Pawfect!
Tank Tinker จากร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง tactical สายเท่ สู่บ้าน pet parent ที่มีครบจบ
พูดก็พูด สมัยนี้เวลาเห็นคนเข็นรถเข็นตามห้างสรรพสินค้าหรือคาเฟ่ต่างๆ เชื่อว่าหลายคนไม่น้อยที่เผลอคิดไปก่อนแล้วว่านี่ต้องเป็นรถเข็นน้องหมาน้องแมวแน่ๆ เพราะปัจจุบันการมีลูกสักคนกลายเป็นเรื่องหนักใจ ด้วยค่าใช้จ่ายที่ทวีคูณกว่าสมัยที่พ่อแม่เลี้ยงเราๆ ตอนเด็ก
สัตว์เลี้ยงกลายเป็นลูกรัก ที่ยิ่งอยู่ร่วมโลกได้ไม่นานนัก ก็ขอเลี้ยงให้ดีที่สุด
ร้านรวงเพื่อสัตว์เลี้ยงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด จนปฏิเสธไม่ได้ว่าคู่แข่งในสังเวียนนี้เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การหาจุดต่างให้ธุรกิจจึงสำคัญ ตามงานวิจัยหลายฉบับยังแนะนำเสียด้วยซ้ำว่ายิ่งขายของพรีเมียม หรือยิ่งมีของที่เติมเต็มความเป็นพ่อแม่ได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

หนึ่งในนั้นคือ Tank Tinker ร้านนำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง จุดเด่นของ Tank Tinker คือการเลือกสรรสารพัดอุปกรณ์ อย่างสายรัดอก รองเท้า ของเล่น ฯลฯ ที่มีสไตล์แตกต่างจากสินค้าที่เราหาได้ทั่วๆ ไป ช่วยให้พ่อแม่สบายใจเวลาพาลูกๆ ออกไปพบปะเพื่อนสี่ขา ขณะเดียวกันก็สนุกที่ได้จับลูกแต่งตัว
“เราชอบสไตล์ทหาร อยากได้อะไรที่มีความสแว็กแก๊กนิดหนึ่ง ไม่ได้อยากอะไรที่แบ๊วมาก” ตี้–เปรมสินี พิพัฒนสุภรส ย้อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นแรก ที่ต้องการหาของใช้ให้ลูกอย่างเจ้า Tank หรือรถถัง หมาพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก (ก่อนที่ปัจจุบันจะมีทั้ง Tinker หรือถิง และทอย)
จากความรัก เธอเริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจ จากความชอบ กลายเป็นความชำนาญในการเลือกสรรสินค้าให้ตรงใจพ่อแม่ ณ วันนี้ Tank Tinker ไม่เพียงมีหน้าร้านเป็นของตนเอง แต่ยังมีสินค้าบางชิ้นที่วางขายในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม
ในซอยสุขุมวิท 26 เราชวนตี้มาสนทนาถึงการทำร้านขายของใช้สัตว์เลี้ยงที่ไม่เพียงต้องใช้ความรักเท่านั้น แต่ยังต้องใช้กลยุทธ์ทั้งบู๊และบุ๋น


