ยิ่งล้มเหลว ยิ่งเรียนรู้

เมื่อรอยแผลจากความสะบักสะบอมในชีวิตมอบประสบการณ์แสนล้ำค่า

เมื่อปีก่อน พี่สาธิต กาลวันตวานิช แห่ง Propaganda ส่งเพลงที่ชื่อว่า ตีนที่มองไม่เห็น มาให้ผมฟัง เป็นเพลงของวงนั่งเล่นที่ประกอบด้วยปรมาจารย์ชั้นครูทางดนตรีมารวมตัวกัน เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตพี่สาธิตเองที่ระหกระเหิน ลองผิดลองถูก เจ็บตัวมานับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะประสบความสำเร็จได้   

นอกจากจะส่งเพลงให้ฟังแล้ว พี่สาธิตยังชวนให้เขียนบทความที่เกิดจากความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัวผมเมื่อได้ยินเพลงนี้ แค่ผมฟังเพลงไปรอบเดียวก็เคลิ้มๆ ไปด้วยซ้ำว่าเพลงนี้นี่มันชีวิตผมเหมือนกันนี่นา เนื้อหาของเพลงมีอยู่ว่า

วันนั้น ฉันยืนอยู่บนปากเหว มีแม่น้ำสายหนึ่งที่เชี่ยวกราก ลึกลงไปในซอกผา อยู่ดีๆ มีตีนที่มองไม่เห็น ถีบฉันจนต้องกระเด็น ตกลงไปในสายน้ำ ที่ไหลบ่า 

* จม…ไม่จม ไม่มีเวลาให้มัวระทมใดๆ ตาย…ไม่ตาย ยังไงยังไงต้องตะกายให้ถึงฝั่ง

** และแล้วก็ได้รู้ ถ้ามนุษย์ไม่ยอมสิ้นหวัง อาจจะมีรางวัล จากฟ้าเบื้องบน แด่คนที่ไม่ยอมแพ้ 

ถ้าไม่มีวันนั้น คงไม่มีวันนี้ ไม่มีเสี้ยวนาที ให้จดจำอย่างภาคภูมิใจ จะเดินก้าวไปช้าๆ จ้องตากับปัญหาไม่หวั่นไหว ใช้ชีวิตต่อไป อย่างเข้าใจและยอมรับมัน 

วันนี้ ฉันยืนอยู่บนฝั่งนี้ มองกลับไปดูสายน้ำเชี่ยว ที่ฉันได้ว่ายข้ามมา อยากขอบคุณ ขอบคุณตีนที่มองไม่เห็น ที่ถีบฉันจนต้องกระเด็น ให้ได้เห็นว่าชีวิตช่างมีค่า

ผมเคยคิดว่าตัวเองนั้นมีดวงที่ค่อนข้างซวยเมื่อเทียบกับคนอื่น พอชีวิตเริ่มดีทีไรก็มักจะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ช่วงแรกๆ ก็คิดน้อยใจอยู่เหมือนกัน พอหน้าที่การงานดีก็มีอันต้องมีหัวหน้าใหม่ที่ไม่ชอบ พอช่วงที่กำลังเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตก็มีอันต้องเข้าโรงพยาบาลถึงขนาดนอน CCU พอมั่นใจในตัวเองหน่อยว่าเก่ง ก็มีอันต้องได้งานที่ทำแล้วก็ล้มเหลวซะงั้น หรือแม้แต่ล่าสุดในช่วงโควิด ชีวิตราบรื่นอยู่ดีๆ ก็ถูกให้ทำ food delivery ชื่อโรบินฮู้ดที่มองยังไงก็ไม่น่าทำทัน ต่อให้ทำทันก็ไม่น่ารอด…

เหมือนมีอะไรที่มองไม่เห็นคอยตบหัว ถีบเราตกน้ำอยู่ทุกครั้งที่ชีวิตโอเค

แต่เมื่อไม่นานมานี้ น้องคนหนึ่งที่มาสัมภาษณ์ผม ถามว่าถ้าย้อนกลับไปได้อยากแก้ไข หรือไม่อยากเจออะไรในชีวิตบ้าง ผมก็นึกได้ว่า ผมชอบตัวเองที่เป็นอยู่ตอนนี้มากๆ  และที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เพราะเรื่องที่คิดว่าซวยว่าเลวร้ายในอดีตที่เคยเกิดขึ้นนั้น มันให้บทเรียนชีวิตกับผมเยอะมาก ทำให้ผมเป็นผู้เป็นคน มีความคิดที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต แถมสุขภาพก็แข็งแรงกว่าตอนหนุ่มๆ ด้วยซ้ำ

