ขวบปีที่ 52 ของ Sabina จากแบรนด์ชั้นในรุ่นแม่อย่างจินตนา สู่บริษัทรายได้ 3,000 ล้านบาท 

The Journey Of Sabina  

ท่ามกลางตลาดชุดชั้นในของไทยที่มีมูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท แบรนด์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในธุรกิจนี้ล้วนแต่เป็นแบรนด์ที่มาจากต่างประเทศ เว้นก็แต่ Sabina แบรนด์สัญชาติไทยที่สามารถผงาดขึ้นมาเป็นผู้เล่นเบอร์ต้นๆ ในสนามนี้ได้ 

แต่กว่าจะกลายมาเป็น Sabina แบรนด์ชุดชั้นในที่มีรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท อันที่จริงแล้ว Sabina นั้นมีรากฐานมาจากแบรนด์ชุดชั้นในของคนรุ่นแม่อย่าง ‘จินตนา’ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2502 โดยพี่สาวคุณจินตนาที่ทำชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ OK ด้วยการไปจ้างคนอื่นผลิต แต่เมื่อผู้ผลิตไม่สามารถส่งชุดชั้นในได้ทัน พี่สาวจึงจ้างคุณจินตนาและคุณอดุลย์ซึ่งเป็นสามีของคุณจินตนามาช่วยผลิตให้

เวลาผ่านไป พี่สาวของคุณจินตนาอยากเลิกกิจการ เธอจึงตัดสินใจสานต่อ เปิดห้างหุ้นส่วนจำกัดยกทรงจินตนา เป็นห้องเสื้อเล็กๆ ย่านตลาดพลู พร้อมกับคนงานราว 20 คน และสร้างชุดชั้นในภายใต้แบรนด์จินตนาขึ้นมา

โดยคุณจินตนารับหน้าที่หลักในการออกแบบและตัดเย็บชุดชั้นใน ส่วนคุณอดุลย์ดูแลเรื่องการตลาดและการขายเป็นหลัก 

ด้วยคุณภาพของสินค้าบวกกับการตลาดที่ดี จึงทำให้ชุดชั้นในจินตนาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคสมัยนั้น

และยังสามารถดำเนินธุรกิจมาได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งยังส่งออกไปขายในประเทศในอาเซียนด้วย 

ต่อมาทายาทรุ่นสองของคุณอดุลย์และคุณจินตนาจึงใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่ในธุรกิจชุดชั้นในมาต่อยอดเป็น Sabina โดยในช่วงแรก Sabina เน้นการทำธุรกิจ OEM เป็นหลัก คือรับผลิตชุดชั้นในแล้วส่งออกไปยังต่างประเทศเพื่อให้คนอื่นนำไปตีแบรนด์ขายต่อ ต่อมาจึงค่อยขยับมาสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง โดยเริ่มจากการจับกลุ่มผู้หญิงที่มีหน้าอกไซส์เล็ก จากนั้นจึงค่อยขยับมาจับกลุ่มผู้หญิงที่มีหน้าอกหลากหลายไซส์ และก็กลายมาเป็นแบรนด์ชุดชั้นในเบอร์ต้นๆ ในตลาดบ้านเรามาจนถึงปัจจุบัน

The Journey Of Sabina 

อายุ : 0 ปี
ปี 2514 : ชุดชั้นในแบรนด์ Sabina ถือกำเนิด

  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดจินตนาเริ่มทำแบรนด์ Sabina 

อายุ : 24 ปี
ปี 2538 : ทายาทรุ่นสองต่อยอดธุรกิจ

  • ด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในธุรกิจชุดชั้นในมานาน ทำให้คุณวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ผู้เป็นลูกชายของคุณอดุลย์และคุณจินตนา ได้ร่วมทุนกับเหล่าทายาทรุ่นที่สอง จัดตั้งบริษัท เจ แอนด์ ดี แอพพาเรล ขึ้นมา เพื่อทำ OEM รับผลิตชุดชั้นในให้กับแบรนด์ในต่างประเทศมากมาย
  • แบรนด์ Sabina ถูกย้ายมาอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท เจ แอนด์ ดี แอพพาเรล

อายุ : 26 ปี
ปี 2540 : ต้มยำกุ้ง ค่าเงินอ่อน โอกาสของธุรกิจส่งออก

  • วิกฤตเศรษฐกิจปี 40 หรือที่รู้จักกันดีในนามต้มยำกุ้งทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว กลายเป็นโอกาสของธุรกิจส่งออก และเป็นโอกาสของบริษัทด้วยเช่นกัน