01 Form Meets Function
เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้มาเยือน Tank Tinker จะต้องสะดุดตากับแผงวางสินค้าที่ให้ความรู้สึกเท่และดุดัน แต่มากไปกว่าสไตล์ที่แตกต่าง ตี้เผยว่าจุดที่ทำให้อยากนำสินค้าสไตล์ tactical นี้เข้ามาจำหน่ายในไทยนั้นคือเรื่องความถึกทน
“ตอนเลี้ยงรถถัง ตี้เปลี่ยนอุปกรณ์สายรัดอกบ่อยมาก ด้วยเขาที่โตขึ้น ด้วยตะขอพัง หัก หรืออะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่รวมๆ แล้วก็เสียเงินไปประมาณหนึ่ง ตอนนั้นเราก็เลยอยากได้อะไรที่มันทนๆ ซึ่งก็คือสไตล์ tactical
“ในเรื่องฟังก์ชั่น มันคล้ายกับอุปกรณ์เดินป่า อุปกรณ์ออกรบของคนเลยนะ ที่วัสดุมันสู้แดด สู้ลม สู้ฝน สู้ระเบิด เลเวลนั้นเลย ตัวล็อกมันไม่เหมือนกับอุปกรณ์ทั่วไป หรือดีเทลต่างๆ อย่างตะเข็บ ฝีเย็บ ในชุดสไตล์ tactical ที่มีเทคนิคการเย็บ bartark ซึ่งมันจะฝังแน่นทำให้ไม่พังง่ายๆ”
เมื่อหาสินค้าที่ถูกจริตเจอ และมองเห็นโอกาสว่าสไตล์ที่เท่ขนาดนี้ยังไม่มีใครเคยนำเข้ามาขาย เธอจึงเริ่มเห็นหนทาง
“ช่วงแรกคนสนใจมาก เพราะมันแตกต่างแบบ เฮ่ย เท่ เฮ่ยคืออะไร แต่ต่อมา มันก็จะเป็นยุคที่ซา คนอาจจะไม่ได้ชอบแล้ว หรือมีไว้แค่ตัวเดียวก็พอ เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนไทป์นี้ ไม่ได้เป็นคนใช้งาน tactical เลย แค่อยากมีไว้สักชิ้นสองชิ้น

“แต่ว่าก็จะมีสเตปต่อมาที่คนชอบเพราะฟังก์ชั่นที่มันทนจริงๆ อย่างลูกค้าหลังอาน โดเบอร์แมน หรือสุนัขตัวใหญ่ อาจจะยังไม่เจอสินค้าที่ตอบโจทย์เขาในตอนนั้นมันเลยตอบโจทย์เขาได้” ด้วยการใช้งานทนทานดุจหินผา กลุ่มลูกค้าช่วงแรกๆ จึงเป็นกลุ่มพ่อแม่น้องหมาพันธุ์ใหญ่ ส่วนน้องๆ พันธุ์เล็กมักเลือกซื้อด้วยแฟชั่นที่แปลกตามากกว่า
“คุณพ่อสายทหาร สายตำรวจ บางคนเขาเลี้ยงชิวาว่า หรือน้องปอมตัวเล็ก ชุดเราก็ทำให้ลูกเขาเท่ได้” ตี้บอกแบบนั้น แต่เพื่อความยั่งยืนของร้าน การหาสรรพสินค้าอื่นๆ เข้ามาเสริมเพิ่มความหลากหลายจึงสำคัญ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างกว่าเดิม
“ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าหมาเรายังขาดตรงนี้อยู่ ก็จะเอาเข้ามาลองใช้ ถ้าอันไหนเวิร์ก เราก็จะเริ่มดูว่าในตลาดมีประมาณนี้หรือเปล่า เราสามารถหาอะไรที่ทดแทนกันได้มั้ย”
จุดเด่นของ Tank Tinker ยังเป็นการคัดสรรสินค้าที่ร้านเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทย เช่น KiloNiner ชุดรัดอกแนวทหารจากแคลิฟอร์เนีย วัสดุอุปกรณ์ทุกชิ้นยังใช้ลิขสิทธิ์เดียวกับชุดทหาร ด้วยความที่เจ้าของแบรนด์เป็นทหารเก่า ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นแรกๆ ของร้านนั่นเอง
หรือจะเป็น wagwear รองเท้าน้องหมารูปแบบยางที่เธอคิดมาแล้วว่าเหมาะกับอากาศประเทศไทยที่ร้อนชื้น ไปจนถึง Roika ของเล่นฝึกทักษะสมองและกล้ามเนื้อของเหล่าน้องหมา


