GoWabi Sabi
GoWabi จากแอพฯ จองตัดผมชาย สู่การเป็นแพลตฟอร์มจองบริการความงามและสุขภาพอันดับ 1 ของไทย
หากต้องการจองนวดสปา หรือใช้บริการความสวยความงามต่างๆ ทุกคนเลือกจองบริการเหล่านั้นด้วยวิธีการไหน
ก. โทรไปสอบถามคิวกับทางร้านโดยตรง
ข. จองผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย
ค. จองผ่านแพลตฟอร์มให้บริการการจอง
เชื่อว่าในข้อ ค. นั้น หนึ่งในผู้ให้บริการที่หลายคนน่าจะคุ้นเคย ต้องมีชื่อของ GoWabi แพลตฟอร์มจองบริการความงามและสุขภาพที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2016 อยู่บ้าง เพราะนอกจากจะเป็นแพลตฟอร์มแรกๆ และแทบจะเป็นแพลตฟอร์มเดียวในไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้แล้ว แพลตฟอร์มยังใช้งานง่าย มีตัวเลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ
ไม่ว่าจะอยากทำสวย ตรวจสุขภาพ นวดแก้ออฟฟิศซินโดรม หรือจะดริปวิตามิน GoWabi ก็มีพร้อม
จากแพลตฟอร์มที่เริ่มต้นด้วยปัญหาเล็กๆ ของชาวต่างชาติที่อยากตัดผมในไทยแต่จองคิวไม่ได้ อย่างวาดิม เยเรเมฟ CTO & Co-founder และซาเมียร์ เซอร์โร CEO & Co-founder กลายมาเป็น GoWabi ที่คนไทยรู้จักในฐานะ ‘เพื่อนสาว’ ที่ช่วยจองทุกอย่างตั้งแต่นวด สปา ไปจนถึงคลินิกสุขภาพและบริการโรงพยาบาล
ที่ผ่านมา OR หรือบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ยังลงทุนกับทาง GoWabi เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่สนใจเรื่องสุขภาพ GoWabi จึงไม่ได้แค่เปลี่ยนวิธีจองนัดให้กลายเป็นเรื่องง่ายในแอพฯ แต่ยังเปลี่ยนวิธีคิดของทั้งร้านค้าและลูกค้า ด้วยวิสัยทัศน์ที่ขยายจาก ‘beauty’ สู่ ‘wellness’
คอลัมน์ Brand Belief ในครั้งนี้จึงขอพาไปสนทนากับวิภาวี วงศ์สิริศักดิ์ CCO & Co-founder ถึงการทำให้ GoWabi ยังคงยืนหนึ่งได้ด้วยสิ่งที่ไม่มีใครลอกเลียนได้ง่ายๆ ในวันที่ตลาดบริการความงามและสุขภาพแข่งขันกันสูง
เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ซับซ้อนแต่ประกอบด้วยความเข้าใจ ความสัมพันธ์ และการเป็น ‘ตัวช่วย’ ที่ร้านค้าและลูกค้าต่างไว้ใจ

GoWabi ในวันนี้เติบโตและเป็นที่รู้จักในหมู่คนรักการนวดสปา แต่หากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น พวกคุณสร้างแบรนด์นี้ขึ้นจากอะไร
เราต้องตั้งต้นก่อนว่าส่วนใหญ่สตาร์ทอัพมักเกิดจากการต้องการแก้ pain point สำหรับ GoWabi pain point ในวันแรกคือ Co-founder 2 ท่าน ซึ่งเป็นคนสวีเดนและรัสเซีย เขามีปัญหาการจองตัดผมในไทย คือโทรไปจองตัดผมแล้วไม่ได้คิวสักที คือในต่างประเทศเขาจะมีเว็บให้จองกันง่ายๆ แต่ในไทยไม่ได้มีแบบนั้น
