นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการใช้คุกกี้

บริษัท ทุนดี จำกัด (“บริษัท”) มีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการทำงานหลายส่วนของเว็บไซต์เพื่อรับประกันการให้บริการของเว็บไซต์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทรับประกันว่าจะใช้คุกกี้เท่าที่จำเป็น และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีการใช้คุกกี้บางประเภทที่อาจดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอก ทั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ บริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและตกลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาที่บริษัทเห็นสมควร โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์นี้... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

ยิ่งวิกฤต ยิ่งมีโอกาส

ความลับของฟ้าที่เตือนใจว่าในวิกฤตมีความน่ารักและโอกาสซ่อนอยู่

ผมเป็นคนที่ควรจะเข้าใจกฎข้อนี้มากที่สุดแต่ก็ใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมองเห็น เพราะผมที่ไม่ได้มีความสามารถอะไรโดดเด่น เป็นพนักงานบริษัทระดับกลาง แต่เติบโตขึ้นมาได้จากการได้งานที่ไม่มีใครอยากทำ  

ดีแทคมีวิกฤตตอนนั้นหาคนมาทำ Investor Relations ซึ่งทำให้ผมได้งานที่เงินเดือนดีและส่งผลให้ผมได้พบกับผู้บริหารระดับสูงจนกลายเป็นดาวรุ่งของดีแทค วิกฤตของบริษัทต่อมาที่ทรุดหนักจากการลดค่าเงินบาทก็ทำให้ผมได้มีโอกาสโชว์ผลงานเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ ต่อด้วยวิกฤตเรื่องความพ่ายแพ้ต่อสงครามการตลาด ก็ทำให้ผมได้โอกาสในการทำแบรนด์แฮปปี้ที่ทำให้ได้ทั้งเงินทั้งกล่องในเวลาต่อมา

ในแง่การทำงาน วิกฤตขององค์กร เป็นโอกาสของคนตัวเล็กๆ หรือดาวรุ่งที่จะได้โชว์ฝีมือเสมอ ในเวลาที่บริษัทดีๆ โอกาสแบบนี้แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ

ในทางส่วนตัว วิกฤตที่ดูน่าจะเป็นเรื่องที่โชคร้ายที่สุดในชีวิตของผมก็คือการที่อ้วน อ่อนแอ เจ็บป่วยจนต้องเข้า CCU  กลับกลายเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต เพราะทำให้ผมต้องกลับตัวกลับใจด้วยความกลัวตาย เริ่มกินผัก ออกกำลังจนกลายเป็นนิสัย ทำให้ผมแทบไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีโรคอะไรเลยมาจนอายุห้าสิบกว่า

คิดย้อนกลับไปได้ว่าถ้าผมไม่ได้ป่วยหนักในวันนั้น ป่านนี้สุขภาพผมก็คงจะย่ำแย่เอามากๆ วันที่ดูจะเป็นวันที่โชคร้ายที่สุด เป็นวิกฤตชีวิตที่รุนแรงที่สุด กลับกลายเป็นวันที่ผมรู้สึกโชคดีที่สุดที่เปิดโอกาสให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองจนมีผลดีต่อสุขภาพจนวันนี้

วิกฤตมีความน่ารักแบบนี้เสมอ

หลังจากได้เจอและเริ่มเข้าใจว่าเมื่อมีวิกฤตทีไร โอกาสก็มักจะมาพร้อมกันเสมอ ทำให้ผมมีสติ ตั้งรับ และพยายามมองหาโอกาสนั้นอยู่ทุกครั้งที่มีวิกฤต

และเมื่อไม่นานมานี้ ความลับของฟ้าข้อนี้ก็ได้ถูกทดสอบอีกครั้ง

เมื่อสองปีก่อน ทีมงานของผมได้จัดกิจกรรมภายใน มีการขายสินค้า เดินแฟชั่นกันตรงกลางโถงของธนาคารที่ผมทำงานอยู่ งานนั้นเป็นงานเล็กๆ ผมเองก็แทบไม่รู้รายละเอียดด้วยซ้ำเพราะเป็นทีมน้องในส่วนงานหนึ่งที่ผมดูแลเป็นคนจัดด้วยการจ้างออร์แกไนซ์ แล้วออร์แกไนซ์ก็ไปจ้างใครอะไรกันต่อหลายๆ ทอดตามปกติ

