กระเป๋าในฝัน
FUNDAO แบรนด์กระเป๋าของหญิงสาวผู้คลั่งไคล้เรื่องกระเป๋าจนต้องบินไปเรียนถึงมิลาน
FUNDAO เป็นกระเป๋าในฝันของ หยิน–ฝันดาว แบ้สกุล และผู้หญิงวัยทำงานที่ไม่อยากพกกระเป๋าหลายใบ
อ่านบรรทัดแรกคุณอาจรู้สึกว่าเคลมยิ่งใหญ่เกินไป แต่เราหมายความอย่างนั้นจริงๆ
ในความหมายแรก FUNDAO คือแบรนด์กระเป๋าที่เจ้าของแบรนด์อย่างฝันดาวใฝ่ฝันว่าอยากทำมานาน
ในความหมายที่สอง FUNDAO คือกระเป๋าที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงวัยทำงานผู้เคยพกกระเป๋าหลายใบ ใบหนึ่งสะพายเพื่อคอมพลีตลุคประจำวัน ส่วนอีกใบก็ใส่ของใช้ คอกเลกชั่น ‘AVA’ ถูกดีไซน์จาก pain point นั้นจนได้เป็นกระเป๋าหนังใบใหญ่ที่ทั้งสวยและจุของได้เยอะ
กระเป๋าของ FUNDAO ยังพิเศษกว่าแบรนด์ในตลาด ด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ (และบางครั้งก็มีการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งจริงๆ) อีกเหตุผลที่ทำให้หลายคนรักคือมันเปี่ยมไปด้วยคุณภาพการตัดเย็บที่อ้างอิงจากศาสตร์การทำกระเป๋าจากมิลาน และมีราคาที่คนทำงานเข้าถึงได้ง่ายสุดๆ
ช่วงปีที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นคนวัยทำงานหลายคนที่เคยสะพายกระเป๋าแบรนด์แนมหันมาใช้กระเป๋าแบรนด์ไทยแบรนด์นี้กันมากขึ้น และพูดเลยว่า FUNDAO ไม่ได้ป๊อปปูลาร์แค่ในประเทศ แต่พวกเขายังมีเว็บไซต์ที่ส่งสินค้าไปทั่วโลก แถมมีช็อปตั้งอยู่ในปารีสกับนิวยอร์กอีกต่างหาก
ในวันที่เรานัดเจอกัน แบรนด์กระเป๋าที่เป็นความฝันเล็กๆ ของฝันดาวนั้นไม่ได้เล็กอีกต่อไป แต่กว่าจะถึงจุดนี้ อะไรคือแรงผลักดันทำให้แบรนด์ไทยแบรนด์หนึ่งเดินทางมาขนาดนี้ได้ เราขอใช้บรรทัดนี้ชวนคุณไปทำความรู้จัก FUNDAO และฝันดาวในบรรทัดต่อจากนี้กัน
ฝันของคนรักกระเป๋า
หลังจบจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝันดาวเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการจัดการแฟชั่น (Fashion Management) และอนุปริญญาด้าน Bag & Pattern Making ที่มิลานด้วยความอินเรื่องกระเป๋าเต็มกระเป๋า
“หยินชอบกระเป๋าตั้งแต่เด็ก เวลาสอบแล้วทำคะแนนได้ดี หยินก็จะเก็บตังค์ซื้อกระเป๋าเป็นของขวัญให้ตัวเอง” เธอเล่าด้วยตาเป็นประกาย “ทุกครั้งที่ซื้อกระเป๋าใบใหม่เราจะเอามานั่งดู เอามากอด เอามาคุยด้วยอยู่นั่นแหละ ไม่ว่ากระเป๋าใบนั้นจะถูกหรือแพง ถ้าชอบคือชอบเลย”
มิลานคือเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องหนังอยู่แล้ว ความอินจึงถูกต่อยอดให้กลายเป็นทักษะ ฝันดาวได้เรียนรู้เรื่องความละเอียดลออในทุกขั้นตอนของการทำกระเป๋าตั้งแต่การคัดเลือกหนังไปถึงการตัดเย็บจนสมบูรณ์
ในช่วงท้ายสุดของหลักสูตร ฝันดาวได้ลองทำกระเป๋าใบแรกในชีวิตของตัวเองขึ้น และท่ามกลางดีไซเนอร์ฝึกหัดนับร้อย กระเป๋าของเธอคือหนึ่งในไม่กี่ใบที่ถูกคัดเลือกให้ไปแสดงในงาน Milan Fashion Week หนึ่งในอีเวนต์ทางแฟชั่นที่ทรงพลังที่สุดของวงการ