เขารู้สึกว่าทำไมการจองมันยากจัง ทั้งระบบ ทั้งภาษา คือฉันไม่ได้อยากจะคุยกับใคร ฉันแค่อยากจะตัดผมให้มันสั้นขึ้น เขาเลยสร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา
ค่อนข้างแตกต่างจากปัจจุบันที่ภาพลักษณ์คือแอพฯ จองนวดสปาและเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้หญิงมากกว่า
ใช่ ตอนแรกกลุ่มลูกค้าหลักคือผู้ชาย เพราะคนก่อตั้งเป็นเขา 2 คนไง แต่มันมีจุดตันคือตัดผมผู้ชาย แพงสุดก็ 900 บาทในยุคนั้น มันต่อยอดไปทำอย่างอื่นไม่ค่อยได้เพราะธรรมชาติของผู้ชายเขาไม่ได้ใช้เงินกับเรื่องเหล่านี้เหมือนผู้หญิง
ตอนนั้นที่เราเข้ามา เราเลยกลับมามองที่คอนเซปต์ของแอพฯ เราเป็นแอพฯ ที่เกี่ยวกับ ‘beauty’ แล้วคำคำนี้มันหมายความว่าอะไรได้บ้าง มันได้ทั้ง beauty ภายในและภายนอกนะ มันขยายไปเรื่องความผ่อนคลาย ความสบายได้ เราก็เลยนึกถึงการนวดและการเข้าสปา เพราะจริงๆ มันเป็นบริการที่ unisex เพศไหนจะใช้บริการก็ได้ จากที่แต่เดิมที่เป็นแค่ร้านตัดผมเลยเริ่มดึงร้านนวดสปาเข้ามา

ความยากในตอนนั้นคืออะไร เมื่อคนน่าจะยังไม่เข้าใจคอนเซปต์การจองผ่านแอพฯ มากนัก
เราคิดแทนเขาหมดเลย คิดแทนร้านค้า อย่างเช่นร้านค้าจะบันทึกคิวการใช้บริการด้วยการจดลงสมุดใช่ไหม แต่เราว่ามันโบราณมากเลย เราอยากจะเปลี่ยนคอมมิวนิตี้นี้ เราอยากให้ใช้ระบบการจัดการจองเพราะเรามีระบบหลังบ้าน สมมติเราเป็นร้านค้าเราก็เข้าไประบบหลังบ้าน ล็อกวันและเวลาจองได้เลย
แต่สรุปก็คือไม่มีคนใช้ เพราะอะไร เพราะมันยาก มันซับซ้อน ก็ยังใช้เป็นกระดาษอยู่ เพราะฉะนั้น แรกๆ ก็เรียนรู้ว่าเราไม่ควรคิดอะไรที่เรายังไม่ได้ถามเขา คือร้านยังไม่พร้อมด้วยซ้ำ หรือการดู sales report คุณดูผ่านระบบหลังบ้านได้ว่าอะไรขายดีในช่วงเวลาไหน มันอยู่ในนั้นหมดเลย
ถ้าให้สรุปคือช่วงนั้น ความยากมันคือการ educate ร้านค้าว่าทุกครั้งที่มีการจองมา เรามี partner app ให้เขาดูจากระบบหลังบ้านได้เลยนะ รวมถึงเราต้องฟังเขาแล้วค่อยๆ มาปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ
ช่วงแรก คุณหาพาร์ตเนอร์ร้านยังไง
คือแต่ก่อนมันจะมี Ensogo ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซรายแรกๆ ที่ขายพวกเวาเชอร์ต่างๆ ขายกระติกน้ำ ขายดีลคลินิก ขายกระเป๋า แต่มันก็ปิดตัวไป เลยเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีสำหรับร้านค้า ว่า GoWabi จะเหมือน Ensogo หรือเปล่า จะบังคับให้ลดราคา 50% หรือเปล่า
เราเองตอนแรกๆ มาเป็นเซลส์ ก็ต้องไปตามร้านค้าและอธิบายให้เขาฟังว่าคอนเซปต์ของเราคือถ้าคุณลงกับเราแล้วไม่มีคนจองมาเลย คุณก็ไม่ต้องเสียอะไรเลยนะ แต่สมมติลูกค้าจองเข้ามาด้วยบริการ 100 บาท เราขอหัก 20 บาทได้ไหม ซึ่งนอกจากคุณจะไม่ต้องเสียต้นทุนไปก่อนที่คนจะจองแล้ว เวลาคุณมาลงร้านกับเราลูกค้าก็จะเห็นร้านคุณและอาจติดต่อผ่านช่องทางติดต่อของคุณเองโดยไม่ได้ผ่านเราก็ได้นะ
