Beauty is More Diverse Than Ever

Sephora ร้านมัลติแบรนด์ความงามใช้ความแตกต่างสร้างประสบการณ์มัดใจลูกค้า จนขยายสาขาไปทั่วโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในร้านมัลติแบรนด์ความงามที่ผู้คนรู้จักไปทั่วโลกคือ Sephora ร้านมัลติแบรนด์ความงามสัญชาติฝรั่งเศสที่มีอายุกว่า 50 ปี เป็นแหล่งรวบรวมแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำระดับโลกไว้มากมายในที่เดียว

จากจุดแรกเริ่มของโดมินิก มานโดนอด์ (Dominique Mandonnaud) ที่ทำธุรกิจเปิดร้านขายน้ำหอมของตัวเองที่ชื่อ Shop8 มาก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจมาทำร้านที่เป็นแหล่งรวมเครื่องสำอางแบรนด์ชั้นนำต่างๆ มากมายที่ชื่อ Sephora ในปี 1969 และเปิดตัวครั้งแรกในปี 1970

ต่อมาในปี 1997 LVMH เครือแบรนด์หรูของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) ที่มีแบรนด์แฟชั่นในอาณาจักรมากมายได้มาซื้อหุ้นของ Sephora ต่อจากโดมินิกและหุ้นส่วน พร้อมกับขยายสาขา Sephora ไปทั่วโลก 

ส่วนในประเทศไทย Sephora เปิดตัวสโตร์แห่งแรกในไทยที่สยามเซ็นเตอร์ เมื่อปลายปี 2013 ในตอนนั้นระวี ทากราน (Ravi Thakran) ผู้จัดการภูมิภาคของ LVMH ประจำภูมิภาคเอเชียใต้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง บอกว่า การเปิดธุรกิจในประเทศไทย Sephora ตั้งใจที่จะเป็นผู้นำความงามและสร้างสรรค์บรรยากาศการช้อปปิ้งแบบใหม่ ที่พร้อมด้วยสินค้าเหนือระดับและบริการที่มีคุณภาพ 

ปัจจุบัน Sephora มีมากกว่า 3,000 สาขา ใน 36 ประเทศ ซึ่งเพียงแค่ขุมทรัพย์กำลังของ LVMH อย่างเดียวคงไม่ใช่สูตรความสำเร็จที่ทำให้ Sephora ยืนระยะมาได้อย่างยาวนานขนาดนี้ 

แต่สิ่งที่ทำให้ Sephora ประสบความสำเร็จและครองใจผู้คนมากมาย เราคิดว่ามีด้วยกัน 3-4 เรื่อง

เรื่องแรกคือความแตกต่าง ที่โดมินิกตั้งใจมาตั้งแต่แรกเริ่ม เขาเชื่อในความงามที่หลากหลาย สิ่งที่เขาทำและปลุกปั้นคือการขยายวิธีในการมองเห็นความงามที่จะช่วยเสริมสร้างความพิเศษของแต่ละผู้คน นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น และน่าสนใจให้กับโลกใบนี้

โดมินิกไม่ได้นิยามให้ Sephora เป็นร้านขายเครื่องสำอางอย่างเดียว แต่เขาให้ Sephora คือพื้นที่แห่งความสนุกและสร้างสรรค์ เป็นเหมือนแบ็กสเตจที่เมื่อผู้คนเข้ามาในร้านแล้วสามารถสนุกกับการแต่งหน้า แต่งตัว เพื่อที่จะกลับออกจากร้านไปยังสเตจด้านหน้าอย่างมั่นใจ

และโดมินิกรู้ว่าหากเปิด Sephora เป็นแค่ร้านขายเครื่องสำอางอย่างเดียวก็คงไม่ต่างอะไรจากร้านอื่นๆ เพราะฉะนั้นการยืนระยะอยู่ได้ในวงการอุตสาหกรรมความงามคือ การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า self-service หรือการบริการตัวเองคือหนึ่งในดีเอ็นเอ เป็น key success ที่ทำให้ Sephora ไปอยู่ในใจของผู้คน

หากใครเคยไปลองซื้อสินค้าที่ Sephora ก็น่าจะเห็นบรรยากาศภายในร้านที่เต็มไปด้วยกระจกและมุมโต๊ะแต่งหน้าที่ให้อิสระกับลูกค้าสามารถทดลองผลิตภัณฑ์ภายในร้านได้จนกว่าจะเจอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด พร้อมทั้งมีบริการแต่งหน้าที่เป็นอีกหนึ่งเซอร์วิสให้กับลูกค้าด้วย 

สิ่งที่ Sephora ทำในยุคนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานของร้านค้าปลีกเครื่องสำอางความงามมาจนถึงยุคนี้ ที่หลายๆ ร้านค้าปลีกความงามทำตาม 

อีกสิ่งที่โดดเด่นของ Sephora คือความหลากหลายที่มีผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกมากมายครอบคลุมทุกกลุ่มมากกว่า 300 แบรนด์ และมีแบรนด์ที่มีขายเฉพาะใน Sephora เท่านั้น 

Josie Maran, Stila, Tarte, Peter Thomas Roth, For Beloved One, Fresh, Ciaté, Butter London, Nails Inc, Alterna Hair Care, Oscar Blandi, Percy & Reed, Fenty Beauty by Rihanna, Rare Beauty by Selena Gomez, Drunk Elephant, Olaplex, Supergoop!, Haus by Lady Gaga, Sol de Janeiro, Tatcha และอีกมากมาย

รายชื่อด้านบนนี้เป็นเพียงตัวอย่าง และไม่เพียงแค่ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ แต่ Sephora ยังหลากหลายและเปิดกว้างเรื่องผู้คนทั้งพนักงานและเจ้าของแบรนด์

เพราะไม่กี่ปีที่ผ่านมา Sephora สนับสนุนสินค้าและธุรกิจของคนผิวสีมากขึ้น เป็นร้านค้าปลีกเจ้าแรกที่จะแบ่งพื้นที่ 15% ของร้านเพื่อสนับสนุนแบรนด์ความงามที่มีเจ้าของเป็นคนผิวสีด้วย

สิ่งสุดท้ายคือเรื่องเทคโนโลยี ระบบสมาชิก และคอมมิวนิตี้ที่นอกจากลูกค้าจะได้ประสบการณ์จากการเข้าไปเดินเลือกซื้อสินค้าภายในร้านแล้ว Sephora ยังเชื่อมต่อด้วยการสร้างคอมมิวนิตี้ที่ชื่อว่า ‘Beauty Insider Community’ ที่ให้เหล่าสมาชิกมาแบ่งปันตั้งกระทู้เรื่องราวความงามต่างๆ ได้ อีกทั้งความพิเศษของ customer loyalty ที่ Sephora ใช้เป็นกลยุทธ์ที่ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ได้มากกว่า

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้ Sephora ครองใจสาวๆ ไปทั่วโลก

อ้างอิง

Writer

กองบรรณาธิการธุรกิจ

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม ที่ชอบกินกาแฟดำเป็นชีวิตจิตใจ

You Might Also Like