02 The Human Touch
มากไปกว่าสินค้าที่แตกต่าง ตี้ยืนยันว่าการบริการคือสิ่งสำคัญสูงสุดที่ทำให้เธอสามารถพา Tank Tinker ยืนหยัดมาได้อย่างยาวนาน
“เรื่องของเซอร์วิสเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ของร้านเลยค่ะ พาร์ตของการซื้อ-ขายก็ส่วนหนึ่ง พาร์ตในการดูแลหลังการขายก็เป็นสิ่งที่ปรับพัฒนามาตลอด อย่างการรับประกันสินค้า ตอนแรกก็ไม่มีนะ แต่พอรับฟีดแบ็กมาเรื่อยๆ เราก็เริ่มพัฒนาให้มีการรับประกันสินค้า อย่างรองเท้ารับประกันที่ 6 เดือน หรือชุดรัดอกรับประกันที่ 1 ปี
“จะเรียกว่าซื้อใจก็ไม่ถูก มันเหมือนเป็นจุดที่เราอยากแสดงให้เห็นว่า เราคิดเผื่อให้ ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราดูแลให้ เพราะสินค้าร้านเราก็ไม่ใช่ถูกถ้าเทียบกับท้องตลาด ตี้คิดว่าจุดนี้เราดูแลให้ได้ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า”
การบริการของเธอยังขยายความไปถึงการเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่หมาอย่างแท้จริง ความใจเย็น ความเห็นอกเห็นใจ เป็นคีย์ที่เธอทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องกลับมาหา Tank Tinker เมื่อมีโอกาส
“อย่างรองเท้าเนี่ย บางคนอาจจะบอกว่าหมาพี่ไม่ทำ ไม่ใส่ ไม่ใช้ เราต้องปรับจูนเจ้าของก่อนอันดับแรก ว่างั้นลองวิธีนี้มั้ย มันมีวิธีแบบนี้ใช้งานได้ ลองแค่ขาหน้าก่อนก็ได้ อย่าไปรีบเขา ตี้ว่าน้องหมาปรับจูนไม่ยากเท่าปรับจูนคุณแม่คุณพ่อ
“เราเข้าใจเขานะ เพราะด้วยความที่เขารักหมาเหมือนลูก เขาก็จะดูว่าลูกจะชอบมั้ย จะใส่ได้มั้ย เพราะจริงๆ การขายของสัตว์เลี้ยงเนี่ย คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ มันเป็นเกมเดาใจ”

03 Retail Lab
“จุดเริ่มต้นไม่ได้คิดภาพในหัวเลยว่า Tank Tinker จะต้องมีหน้าร้าน”
แรกเริ่มเดิมทีเธอเน้นการขายสินค้าในช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เอาสินค้านั้นนี้เข้ามาขาย กระทั่งเจอกับสินค้าที่แค่เห็นผ่านจออาจไม่ชวนซื้ออย่างรองเท้า
“รองเท้าคนเรารู้ไซส์ของตัวเอง เต็มที่ก็ใส่ไปเดินไม่ถนัด หรือไม่ก็กัด แต่เราก็มีวิธีเทคนิคในการปรับตัวกับรองเท้าคู่ใหม่ของเรา แต่กับน้องหมามันจะไม่ใช่แค่ว่าเขาใส่ได้พอดีไม่พอดี มันจะมีดีเทลเยอะมาก เลยบอกแฟนว่าต้องเปิดร้านละ ไม่มีที่ลองไม่ได้ ไม่งั้นซื้อไปเสียเงินเปล่าแน่นอน เพราะตี้มีปัญหากับการซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้เยอะมาก”
ร้านขนาดย่อมในซอยสุขุมวิท 26 นี้เองจึงก่อร่างสร้างขึ้นมาในช่วงที่โควิด-19 เริ่มซา ซึ่งแม้อาจจะไม่ได้เข้าถึงง่ายนักถ้าเทียบกับการตั้งหน้าร้านริมถนน หรือในห้างสรรพสินค้า แต่เธอพิจารณาแล้วว่านี่แหละตอบโจทย์พ่อแม่หมาและตัวเธอเอง
“ณ ตอนนี้ยังมองว่าหน้าร้านไม่ใช่แหล่งทำเงินหลัก แต่คือช่องทางที่จะซัพพอร์ตลูกค้ามากกว่า ดังนั้นร้าน Tank Tinker ถือเป็น destination ที่ลูกค้าไม่ได้บังเอิญเดินเข้ามา แต่เขาต้องตั้งใจมา ดังนั้นสิ่งที่เราให้ความสำคัญคือเรื่องที่จอดรถ เพราะสไตล์ครอบครัวพ่อหมาแม่หมาต้องคำนึงถึงที่จอดรถเป็นหลัก