ช่วงแรกก็ต้องเอาเจ้าใหญ่ๆ มาลงก่อน เช่น Let’s Relax หรือ PAÑPURI พอเอาร้านใหญ่เข้ามา ได้ ร้านเล็กๆ ก็เริ่มเชื่อมั่นในแพลตฟอร์มมากขึ้น

เหมือนเป็นผู้ช่วยให้ร้านค้าได้มีเวทีหรือช่องทางเจอลูกค้ามากขึ้น
ใช่ แต่มันก็ท้าทายอยู่เหมือนกัน คือบางทีรายเล็กๆ ก็จะบอกว่าอุ๊ย เรามีแต่เชนใหญ่ๆ แล้วเขาจะไปสู้ได้เหรอ เราก็ต้องสื่อสารว่าไม่ใช่แบบนั้นนะ คนใช้บริการเนี่ย บางวันเขาก็ไม่ได้อยากไป Let’s Relax ตลอด บางครั้งเขาก็อยากได้ร้านชิคๆ บางครั้งก็อยากไปร้านแนวบูทีกๆ
แล้วเราก็พยายามเพิ่มฟีเจอร์ในแอพฯ เพื่อช่วยให้ร้านขายได้ เช่น ฟีเจอร์ near me สมมติอยู่แถวทองหล่อ พอกด near me ปุ๊บ แอพฯ ก็จะขึ้นว่าภายใน 1 กิโลเมตรใกล้เรามีร้านอะไรบ้าง เพื่อให้ระหว่างเขาพักเบรกช่วงกลางวัน เขาอาจจะออกไปทำเล็บแล้วค่อยกลับมาทำงานได้ หรือบางทีก็มีเแคมเปญที่ให้โปรโมชั่นส่วนลด
แทนที่ร้านจะขายบอดี้สครับอย่างเดียว ลองทำเป็นบริการนวดอโรม่าพร้อมบอดี้สครับไหม นอกจากร้านได้เงินมากขึ้น มันเป็นการเพิ่ม value ให้ทางร้านด้วย แม้กระทั่งรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เช่น ร้านตั้งอยู่ในโลเคชั่นไหน รูปควรจะเลือกรูปแบบไหน คำบรรยายต้องเป็นยังไง ร้านนวดไทยมีเป็นร้อยร้าน คุณจะชนะร้านอื่นได้ยังไง ทำไมบางร้านนวดไทยตั้ง 1,000-2,000 แต่เขาขายได้ บางทีมันอยู่ที่การบรรยายด้วย
เราพยายามทำให้ร้านรู้สึกว่าเราเป็นมากกว่าตัวกลาง แทนที่จะไปยิงแอดผ่านโซเชียลมีเดียซึ่งไม่รู้มันจะได้ผลไหม คุณมาลงกับ GoWabi คุณไม่เสียเงินนะถ้ายังไม่มีคนจอง เราเหมือนเป็นที่ปรึกษาที่ช่วยคุณ และเงินที่หักไปก็คือการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้มันตอบโจทย์ทั้งร้านและลูกค้า เราไม่ได้แค่หัก 20% ไปเปล่าๆ แต่เราเอาต้นทุนตรงนั้นไปทำการตลาดให้เขา เราเอาไปยิงโฆษณา บางทีก็ไปดีลกับบล็อกเกอร์เพื่อให้ไปรีวิวร้าน
จากแอพฯ จองตัดผม จองนวดสปา ทุกวันนี้ GoWabi มีบริการหลากหลายมาก คุณเห็นอะไรในตลาดนี้
พอเราเข้ามาทำงานที่นี่ เราก็เป็นผู้หญิง เป็นคนไทย เราเห็นคลินิกอยู่ตามท้องถนนทุกมุมเลยรู้สึกว่าคลินิกมันคือส่วนหนึ่งของคำว่า beauty นะ เลยเริ่มเข้าคลินิก แล้วพออยู่ในวงการนี้ไปเรื่อยๆ เราเริ่มเข้าใจว่าบางทีไม่ใช่ว่าจะต้องเข้าคลินิกเพื่อให้หน้าตึงตลอดเวลา แต่บางทีมันคือการ maintain ผิวหน้าและร่างกาย มันเหมือนเป็นการดูแลตัวเอง มันไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามที่เป็นหน้าตาแต่มันเป็นเรื่องความมั่นใจ
