ออกว่าโอเคไหม เพราะถ้าคนไม่แม่น เขาจะดูไม่ออกเลยว่าสัดส่วนที่โรงงานทำมันถูกไหม สีผิดหรือเปล่า แต่ด้วยประสบการณ์ของวิธิตาฯ แบรนด์ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย เขาแค่บอกความต้องการ ที่เหลือเราจะดูแลคุณภาพให้” 

พิมพ์พิชาบอกว่ามาสคอตหนึ่งตัวคือการลงทุนอย่างหนึ่ง ถ้าทำผิดทางก็ต้องกลับไปเริ่มใหม่ ซึ่งทั้งเสียเงินและเสียเวลา การมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจทั้งศิลปะและงานผลิตมาคอยช่วยคิดตั้งแต่ต้น จึงเป็นสิ่งสำคัญ

“เราจะช่วยวิเคราะห์ว่าจากบรีฟนี้ ควรเลือกวัสดุแบบไหน เช่น ฟองน้ำ ไฟเบอร์ หรือแบบเป่าลม เพราะแต่ละแบบมีผลต่อภาพลักษณ์ น้ำหนัก ความสบายของผู้ใส่ และลักษณะการเคลื่อนไหวต่างกัน”

เพราะเหตุนี้ เธอจึงมองว่าบทบาทของวิธิตาฯ ไม่ได้เป็นแค่ผู้รับจ้างผลิต แต่เป็นส่วนหนึ่งของทีมลูกค้า

“เราเลยคิดว่าเราเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิด เป็นหนึ่งในทีมเขาที่ช่วยทั้งสร้างคาแร็กเตอร์ตั้งแต่วันแรก ช่วยทำให้คาแร็กเตอร์เขาเติบโตขึ้นมา แล้วก็เป็นหนึ่งในกองเชียร์ด้วย เราไม่ได้มองว่างานของเราเป็นแค่การรับจ้างเป็นงานๆ แล้วจบ แต่เราช่วยรักษาผลประโยชน์ให้พาร์ตเนอร์ของเรา และช่วยดำเนินการให้แบบครบจบจริงๆ โดยนอกจากพาร์ตเนอร์จะได้งานที่มีคุณภาพแล้ว ยังได้ทั้งความสะดวกและความสบายใจด้วย”

04 สร้างคอมมิวนิตี้ให้คาแร็กเตอร์ได้เฉิดฉาย

จากประสบการณ์กว่า 20 ปีของวิธิตาฯ พิมพ์พิชาเน้นย้ำว่าการทำคาแร็กเตอร์ไม่ใช่แค่เรื่องการออกแบบ แต่ยังคือการวางแผนให้คาแร็กเตอร์มีพื้นที่เชื่อมกับกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ

“ถ้าสร้างมาแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักเฉยๆ ก็ไม่มีความหมายอะไร ต่อให้ดีไซน์สวยแค่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญคือการคิดว่าคาแร็กเตอร์จะไปอยู่ตรงไหนบ้าง จะไปเชื่อมกับใคร และแต่ละช่องทางต้องสอดคล้องกับเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์

“การดูแลให้คาแร็กเตอร์ไม่หายไป ต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าที่หลายคนคิด เพราะต้องทำสม่ำเสมอและทำให้ดีทุกครั้ง”

ความเชื่อนี้เองที่บ่มเพาะให้วิธิตาฯ และขายหัวเราะจัด Character Fest Thailand งานรวมตัวคาแร็กเตอร์ครั้งแรกของไทยที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้คาแร็กเตอร์สามารถปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับได้ในพื้นที่จริง หลายแบรนด์ได้เห็นพลังของคาแร็กเตอร์แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งจากจำนวนภาพที่ผู้ชมอัพโหลดเองบนโซเชียล ไปจนถึง user-generated content จำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นภายในวันเดียว