อายุ : 35 ปี
ปี 2549 : ลดสัดส่วนการทำ OEM มาโฟกัสการทำแบรนด์ของตัวเองมากขึ้น, เกิด Doomm Doomm

  • หลังผ่านยุครุ่งเรืองขั้นสุดของการทำ OEM ในปีนี้บริษัทก็ได้เริ่มปรับจากการทำ OEM มาทำแบรนด์ของตัวเองมากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่ามากขึ้น รวมถึงสิทธิประโยชน์ GSP (สิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรที่ประเทศพัฒนาแล้วให้กับประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา) ที่ยุโรปให้กับไทยไม่มีแล้ว ทั้งยังมีต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น โดยทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัจจัยเชิงบวกที่จะทำให้บริษัททำธุรกิจแบบ OEM อีกต่อไป จึงเริ่มขยับมาทำแบรนด์เป็นของตัวเองมากขึ้น 
  • ด้วย SABINA ในช่วงนั้นยังถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ จึงต้องหาช่องว่างแทรกตัวมาในตลาดให้ได้ ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีแบรนด์ไหนที่โฟกัสไปยังผู้หญิงที่มีหน้าอกทรงเล็กทั้งที่เป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนไม่น้อยของประชากรไทย 
  • จึงกลายมาเป็น SABINA DOOMM DOOMM ขึ้นมา ซึ่งเป็นยกทรงที่ออกแบบมาเพื่อสรีระของผู้หญิงที่มีหน้าอกทรงเล็กโดยเฉพาะ กลายเป็นสินค้าที่สร้างชื่อให้แบรนด์ และเป็นเสื้อในรุ่นซิกเนเจอร์ของแบรนด์มาจนถึงทุกวันนี้  

อายุ : 36 ปี
ปี 2550 : พาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์

  • บริษัท เจ แอนด์ ดี แอพพาเรล เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) 
  • เข้าตลาดหลักทรัพย์ 

อายุ : 40 ปี
ปี 2554 : เจอวิกฤตน้ำท่วมใหญ่, มีการ lean องค์กร

  • เป็นปีที่บริษัทต้องเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ 
  • มีการ Lean องค์กร ปรับให้พนักงานมายืนเย็บ จากเดิมที่เคยนั่งเย็บ ซึ่งทำให้สามารถลดจำนวนพนักงานได้ จากการนั่งเย็บที่ต้องใช้พนักงาน 2 คน เมื่อปรับมายืนเย็บก็เหลือเพียง 1 คน โดย 1 ไลน์การผลิตสินค้าจะใช้พนักงานเย็บประมาณ 40 คน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 20 คนเท่านั้น

อายุ : 45 ปี
ปี 2559 : ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น

  • จากที่ SABINA โดดเด่นขึ้นมาในตลาดได้ด้วยการจับกลุ่มผู้หญิงที่มีหน้าอกทรงเล็ก ในปีนี้ก็ได้หันมาทำสินค้าจับกลุ่มผู้หญิงที่มีอกทรงใหญ่มากขึ้น เพื่อทำให้แบรนด์มีกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น

อายุ : 50 ปี
ปี 2564 : ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในรอบ 14 ปี 

  • หลังเกิดโควิดก็มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อให้มีความแข็งแรงขึ้นและสามารถรองรับแรงกระแทกจากสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดไม่ถึงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ 
  • หนึ่งในนั้นคือการแต่งตั้ง คุณดวงดาว มหะนาวานนท์ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลง CEO คนแรกในรอบ 14 ปี 

อายุ : 52 ปี
ปี 2566 : เตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่

  • ประกาศเตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่
  • แตกไลน์สินค้าที่ไม่ได้มีแค่ชุดชั้นใน แต่เป็นสินค้าแฟชั่นมากขึ้น

Writer

บรรณาธิการธุรกิจ มีความสนใจเรื่องกลยุทธ์ธุรกิจ-การตลาด และชื่นชอบการเข้าโรงงานเพื่อดูเบื้องหลังการผลิตเป็นอย่างยิ่ง

Photographer

ช่างภาพที่สนุกกับการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลง และหลงรักในความทรงจำ Ig : mocfirst

Illustrator

Just another graphic designer