พอเริ่มมีคลินิกเลยนึกถึงความสวยงามทั่วไปว่ามันมีอะไรบ้างล่ะ มีทำเล็บ ต่อขนตา ตัดผมผู้หญิง ดัดผม ทำสี เริ่มขยายไปเรื่อยๆ จนตอนนี้พยายามมุ่งไปฝั่งของโรงพยาบาลมากขึ้น เพราะหนึ่ง–เป็นบริการที่ใครก็จองได้ สอง–เทรนด์ตอนนี้คนไม่ได้เข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาเท่านั้นแต่เราเข้าไปเพื่อป้องกัน
ไม่ว่าจะบริการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก บริการตรวจสุขภาพ เพราะเทรนด์ทุกวันนี้คือการดูแลตัวเองให้ร่างกายแข็งแรงซึ่งมันก็เป็นหมวดหมู่ Beauty and Wellness
แต่ถามว่าตอนแรกเรารู้ไหมว่าต้องเอาอะไรเข้ามา ไม่รู้หรอกเราก็เอาเข้ามาหมดเพราะเราไม่มีข้อมูล อันไหนดีก็ขายต่อ อันไหนไม่ดีก็บ๊ายบาย แต่พอมันผ่านมา 9 ปีก็เริ่มมีข้อมูลแล้ว เช่น บริการกำจัดขนส่วนไหนขายดี คลินิกไหนได้รับความนิยม
หรือตอนนี้เราก็มีข้อมูลแล้วว่า 85% ของผู้ใช้งานคือผู้หญิง แต่ถามว่ามันละเอียดมากไหมในเรื่องเพศก็อาจจะไม่ได้ขนาดนั้น เพราะบางทีผู้หญิงเขาซื้อให้แฟนก็มี

GoWabi ค่อนข้างเข้าใจพาร์ตเนอร์ร้านค้ามาก กลับกัน ในฝั่งผู้ใช้บริการ คุณทำยังไงให้ลูกค้าใช้ GoWabi แทนที่จะไปจองเอง หรือไปใช้แพลตฟอร์มอื่น
อย่างแรก จำนวนของร้านค้าต้องมีเยอะและหลากหลาย เรารู้สึกว่าถ้าร้านไม่เยอะ ลูกค้าคงไม่อยากเข้ามา เขาไปหาเองก็ได้มั้ง ดังนั้นร้านค้าตามเส้น BTS เส้น MRT เราต้อง cover ให้มากที่สุด
อย่างที่สอง เรื่องราคา เราต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราถูกที่สุด ดีที่สุด อย่างที่สาม คือเราต้องทำให้เขากลับมาใช้ซ้ำได้ ดังนั้นเราเลยมี loyalty program เช่น ทุกครั้งที่จองบริการ ฉันก็ได้ cashback กลับมาซื้ออีก แล้วเรายังมีฟีเจอร์ให้ลูกค้ารีวิวซึ่งมันเป็นรีวิวจากลูกค้า 100% เลยนะ ดังนั้นมันเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ร้านและลูกค้ามากขึ้นด้วย
ก่อนประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ GoWabi เคยเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากบ้างหรือเปล่า
ช่วงโควิด-19 เลย คลินิก สปาถูกปิด เป็นช่วง 2 ปีที่ค่อนข้างจะวิกฤตสุดๆ
ธุรกิจเราขึ้นกับอันนี้หมดเลย พอรัฐบาลสั่งปิดแล้วเราจะเอาเงินจากไหน แต่โชคดีที่เราไม่ layoff แต่เราก็แจ้งไปตามตรงว่าเรามีหักเงินนะ บางคนก็ยังอยู่ บางคนก็ออกไปบริษัทที่เขาไม่หัก เราก็เข้าใจ
แต่ตอนนี้สิ่งที่เราเห็นคือช่วงแรกๆ การตรวจโควิดมันยากเหมือนกัน ต้องจองคิวในโรงพยายาล แต่โรงพยาบาลก็เต็ม เราเลยมีไอเดียว่าเรามีพาร์ตเนอร์ที่เป็นคลินิกซึ่งเขามีพื้นที่ มีพยาบาล มีลานจอดรถ งั้นเราดีลกับคลินิก 45-50 ที่ เพื่อเปิดให้บริการตรวจโควิดแบบ swab test ATK แล้วก็ขายใน GoWabi