เหตุการณ์เกิดจากมีน้องนักเต้นสองคนที่ถูกว่าจ้างมาเต้นเปิดให้บรรยากาศคึกคักตัดสินใจด้วยความไม่ได้เข้าใจบริบทของงานแต่คงอยากจะเอาใจเจ้าภาพในแนวจ้างร้อยเล่นล้าน ตอนซ้อมก็ไม่มีอะไรแต่พอเล่นจริงน้องเขาก็ถลกเสื้อขึ้นสูงแล้วเต้นแบบยั่วยวนเต็มที่อยู่กลางโถงธนาคาร บางคนก็ตะลึง บางคนก็ถ่ายคลิปกันสนุกสนาน หลังจากนั้นกิจกรรมก็ดำเนินต่อไปจนจบ

ผมกลับมาที่ธนาคารหลังจากงานจบ ช่วงบ่ายวันนั้นยังไม่มีอะไร แต่พออีกวันเป็นวันเสาร์ ตั้งแต่เช้าก็เริ่มได้รับข้อความ มีคนส่งคลิปมาให้ดู และเริ่มมีเสียงในทางลบว่าไม่เหมาะสมแล้วก็เริ่มบานปลายไปเรื่อยๆ เริ่มเป็นไวรัล มีคนติติง จนถึงเริ่มด่าว่าทำแบบนี้ได้อย่างไรต่อหน้าสถานที่แบบนั้น จนเรื่องไปถึงผู้ใหญ่มากๆ หลายท่านที่รับไม่ได้กับคลิปที่เห็น และในที่สุดก็ถึงสื่อมวลชน กลายเป็นภาพลบที่กระทบต่อแบรนด์และเป็นวิกฤตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ภายในก็มีเสียงเรียกร้องให้ลากคนทำมาลงโทษ เสียงก่นด่าตามน้ำก็มากขึ้น แรงกดดันก็ถาโถมมาอย่างมหาศาล

ในฐานะหัวหน้าก็คงต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้เรื่องจบ การเอาน้องๆ สองสามคนที่เป็นคนทำงานมาประหารเป็นแพะไป แล้วแบนออร์แกไนซ์ก็ดูจะเป็นทางออกที่ง่ายดี แต่เราควรจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวแบบนั้นหรือไม่

จากประสบการณ์ล้มลุกคลุกคลานผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง เคยถูกเจ้านายเฮงซวยโบ้ยความผิดให้มาก่อน ความคิดเบื้องต้นของผมในตอนนั้นก็ชัดเจนว่าเราทอดทิ้งแล้วตัดหางปล่อยวัดลูกน้องไปไม่ได้ เขาเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ตกงานไปลำบากมากแน่ๆ แล้วเราเองจะมองหน้าลูกน้องคนอื่นอย่างสนิทใจได้อย่างไรถ้าเราไม่พยายามทำอะไรสักอย่าง ในวิกฤตต้องมีโอกาสเสมอ

หลังจากนั้นผมก็คิดถึงความเสี่ยงที่คำนวณได้ (calculated risk) เอาจริงๆ แล้วความเสี่ยงดูแทบจะน้อยมาก อย่างมากผมก็โดนด่า เสียชื่อบ้าง สักพักก็จาง ถ้าจะโดนทำโทษจริงๆ ยังไงผมก็มั่นใจว่าผมก็คงไม่ถึงกับโดนไล่ออกเพราะไม่ได้เกิดจากเจตนาและการสั่งการของผมด้วยซ้ำ ผู้ใหญ่ที่ธนาคารที่ผมรู้จักก็เป็นผู้ที่มีเหตุมีผลกันทั้งนั้น

อย่างที่พี่เตา บรรยง พงษ์พานิช เคยเล่าไว้ เมื่อรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว ถึงเวลาเป็นหมาก็ต้องเป็นหมา อย่าไปยื้อไปคิดอะไรมาก เอาลูกน้องให้รอด เอาเรื่องให้จบอย่าให้บานปลายมากกว่านี้นั้นดีที่สุด

ผมเลยเสนอแผนให้ซีอีโอแบบเบ็ดเสร็จ โดยผมจะออกจดหมายขอโทษ ยอมรับผิดทุกประการในฐานะหัวหน้าสูงสุดของกลุ่มงาน แล้วซีอีโอก็ออกแถลงการณ์ขอโทษสาธารณชน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยกับผม แล้วเพื่อให้เรื่องไม่ถึงลูกน้องตัวเล็กๆ ผมก็เลยชวนคุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร หรือคุณตูน ที่เป็นมือขวามาร่วมโดนวินัยกันด้วย ทางคุณตูนก็รับปากด้วยสปิริตในทันที ซีอีโอก็เห็นด้วยแต่ยังเป็นห่วงผมว่าผมจะรับได้เหรอถ้าโดนลงโทษทางวินัย ซึ่งจะเป็นตราบาปติดตัว ผมเองคำนวณความเสี่ยงไว้แล้วก็บอกว่ารับได้สบายมาก และขอให้รีบทำเพื่อเรื่องจะได้จบและชื่อเสียงของธนาคารไม่เสียหายไปมากกว่านี้ถ้าทอดเวลาเนิ่นนานเกินไป