3-4 เดือนแรกที่เปิดร้าน เธอเน้นเรียนรู้ลูกค้าให้มากที่สุด ทั้งกลุ่มลูกค้า สไตล์การใช้ชีวิต ซึ่ง 80% เลี้ยงเหมือนลูก “เพราะจะมีใครที่ไหนมาซื้อรองเท้าให้หมา” เธอเล่าพลางหัวเราะ ก่อนอธิบายต่อว่าการเรียนรู้ลูกค้าลึกลงไปถึงขั้นว่า น้องหมาพันธุ์เล็กจะตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ส่วนพันธุ์ใหญ่นั้นตัวใหญ่ใจคิตตี้
“เวลาที่เราตอบลูกค้าออนไลน์ ก็ได้ไอเดียจากการที่เราเจอลูกค้าหน้าร้าน บางทีเราไม่รู้ว่าสายพันธุ์นี้เป็นฟีลไหน แต่พอเราอยู่หน้าร้าน เราเจอสุนัขหลายสายพันธุ์มากขึ้น อย่างก่อนหน้านี้ในร้านไม่มีเก้าอี้ แต่ตี้อยากให้กลับไปบ้านก็ใส่รองเท้าได้เลย ไม่ต้องไปฝึกใส่ อยู่ตรงนี้ ฝึกกันไปเลย ซึ่งบางทีใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง หลังๆ เราก็ต้องมีเก้าอี้ให้ลูกค้านั่ง
“หรือพอมาเปิดหน้าร้าน ช่วงแรกๆ เราก็บริหารจัดการสต็อกพลาดบ่อยๆ ด้วยความที่รองเท้าไซส์เยอะ สีเยอะ SKU ประมาณ 40-50 ยิบย่อยมาก การบริหารสต็อกก็เลยเป็นสิ่งหนึ่งที่ท้าทาย มันจะไม่เหมือนออนไลน์สต็อก เพราะการเข้ามาของลูกค้าจะกะเกณฑ์ไม่ได้ ” เธออธิบายถึงการเปิดหน้าร้านที่คือการ do&learn อย่างไม่รู้จบ
นอกจากหน้าร้านบริเวณนี้แล้ว Tank Tinker ยังมีจุดวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม หากเป็นที่ Siam Paragon หรือ Emporium จะเป็นกลุ่มสินค้า wagwear ที่มีสีสัน ถ้าเป็นโรงแรม The Standard ที่กรุงเทพฯ และหัวหิน เป็นกลุ่มของเล่นสุนัขที่เผื่อลูกค้าไปพักโรงแรม อยากมีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้แก้เบื่อ
การเปิดหน้าร้านยังทำให้เธอได้รู้ว่าลูกค้าไม่ได้อยู่แค่กรุงเทพฯ เท่านั้น แต่บางคนขับรถมาจากกาญจนบุรี นครปฐม ชลบุรี เธอจึงอยากลองทำ mini roadshow ที่ไปเปิดหน้าร้านเล็กๆ ตามที่ต่างๆ ที่เป็น pet-friendly เพื่อเรียนรู้และเข้าใจลูกค้าแต่ละสถานที่ด้วย

04 Pawfect Home
“ตอนแรกตี้ก็ช็อกเหมือนกันว่าวงการสัตว์เลี้ยง กระแสไปเร็วพอๆ กับคน มันเหมือนฟาสต์แฟชั่นพอสมควรเลย ดังนั้นตี้ว่าผู้ประกอบการทุกคนน่าจะมองเห็นตรงกันว่าสิ่งที่จะทำให้เรายืนระยะได้คือเรื่องคุณภาพ” ตี้กล่าวตอบ เมื่อเราถามถึงข้อกังวล ด้วยปฏิเสธไม่ได้ว่าคู่แข่งในสังเวียนนี้มีไม่น้อย
เพราะแม้เทรนด์แฟชั่นจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่หากคุณภาพดี บริการถึง เธอยืนยันว่าลูกค้าจะผูกจิตกับร้าน ผูกใจกับแบรนด์ ว่านี่แหละคือที่ที่ pawrent ไว้ใจ แม้ไม่ได้กลับมาซื้อสินค้าชิ้นเดิมซ้ำ แต่จะกลับมาซื้อสินค้าตัวใหม่
“ในยุคช่วงเปิดร้านแรกๆ เราซื้อของที่เราไม่ได้ใช้มาเพียบเลย ใส่ได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือใช้งานไม่ได้จริงบ้าง พอมาทำร้านของตัวเอง ตั้งแต่ day 1 ที่เริ่มทำ ขออย่างหนึ่งเลยคือถ้าซื้อไปขอให้ได้ใช้ ถ้าเอาไปแล้วไม่ได้ใช้ อย่าเพิ่งซื้อ