“ไม่ใช่ทุกแบรนด์จะมีพื้นที่ให้คาแร็กเตอร์ออกมาพบเจอผู้คนจริงๆ บางรายทำคาแร็กเตอร์ขึ้นมาแล้วไม่มีที่ให้โปรโมตเลย นอกจากสื่อของตัวเองหรืออีเวนต์ของบริษัท แต่ในงาน Character Fest Thailand จะเห็นเลยว่าเราเดินไปทางไหนก็มีแต่คนถ่ายคอนเทนต์ ทำให้ทุกคาแร็กเตอร์ในงานเป็นเสมือนเป็นมีเดียที่มีชีวิตจริงๆ ของแบรนด์”  

นอกจากงานนี้จะสร้างการตระหนักรู้ของคาแร็กเตอร์แล้ว ยังทำให้เกิดความรักในแบรนด์ ผ่านประสบการณ์ร่วมที่จับต้องได้ Character Fest จึงไม่ใช่อีเวนต์เฉพาะกิจ แต่เป็นปลายทางของวงจรคาแร็กเตอร์มาร์เก็ตติ้งที่ทำให้คาแร็กเตอร์มีพื้นที่เติบโต มีแฟนคลับของตัวเอง และมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าสื่อออนไลน์เพียงอย่างเดียว

05 ผลงานจากพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์

การเปลี่ยนผ่านของวิธิตา แอนิเมชั่นครั้งจึงนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนชื่อบริการ แต่คือการกำหนดตัวตนใหม่ของบริษัท จากผู้ผลิต ไปสู่ผู้คิด ผู้วางกลยุทธ์ และผู้สร้างระบบ ecosystem ให้คาแร็กเตอร์แบบครบวงจรในระดับประเทศ

“เรายังเชื่อในพลังของความคิดสร้างสรรค์ และพลังของคาแร็กเตอร์กับมาสคอตว่ามันเข้าถึงใจผู้คนได้ทุกวัย และเป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังมากๆ เรามีแพสชั่นในสิ่งนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากส่งมอบให้คือบริการที่ดีที่สุดในฐานะเพื่อนคู่คิด ที่ช่วยให้คาแร็กเตอร์หรือมาสคอตของพาร์ตเนอร์เราถูกปั้นขึ้นมาอย่างถูกทาง และประสบความสำเร็จได้สูงที่สุด ไม่ใช่แค่ทำตามบรีฟแล้วจบ แต่คือเดินไปด้วยกันในระยะยาวจริงๆ”

และต่อไปนี้คือผลงานจากพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของทีมวิธิตาฯ 

Engy
จากเรื่องไฟฟ้าที่ไกลตัว สู่การสื่อสารแบบเพื่อน

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยต้องการเครื่องมือที่จะทำให้เรื่องไฟฟ้าซึ่งเป็นหัวข้อที่ฟังดูแข็ง และเป็นทางการกลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงผู้คนมากขึ้น วิธิตาฯ จึงสร้าง ‘น้องเอนจี้’ เป็นตัวแทนแบรนด์ที่เป็นมิตร สนุกสนาน และพร้อมอธิบายเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว

โจทย์สำคัญคือการสร้างภาพจำใหม่ให้กับองค์กรพลังงาน ซึ่งปกติมีภาพลักษณ์เป็นหน่วยงานที่พูดเรื่องวิศวกรรมหรือการจัดการโครงข่ายไฟฟ้า แต่ครั้งนี้พวกเขาต้องการความเป็นมนุษย์มากขึ้น

“เราตีโจทย์ว่าเอนจี้ควรสื่อสารเรื่องอะไร ทำยังไงให้ไฟฟ้าดูเป็นเรื่องใกล้ตัว ซึ่งหนึ่งในผลงานครั้งนี้คือการทำสติ๊กเกอร์ไลน์ที่มียอดดาวน์โหลดแตะหลักล้าน” 

นอกจากสติ๊กเกอร์ น้องเอนจี้ยังถูกต่อยอดเป็น artwork, merchandise และ key visual สำหรับงานสำคัญขององค์กร เช่น งานครบรอบปี การจัดงานสาธารณะ และกิจกรรม CSR ทำให้องค์กรสามารถใช้คาแร็กเตอร์เป็นเครื่องมือเชื่อมกับคนทุกกลุ่มได้จริง