หลังจากนั้นเราก็ออกทั้งจดหมายขอโทษในนามผม และซีอีโอเองก็ขอจดหมายขอโทษพร้อมแถลงการณ์ตั้งกรรมการวินัย ผลจากการพิจารณาผมและคุณตูนก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางวินัยและถูกหักเงินเดือนส่วนหนึ่งเป็นเวลาสามเดือน พอมีคนผิด มีคนขอโทษแบบไม่มีข้อแก้ตัว มีคนรับโทษ ไม่ได้แถต่อ วิกฤตครั้งนั้นก็จบลง

วิกฤตครั้งนั้นทำให้ผมเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ถ้าเรามีสติพอที่จะแยกแยะความเสี่ยง ใจกว้างพอที่จะคิดถึงน้องตัวเล็กๆ และยอมลดอีโก้และศักดิ์ศรีอะไรลงบ้าง เป็นหมาบ้างเมื่อจำเป็น เหตุการณ์ก็จะผ่านไปได้ แถมสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่คาดคิดก็คือ การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ผมคิดว่าน้องๆ คนอื่นๆ ก็เชื่อใจผมมากขึ้นว่าถึงเวลาลำบากก็จะไม่ทิ้งกัน authority to lead ก็ดูจะมีมากขึ้นในการทำงานหลังจากนั้น แถมน้องๆ หลายคนเอาเคสนี้ไปเล่าไปอวดฝ่ายอื่นด้วยว่า เวลามีเรื่องแบบนี้แล้วหัวหน้าไม่ทิ้งลูกน้อง เพราะเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ต่างกับเวลาลูกน้องตัวเล็กๆ ในธนาคารปล่อยหนี้แล้วกลายเป็นหนี้เสีย หัวหน้าก็ไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไร พอมีหัวหน้าที่มารับผิดชอบแทนลูกน้องก็เป็นแรงกระเพื่อมทางความคิดเบาๆ อยู่ช่วงหนึ่งเช่นกัน

แน่นอนว่าเวลาเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือเราก็จะเห็นธาตุแท้ของคนรอบตัวอีกด้วย ความเข้าอกเข้าใจของหัวหน้าเรา การเสียสละร่วมกันของมือขวาเรา ก็เป็นเรื่องดีๆ ที่ซ่อนอยู่ เพื่อนร่วมงานที่เข้าใจเหตุการณ์สุดวิสัยก็เข้ามาให้กำลังใจ คนที่ไม่ประสงค์ดีก็จะใช้คำพูดบาดใจเขียนว่าแรงๆ ก็มีบ้าง….

หลังจากนั้น ห้องทำงานผมซึ่งปกติไม่ได้มีกรอบรูปหรืออะไรประดับประดาเลย ก็จะมีกรอบรูปใส่กระดาษแผ่นหนึ่งไว้ที่ผมตั้งด้วยความภูมิใจเล็กๆ เป็นกรอบรูปที่เวลาคนมาประชุมก็จะมาอ่านด้วยความแปลกใจและก็กลายเป็นบทสนทนาของเรื่องราวที่เขียนในวันนี้ เพราะหลายห้องก็คงมีถ้วยรางวัลเกียรติยศ ความสำเร็จส่วนตัว ใบปริญญาบัตรกันเป็นเรื่องปกติ แต่คงไม่มีใครเอากรอบรูปใส่จดหมายลงโทษทางวินัยติดโชว์ไว้แน่ๆ ซึ่งผมก็น่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูงคนแรกในรอบหลายสิบปีที่โดนลงโทษทางวินัยแบบนี้

ในจดหมายที่อยากอวดอยากตั้งโชว์นั้นเป็นเรื่องราวแทนเรื่อง calculated risk สภาวะผู้นำที่ต้องดูแลลูกน้อง และยอมเป็นหมาเมื่อต้องเป็นหมา และเตือนใจถึงความลับของฟ้าข้อนี้…

ในวิกฤตนั้นมีโอกาสเสมอ

Writer

หลายคนรู้จักเขาในฐานะผู้บริหารและนักการตลาดที่ฝากผลงานที่น่าสนใจในโลกธุรกิจไว้มากมาย ในอีกบทบาทเขายังเป็นคนช่างคิดช่างเขียน เจ้าของเพจ 'เขียนไว้ให้เธอ' ที่ตั้งใจบันทึกบทเรียนสำคัญให้ลูกสาวไว้อ่านตอนโต

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: y.pongtorn@gmail.com

You Might Also Like