แต่สิ่งที่เราโชคดีอย่างหนึ่งคือ เราโชคดีที่ 80% ของลูกค้า GoWabi เป็นคนไทย เพราะฉะนั้นเราเลยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างชาติมากนัก เพราะช่วงนั้นต่างชาติก็บินมาไม่ได้ เราเลยทำ Voucher Buy now, Use Later ที่ร้านก็จะให้ราคาถูก เหมือนขายเพื่อเอาเงินมาก่อน
ในขณะเดียวกันเราก็ทำบริการกู้ให้ร้านค้า เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าร้าน A ปกติขายได้เดือนละหมื่น เพราะฉะนั้นเราก็ให้กู้ประมาณ 5,000 แล้วคิดดอกเบี้ยโดยที่ไม่ต้องใช้เอกสาร เพราะเรามีข้อมูลอยู่แล้ว ถามว่ามันดียังไง ทั้งเวาเชอร์ ทั้งการกู้ยืม เพราะร้านก็ยังต้องดูแลลูกน้อง เช่น การันตีรายได้ของหมอนวด แต่เขาก็ไม่รู้จะหาเงินจากไหน
อีกวิธีคือพยายามติดต่อโรงแรมเพื่อทำ package staycation เรียกว่าเราพยายามหา target คนไทยให้ได้มากที่สุด

ในฐานะที่เป็นเจ้านาย เป็นพี่ๆ ของน้องในทีม คิดว่าทักษะอะไรที่ทำให้คุณผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
เรารู้สึกว่าการสื่อสารกับคนในทีม กับ positive thinking สำคัญ
ทั้งๆ ที่เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะผ่านไป แต่ถ้าเราดาวน์ ทีมคงรู้สึกไม่มั่นคง
แล้วโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ในมุมของผู้ให้บริการจองสุขภาพและความงาม
ในเชิงเศรษฐกิจ เราว่าคนไทยระมัดระวังเรื่องการใช้เงินมากขึ้น แต่ก่อนมันคือราคาถูกก็ซื้อๆ ไปก่อน แต่ตอนนี้คนจะคิดว่าถ้าฉันจะซื้ออันนี้เขาจะไปวันไหน ได้ใช้จริงไหม ฉะนั้นเวลาออกโปรโมชั่น เราต้องคิดว่าคนเขาต้องการอะไร อย่างตอนนี้หมวดหมู่คลินิกค่อนข้างเยอะ เราก็จะเน้นขายของราคาสูง ของที่เน้นเทคโนโลยีไปเลย เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าเขาจ่ายไปแล้วมันคุ้ม
ในเชิงบริการ เดี๋ยวนี้มันมีทางเลือกเยอะมากในการดูแลตัวเอง สมมติร้านตัดผมไม่ได้มีแค่ตัดผมแล้ว มันมีสปาผม สปาหู สลายขี้ไคล สระผมเวียดนาม นวดศีรษะอินเดีย มันจะมีมาเรื่อยๆ หน้าที่เราคือ educate ว่าสิ่งนี้เราทำไปเพื่ออะไร มันดียังไง ข้อดี-ข้อเสียคืออะไร หรือถ้าเราเป็นออฟฟิศซินโดรม มันไม่ได้มีแค่นวดแล้วนะ มันยังมีครอบแก้ว ฝังเข็ม เผายา
อีกอย่าง คือเรื่องการทำหัตถการสมัยนี้มันเป็นเรื่องที่คนเปิดเผยกันได้ แต่ก่อนดาราจะบอกว่าไม่ได้ทำหน้าค่ะ แต่เดี๋ยวนี้เขาก็จะบอกว่าทำที่ไหน มันทำให้คนทำงานสนุกกับการทำคอนเทนต์ อย่างเราเองออกกำลังกายเยอะ แต่ก่อนไม่ค่อยเข้าใจว่าเราจะทำหัตถการไปทำไม แต่พอเราไปเจอหมอแต่ละคนที่เขาให้ข้อมูลเชิงลึก เราถึงได้เข้าใจว่าจริงๆ มันไม่ใช่แค่เรื่องการทำให้เราสวย แต่มันคือการป้องกัน