“ลูกค้าเยอะมากที่มาจากกาญจนบุรี นครปฐม จากพื้นที่ที่ไกล เขายอมขับรถมาเพื่อเอาน้องหมามาลองรองเท้า มีทั้งที่เฟลกลับไป ไซส์ไม่ได้ เล็กไปใหญ่ไป หรือบางทีน้องสุนัข สายพันธุ์นั้นๆ ไม่สามารถใส่รองเท้าแบรนด์ wagwear ได้จริงๆ เราก็จะไม่ฝืนขาย”
แต่นอกจากคุณภาพและความจริงใจจะทำให้ Tank Tinker ยืนระยะในใจลูกค้าได้แล้ว การเริ่มต้นธุรกิจจากความชอบ และการปรับตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการคือแกนหลักที่ทำให้ตี้ยังยืนระยะในการทำธุรกิจได้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจนั้นต้องมีเงินๆ ทองๆ สัมพันธ์อย่างแยกไม่ขาด
“ตี้เลยคิดว่า เราต้องหาก่อนว่าเราชอบอะไร ให้มันฟอร์มเรา ให้มันมีความสุขกับการทำต่อ ส่วนปัญหาอื่นๆ ตี้คิดว่าการลงมาทำธุรกิจคือการที่พร้อมจะปรับตัว สุดท้ายแล้วเป็นแท่งหินไปทื่อๆ ก็จะล้มเอา มีหลายอย่างเหมือนกันที่ไม่ตรงกับภาพในหัวตี้เลยนะ

“ทุกวันนี้ก็ยังต้องหยิกตัวเองอยู่ว่า เออ ยังไม่ต้องเพอร์เฟกต์ก็ได้ ก็ลองดูไปก่อน ตอบโจทย์ลูกค้าเรามั้ย หาลูกค้าเพิ่มได้มั้ย การค่อยๆ ลองไปในยุคเศรษฐกิจแบบนี้มันสำคัญนะ เรายังทำธุรกิจเล็กๆ มันอาจจะไม่คุ้มที่จะเล่นใหญ่ ไม่ต้องทำเกิน ให้ทำถึงก็พอ”
สำหรับเธอ Tank Tinker จึงไม่ใช่แค่ร้านค้าหรือแบรนด์ แต่ปัจจุบันกลับเป็นบ้านที่เธอต้องทำให้เต็ม ทำให้ถึง ทำให้ครบสำหรับสมาชิกที่จะเดินเข้ามายังบ้านหลังนี้
“เหมือนเราสร้างบ้านอยู่ ตอนนี้เรามีห้องแต่งตัว เรามีอุปกรณ์ เราขยายไปมีห้องน้ำน้องหมาละ เดี๋ยวเราจะมีห้องครัวนะที่เริ่มขายขนมหรืออาหาร แล้วจากนั้นบ้านหลังนี้มันจะมีองค์ประกอบอะไรได้อีกล่ะ จุดนี้เราเริ่มมองไม่เหมือนวันแรกที่แค่อยากขายของ แต่เราเริ่มมองว่าเราจะสร้างบ้านออกมาแบบไหน
“เมื่อลูกค้าหนึ่งคนเข้ามา เขาจะได้อะไรกลับไปที่บ้านในอีกหลายๆ ห้อง หลายๆ องค์ประกอบ ตี้พยายามคิดว่าในแต่ละวัน 1 วัน cycle ของเขาต้องเจออะไรบ้าง พาเดินเล่น กิน นอน เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ตี้พยายามทำ cycle นั้นกับ Tank Tinker อยู่”