ผมก็เลยตอบน้องเขาไปว่า ไม่อยากย้อนไปแก้หรืออยากลบเรื่องที่เคยคิดว่าซวยใดๆ ออกไปจากชีวิตเลย น้องเขาฟังแล้วก็ทำหน้างงๆ

เหตุผลเพราะเมื่อมาคิดถึงความซวยในชีวิตทุกครั้ง พอผ่านมาแล้วนั้น มันมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเสมอ

ตอนที่ผมเจอหัวหน้าใหม่ที่ไม่ชอบทำให้ต้องลาออกจากบริษัทอันเป็นที่รักไปอย่างเจ็บปวด ทำให้ผมเข้าใจถึงความสำคัญและคุณค่าของคนรอบตัว เห็นคนมีค่ากว่าข้าวของเครื่องใช้มาก ตอนที่ผมต้องมีอันเจ็บป่วย เข้าโรงพยาบาล เป็น Panic Disorder อยู่พักใหญ่ ทำให้ผมต้องมาดูแลตัวเองจริงจัง มีวินัยการออกกำลังกายที่ติดตัวมาจนทำให้ผมแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีในวัยห้าสิบกว่าๆ

ตอนที่ผมคิดว่าตัวเองเก่ง ความล้มเหลวก็ทำให้ผมตัวเล็กลง มีใจที่เปิดกว้าง มี beginner’s mind ที่ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีกเยอะมาก หรือแม้แต่ล่าสุด ตอนที่ผมต้องถูกให้ทำอะไรยากๆ ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้อย่างโครงการ Robinhood ก็ทำให้ผมเรียนรู้ถึงการเอาตัวรอด เข้าใจเรื่อง purpose ที่สำคัญมากๆ ในการสร้างธุรกิจในปัจจุบัน

เรื่องราวที่เคยคิดว่าโชคร้าย มองย้อนกลับไปแล้วคือโชคดีทั้งสิ้น

เราทุกคนคงโดนตีนที่มองไม่เห็นถีบตกน้ำแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันอยู่บ่อยครั้งและทุกครั้งเราก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่พอเกิดขึ้นแล้ว เราจะก่นด่าความซวยนั้น หรือพยายามหาประโยชน์กับบทเรียนชีวิตที่เราได้จากเรื่องซวยๆ เหล่านั้น คงขึ้นอยู่กับแต่ละคนไป

สำหรับผมแล้ว ในตอนนี้ก็คงมีแต่คำขอบคุณแรงถีบจากฟากฟ้าที่มาเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ มาเตือนผมในยามที่อีโก้เบ่งบาน มากระตุ้นให้เห็นความสำคัญในเรื่องที่สำคัญจริงๆ มาบีบบังคับให้ผมต้องมีวินัยกับตัวเอง

รอยแผลจากความสะบักสะบอมนั้นกลายเป็นความเข้าใจชีวิต เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งต้องขอบคุณความซวย ความโชคร้ายเหล่านั้นเสียจริงๆ นับว่าเป็นโชคดีในชีวิตเป็นอย่างยิ่ง และเกือบจะโชคร้ายเอาด้วยซ้ำที่ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีแบบนี้

ตีนที่มองไม่เห็นคู่นั้นเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสะกิดให้ผมได้เห็นความลับของฟ้าอย่างชัดเจน

Writer

หลายคนรู้จักเขาในฐานะผู้บริหารและนักการตลาดที่ฝากผลงานที่น่าสนใจในโลกธุรกิจไว้มากมาย ในอีกบทบาทเขายังเป็นคนช่างคิดช่างเขียน เจ้าของเพจ 'เขียนไว้ให้เธอ' ที่ตั้งใจบันทึกบทเรียนสำคัญให้ลูกสาวไว้อ่านตอนโต

Illustrator

บรรณาธิการศิลปกรรม Email: [email protected]

You Might Also Like