แต่ก่อนเวลาเราโปรโมตอะไร เราจะนึกถึงแต่ดาราตัวท็อป แต่เทรนด์ตอนนี้ทุกคนเป็น somebody ได้ แล้วมันดูจริงกว่า เขาซื้อได้ เราก็ซื้อได้ ฟีดแบ็กจะต่างกับการใช้ดาราใหญ่ เพราะมันเหมือนว่าดาราเขาสวยอยู่แล้ว แล้วเราไปทำมันคงไม่ดีเท่า


เหมือนกับว่ายังมีโอกาสและพื้นที่ให้ GoWabi เข้าไปลองเข้าไปเล่นอีกเยอะ
มันไปได้กว้างมาก
เมื่อต้นปีเราเพิ่งออกระบบ POS สำหรับร้านค้า คือไม่ว่าลูกค้าจะมาจากช่องทางไหน ทั้ง GoWabi, Facebook, IG หรือวอล์กอิน ร้านสามารถ gererate link แล้วส่งเข้าไปใน Line Official ได้ ลูกค้าจองวันเวลาบริการที่ต้องการได้ มัดจำก็ทำได้
แม้กระทั่งลูกค้าทำเล็บมือ-เท้า มีช่าง 2 คน ก็แบ่ง commission ได้ หรือ sales report ที่อยากทราบยอดขายแต่ละเดือน บริการอะไรขายดีที่สุด ราคาไหนที่เท่าไหร่เราสามารถทำได้ในทีเดียว นอกจากนี้ยังเพิ่มประวัติของลูกค้าได้ ว่าลูกค้าไหนชอบหมอคนไหน ชอบนวดแบบไหน หรือระบบ CRM เช่น เดือนเกิดของลูกค้าก็ส่ง SMS หรือ Line มอบส่วนลดเพิ่ม 10% ได้ ซึ่งเป็นส่วนที่แยกกับ GoWabi ถ้าร้านค้าอยากได้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
อย่างตอนนี้เราอยากเป็นเหมือนทินเดอร์ของโรงพยาบาล (หัวเราะ) เช่น มันพอจะนัดทำศัลยกรรม เลสิก หรือโรคที่ไม่ต้องผ่าตัดด่วนได้ไหม หรือสมมติถ้าเราอยากทำทัวร์ศัลยกรรมเกาหลี แล้วเราไปดีลกับเอเจนต์เกาหลีได้หรือเปล่า อีกเรื่องที่เริ่มทำแต่ยังไม่ได้เน้นมากคือสัตว์เลี้ยง เช่น ดึงสปาสัตว์เลี้ยง โรงแรมสัตว์เลี้ยงเข้ามาในแพลตฟอร์มของเรา
หรือว่าจะเป็นคอมมิวนิตี้ที่อยู่ใน GoWabi ให้ลูกค้าโพสต์รูปได้ว่าเขาไปทำบริการอะไรมา ระบบหลังบ้านก็จะมีการติดตามข้อมูลแล้วให้ badge กับเขา เช่น ถ้าเราไปทำเล็บมาทุกเดือน ร้าน A B C รูปโปรไฟล์ของเราก็จะมี badge การทำเล็บให้คนติดตามได้
เราสามารถเอา badge นี้ไปขายร้านได้ว่าคนคนนี้เป็นอินฟลูเอนเซอร์เรื่องทำเล็บใน GoWabi นะ ลอง offer service ให้เขา แล้ว generate affiliate link ให้ไหม เพื่อดึงให้คนมาใช้บริการต่อ ที่จริงเรายังมี GoWabi blog ที่ใช้สื่อสารกับลูกค้าด้วยว่าบริการต่างๆ ของเรามีอะไรบ้าง เขามีตัวเลือกอะไรให้ได้ดูแลตัวเองอีก

คุณคิดฟีเจอร์พวกนี้ได้ยังไง
เราแค่คิดว่า “ทำไมไม่ทำให้มันเยอะได้มากกว่านี้” ทุกวันนี้มีรูป แล้วมันยังไงต่อ เราสามารถทำอะไรกับรูปได้มั้ย เช่น ตอนนี้ถ้าใครโพสต์รูป ก็จะได้ cashback เยอะกว่า