“มันทำให้หยินรู้สึกว่า เฮ่ย เราเป็นคนไทยที่ไม่มีอะไรนอกจากความอินเรื่องกระเป๋าแล้วทำได้ขนาดนี้ ตอนนั้นหยินก็มีความมั่นใจมากขึ้น”
ความอินก็มี ความมั่นใจก็ครบ ทักษะก็พร้อม ที่เหลือฝันดาวก็แค่ต้องลงมือทำให้ความฝันในการมีแบรนด์กระเป๋าของตัวเองเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเท่านั้น
ฝันของลูกค้า
ในมุมมองของผู้บริโภคอย่างเรา ตลาดแฟชั่นเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ทุกอย่างดูไปเร็วมาเร็วไปหมด
ในมุมมองของคนทำธุรกิจ ฝันดาวเห็นตรงกัน “เราคิดว่าทุกตลาดมีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่พอยต์ที่จะทำให้หยินตัดสินใจว่าจะทำแบรนด์หรือไม่ทำ พอยต์คือในเมื่อหยินรักมัน มีแพสชั่นมากๆ กับมัน ทำไมหยินจะไม่ทำล่ะ ต่อให้หยินจะมีคู่แข่งเป็นหมื่นเป็นแสนแต่หยินก็มองว่ากระเป๋าของหยินมีตัวตนที่ชัดเจน กระเป๋าของหยินจะไม่เหมือนใครและคงไม่มีใครเหมือนด้วย”
เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและราคาที่เข้าถึงได้ คือคำที่คนรักกระเป๋าหลายคนใช้นิยามกระเป๋าของฝันดาว ซึ่งหญิงสาวเจ้าของแบรนด์ก็ยืนยันกับเราว่านั่นคือความตั้งใจที่เธอตั้งไว้ตั้งแต่ day 1
“หยินอยากจริงใจกับผู้บริโภค ในเรื่องคุณภาพ หยินคิดว่าหยินก็มี know-how ระดับนึงเลย แต่หยินก็ขายในราคาที่ไม่สูงมากเพราะอยากให้คนได้ลองใช้แล้วบอกต่อ เมื่อเขารู้สึกว่าเขาได้รับอะไรมากกว่าราคาที่จ่ายไป เขาจะอยากกลับมาใช้เราอีก นี่คือสิ่งที่หยินอยากได้”
ฝันของคนเมือง
ไม่เพียงแค่ใส่แล้วต้องสวยสับ หิ้วไปไหนมาไหนได้ในทุกสถานการณ์ กระเป๋าของฝันดาวยังมีการนำทรัพยากรธรรมชาติในบ้านเรามาประกอบเป็นส่วนหนึ่งเพื่อบอกให้ชาวโลกรู้ว่าเมืองไทยก็มีของดี
อย่างคอลเลกชั่นแรกซึ่งขายดีมากในมิลานและนิวยอร์กคือกระเป๋าสายสะพายมุก ซึ่งก็เป็นมุกจากทะเลอันดามันทางใต้
“หยินเป็นคนภูเก็ต คุณแม่ก็จะรู้จักแหล่งขายมุกที่อาจไม่ได้เป็นรูปทรงกลมสมบูรณ์แบบ (well-rounded) แต่ยังสวย เพราะก่อนหน้านี้หยินรู้สึกว่าคนทั่วไปหาโอกาสใส่มุกได้ยากเลยอยากนำมุกมาเป็นส่วนหนึ่งของกระเป๋า” อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ต้องใช้เวลาในการดูแลและคัดสรร ฝันดาวจึงไม่ได้ทำกระเป๋าสายสะพายมุกต่อเนื่องจากข้อจำกัดด้านการผลิต
ถึงอย่างนั้น หญิงสาวเจ้าของแบรนด์ก็บอกเราว่า ธรรมชาติเป็นองค์ประกอบที่ฝันดาวให้ความสำคัญมาแต่แรก เพราะ ในกระเป๋าทุกคอลเลกชั่น คุณจะเห็นเครื่องหมายไขว้ซ่อนอยู่ตรงมุมใดมุมหนึ่งเสมอ “นั่นคือการไขว้กันระหว่างอดีตกับอนาคต การไขว้กันของมนุษย์กับธรรมชาติ เพราะหยินเชื่อว่าธรรมชาติกับมนุษย์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างมาพร้อมกัน เป็นแรงผลักดันซึ่งกันและกัน”