พลังของน้องเอนจี้ไม่ได้อยู่ที่ความน่ารักเพียงอย่างเดียว แต่คือการวางบทบาทของคาแร็กเตอร์ให้เป็น  ‘ตัวกลางระหว่างองค์กรกับประชาชน’ ซึ่งทำให้การสื่อสารของ กฟผ.เข้าถึงคนได้เป็นวงกว้างมากขึ้น

Nong HuangYai x Nong RukLoke
เปลี่ยนภาพจำเม็ดพลาสติกใหม่ให้น่ารัก สดใส แต่ไม่ทิ้งฟังก์ชั่น

โจทย์จาก PTT Global Chemical นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะเป็นการสร้างภาพใหม่ให้กับ ‘เม็ดพลาสติก’ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งข้อดีและประเด็นสิ่งแวดล้อม 

วิธิตาฯ ต้องหาทางออกแบบคาแร็กเตอร์ที่เล่าฟังก์ชั่นที่เปลี่ยนฟอร์มรูปร่างได้ของเม็ดพลาสติก แต่ก็ยังมีมิติด้านอารมณ์ให้กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบได้ และสื่อสารความตั้งใจขององค์กรในเวลาเดียวกันด้วย

Nong HuangYai หรือน้องห่วงใย คาแร็กเตอร์เม็ดพลาสติกสีฟ้าที่เปลี่ยนรูปร่างตามอารมณ์ เช่น กลายเป็นรูปหัวใจเวลามีความสุข หรือกลายเป็นหลอดไฟเวลามีไอเดีย ใช้สำหรับการสื่อสาร ทำให้พลาสติกดูมีชีวิตและเข้าถึงง่ายขึ้น 

Nong RukLoke น้องรักษ์โลก เป็นเม็ดพลาสติกย่อยสลายได้ สีเขียว เป็นคู่หูที่เสริมภาพเชิงสิ่งแวดล้อม และช่วยอธิบายว่าเราสามารถใช้พลาสติกอย่างเหมาะสมได้หากจัดการให้ถูกวิธี

งานนี้ถูกต่อยอดเป็นสติ๊กเกอร์ไลน์, แอนิเมชั่น, อีการ์ด, แผ่นพับให้ความรู้ และของพรีเมียมสำหรับงานวันเด็ก ทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรดูเป็นมิตรขึ้นและช่วยลดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพลาสติกได้ในระดับหนึ่ง

แม่มณี 
ตำนานคาแร็กเตอร์ของประเทศไทย

ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน SCB ต้องการเครื่องมือที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าหันมาใช้แอพพลิเคชั่นรับชำระเงิน ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่มากในตอนนั้น เนื่องจากร้านค้าส่วนใหญ่ยังใช้เงินสดเกือบทั้งหมด การจะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้งานกลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

วิธิตาฯ จึงได้รับโจทย์ให้ออกแบบ ‘แม่มณี’ ใหม่ โดยตีความนางกวักในยุคใหม่ ให้มีความทันสมัย เข้าถึงง่าย และสื่อสารได้ในโลกออนไลน์

แม่มณีถูกนำไปใช้ในทุกสื่อ จากแอพพลิเคชั่น สแตนดี้หน้าร้าน ไปจนถึงของพรีเมียม ทำให้คาแร็กเตอร์ตัวนี้กลายเป็นหนึ่งในคาแร็กเตอร์ระดับประเทศที่คนไทยจดจำได้จนถึงวันนี้

นอกจากนี้ยังมีผลงานคาแร็กเตอร์อื่นๆ อีกที่วิธิตา แอนิเมชั่นมีส่วนร่วมอยู่เบื้องหลัง เช่น ก็อตจิ, กล้วยกรุงศรี และอื่นๆ อีกมากมายที่ชาวไทยคุ้นเคย สำหรับใครที่สนใจปั้นคาแร็กเตอร์แบรนด์ของตัวเอง ติดต่อ Vithita Animation ได้ที่ :

E-mail : [email protected] 

LINE ID : @vithita 

Tel : 02-6419400

Writer

พิลาทิสและแมว

Photographer

ช่างภาพที่สนุกกับการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลง และหลงรักในความทรงจำ Ig : mocfirst

You Might Also Like