หรือล่าสุด เราก็มี Top Rated หมวดสปายอดเยี่ยม หมวดอโรม่ายอดเยี่ยม ปีแรกๆ เราก็ยังงบน้อย ตระเวนไปตามร้านแล้วถ่ายรูปให้รางวัล ซึ่งร้านเล็กๆ เขา appreciate สิ่งนี้นะ เพราะเขาสามารถชนะหลายๆ ร้านที่อยู่ในหมวดเดียวกันได้ แล้วเราก็จัดมาทุกปี ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่จัดงานแบบออฟไลน์
เรารู้สึกว่าเป็นคอมมิวนิตี้ที่อบอุ่นจัง แต่ละโรงแรม แต่ละร้านค้าได้มารวมตัวพูดคุยกัน แล้วเราก็ได้ฟีดแบ็กจากทางร้าน ได้เห็นร้านเวลาขึ้นไปพูดขอบคุณ ว่าเขาโตมากับ GoWabi ได้แก้ปัญหาโควิดด้วยกัน จนเหมือนเป็นเพื่อนกัน บางทีร้านค้าก็ปรึกษาเราในมุมว่าอยากเปิดสาขาใหม่ควรไปที่ไหน เราก็พร้อมให้คำปรึกษากับเขาเพราะเรามีข้อมูลในมือ
แล้วในตลาดนี้มีผู้เล่นอื่นนอกจาก GoWabi ไหม
ไม่ได้เป็น direct competitor แต่เราเรียกเป็น player มากกว่า เพราะบางเจ้าเขาเน้นไปที่การจองบริการสุขภาพอย่างเดียว บางเจ้าเน้นไปที่การซื้อบัตรเข้างานหรือสวนสนุก ถามว่าเขามีส่วนที่เป็นสปาหรือคลินิกไหมก็มีนะ แต่ไม่ได้มีมากเท่าเรา
เรียกว่ามันไม่ได้มีอะไรที่เหมือนกับเรา แบบเป็นแอปเปิลกับแอปเปิลขนาดนั้น
คิดว่าเหตุผลอะไรถึงไม่มีผู้เล่นใน segment เดียวกันขนาดนั้น
เราเชื่อเรื่องความสัมพันธ์ที่เรามีต่อร้านค้า ถ้าร้านค้ามีอะไรเขาก็จะบอกเรา ที่ผ่านมา รานก็บอกว่าเขาขายกับเราได้เยอะแล้ว เขาไม่ได้อยากไปลงแพลตฟอร์มอื่นเพราะลงหลายแอพฯ มันก็ต้องทำโอเปอเรชั่นลายแอพฯ เราเลยรู้สึกอุ่นใจว่าเรายังเป็นนัมเบอร์วันในใจเขาอยู่

อะไรทำให้ GoWabi เติบโตและอยู่มาได้กว่า 10 ปี
เราต้องขอบคุณพาร์ตเนอร์ที่เขาอยู่กับเรา โปรโมชั่นที่เขาให้เรา ทุกอย่างเขาไว้ใจเรา และลูกค้าเองเราก็แบ่ง loyalty tier อย่าง diamond คือคนที่ใช้ GoWabi 20k ต่อปีจะได้สิทธิพิเศษ เช่น cashback 5% มีส่วนลด เลยทำให้ลูกค้าอยู่กับเรา หรือเวลาลูกค้าซื้อบริการราคาสูง เราก็มีบริการผ่อนได้ผ่าน GoWabi โดยที่ร้านไม่ต้องเสียค่า fee ลูกค้าก็เลือกได้ว่าอยากผ่อนกี่เดือน
เรียกว่าเราเป็นธุรกิจที่ต้องพยายามมองตลอดเวลาว่าเขาต้องการอะไร
มีสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในธุรกิจนี้บ้างไหม
สิ่งที่เราขายควรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะว่ามันเล่นกับเรื่องร่างกาย บางทีเราลองไปเป็นลูกค้า เนียนไปดูว่ามีอะไรแอบแฝงมั้ย คือเราอยากลองทำทุกอย่าง แต่ถ้าอันไหนไม่เวิร์กก็ปล่อย
อยากให้ร้านค้าและลูกค้ามอง GoWabi ในภาพไหน
อยากให้มองเป็นเพื่อนสาว เหมือนว่าถ้าคิดไม่ออกก็ถามเพื่อนสาว อยากสวยถามเพื่อนสาว อยากหายปวดเมื่อยก็ถามเพื่อนสาว เราอยากเป็นแบบนั้น เพราะสุดท้ายแล้ว GoWabi เชื่อว่าทุกคนอยากดูดีทั้งร่างกายและจิตใจ ฉะนั้นเราอยากเป็นคนคอยซัพพอร์ต ให้เขามี good day ในแต่ละวัน