องค์ประกอบอื่นๆ ของกระเป๋าก็มีการผสมผสานธรรมชาติมารวมไว้ด้วยเช่นกัน อย่างสีของกระเป๋าซึ่งเป็นสีเอิร์ธโทน ไปจนถึงกระบวนการฟอกหนัง ที่ได้รับรองจาก LWG (Leather Working Group) องค์กรไม่แสวงหากำไรที่อุทิศตนเพื่อผลิตเครื่องหนังที่ยั่งยืน เพื่อยืนยันว่ากระเป๋าใบนั้นถูกผลิตขึ้นในโรงงานที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อโลก ไม่ปล่อยสารเคมีที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
“จริงๆ การไปสัมผัสธรรมชาติเป็นการชาร์จแบตของมนุษย์นะ มันทำให้เรามีชีวิตชีวา เราจึงอยากนำธรรมชาติเข้ามาให้คนเมืองสัมผัสผ่านกระเป๋าด้วย”
ฝันของผู้หญิงวัยทำงาน
ถ้าถามว่าคอลเลกชั่นที่ทำให้ฝันดาวบูมสุดๆ คือคอลเลกชั่นไหน อาจตอบได้ว่า AVA คอลเลกชั่นที่โดดเด่นทั้งเรื่องสไตล์และความจุ
“ด้วยกลุ่มลูกค้าหลักของเราเป็นผู้หญิงวัยทำงานที่มีหลายบทบาท กลางวันไปทำงาน ตอนเย็นช้อปปิ้งหรือปาร์ตี้ต่อ ก่อนหน้านี้พวกเขามี pain point คือต้องพกกระเป๋า 2 ใบ ใบแรกเป็นกระเป๋าจิ๋วที่เขาใช้บ่งบอกสถานะ หรือเป็นกระเป๋าที่ใช้เพื่อคอมพลีตลุคแต่ใส่ของได้ไม่เยอะมาก กับอีกใบเป็นถุงผ้าหรือถุงกระดาษที่ใช้ใส่โน้ตบุ๊กและสิ่งของอื่นๆ หยินเลยทำ AVA ขึ้นมาเพื่อเป็นกระเป๋าที่ทั้งคอมพลีตลุคและใช้ใส่ของได้เพียงพอ”
ฝันดาวย้ำว่า ในการผลิตกระเป๋า เธอให้ความสำคัญกับทั้งดีไซน์และฟังก์ชั่นไปพร้อมกัน “เลือกไม่ได้หรอกว่าให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน ก่อนหน้านี้มีกระเป๋าที่ดีไซน์สวย และมีกระเป๋าที่เน้นการใช้งาน เราอยากสร้างสิ่งใหม่ด้วยการนำสองสิ่งนี้มารวมกันเพื่อปิด pain point ลูกค้า”
นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กระเป๋าของฝันดาวเป็นที่รัก จนสามารถขยับขยายจากช็อปบนเว็บไซต์มาเปิดหน้าร้านของตัวเองได้ทั้งในไทย ปารีส และนิวยอร์ก
ฝันของฝันดาว
“ไม่มีจุดนั้นหรอกค่ะ” ฝันดาวตอบ เมื่อเราถามว่าหลังจากเปิดแบรนด์มาแล้ว 3 ปี ตอนนี้เดินทางถึงจุดที่แบรนด์ประสบความสำเร็จหรือยัง
“หยินอาจเป็นคนใช้ชีวิตแบบชาเลนจ์ตัวเองไปเรื่อยๆ ก็ได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้กดดันตัวเองนะ หยินแค่อยากทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุข ทำไปเรื่อยๆ จนแก่ สำหรับหยินมันเลยไม่มีจุดที่คิดว่าฉันสำเร็จแล้ว พอแล้ว
“แต่แน่นอนว่าการได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้าที่ใช้แล้วชอบ การกลับมาซื้อซ้ำ การได้รับคัดเลือกไปร่วมแฟชั่นโชว์ที่นั่นที่นี่ นั่นคือรางวัลที่ได้รับแล้วดีใจมาก เป็นแรงขับเคลื่อนให้เราอยากทำงานต่อไป จริงๆ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หยินดีใจหมดเลย” หญิงสาวยิ้ม