Chinese Name
ส่องความหมายใต้สำเนียงเสียงจีน ของชื่อแบรนด์จีนและร้านไทยชื่อจีน
ฮวด เฮง อึ้ง กิม สารพัดสำเนียงเสียงถิ่นจีนเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของเราอยู่นานโข ต่างตรงที่ว่าครั้งหนึ่งร้านรวงชื่อจีนมักถูกครอบครองพื้นที่ด้วยการออกเสียงภาษาถิ่นในสำเนียงแต้จิ๋ว กวางตุ้ง ไหหลำ เป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ป้ายยี่ห้อ ร้านรวง หรือแบรนด์จีนของเจเนอเรชั่นใหม่ล้วนใช้การออกเสียงอย่างจีนกลาง (Mandarin Chinese)
และคนที่ไม่รู้ภาษาจีนก็พากันออกเสียงเพี้ยนไปบ้าง บ้างออกเสียงถูกแต่ไม่รู้ความหมาย คอลัมน์ Brand Name อยากชวนคนอ่านมารู้ความหมายและปรับเสียงให้ใกล้เคียงกับความถูกต้องที่สุด ผ่านการสอดส่องแบรนด์จีนและร้านไทยชื่อจีนไปพร้อมกัน เริ่ม!
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA--1024x1024.jpg)
Haidilao 海底捞
แบรนด์หม้อไฟที่มีพนักงานมาระบำทำเส้นสดโชว์ตรงหน้าที่เห็นบ่อยในไอจีสตอรียามนี้ ต้องยกให้ Haidilao แบรนด์หม้อไฟจากมณฑลที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติเผ็ดชาอย่างซื่อชวน (คนไทยเรียกเสฉวน) สร้างความประทับใจให้คนไทยด้วยรสชาติซุปในหม้อทรงสี่เหลี่ยมอันโดดเด่น บาร์น้ำจิ้มที่ตักได้เพลิดเพลิน พร้อมรับชมการแสดงเปลี่ยนหน้ากากได้ในร้าน แต่แบรนด์นี้ก็ยังเป็นที่กังขาเรื่องชื่อเรียก
เดิมที จางหย่ง ชาวจีน-สิงคโปร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์เริ่มจากเปิดร้านหม้อไฟ 小辣椒 (อ่านว่าเสี่ยวล่าเจียว แปลว่าพริกเม็ดเล็ก ตามบริบทไทยก็อารมณ์ประมาณ เล็กพริกขี้หนู) ที่เมืองเจี่ยนหยางก่อนในปี 1994 พอธุรกิจเริ่มเข้าที่เข้าทางเขาก็เริ่มเปิดสาขาแรกที่เมืองซีอาน ก่อนจะปักหมุดร้านไปทั่วโลก
แม้เสียงในภาษาไทยของร้านจะถูกกำกับเอาไว้ชัดเจนว่า ‘ไหตี่เลา’ แต่หลายคนก็อยากเรียกแบบคุ้นปากว่า ไห่ตี้เหลา ไฮ้ตี่เหลา ไฮด์ดี้เหลา อยู่ดี อาจเพราะรู้สึกว่าร้านจีนต้องมีคำว่าเหลาหรือเปล่านะ
ชื่อนี้มาจากอักษรจีนสามตัวประกอบกันคือ 海底捞 (hǎi dǐ lāo ไหตี่เลา) ตัวแรก 海 (hǎi) ที่จริงออกเสียงว่า ไห่ แต่เนื่องจากไห่เป็นวรรณยุกต์เสียงที่สาม (ใกล้เคียงเสียงเอกในวรรณยุกต์ไทย) เมื่อมาเจอกับตี่ที่เป็นเสียงสามเหมือนกัน ในไวยากรณ์จีนกำหนดให้เปลี่ยนวรรณยุกต์ตัวแรกเป็นเสียงที่สองแทน ไห่ตี่ (hǎidǐ) จึงกลายเป็น ไหตี่ (hái dǐ) ส่วนความหมาย ไห / ไห่ แปลว่าทะเล ตี่ แปลว่า ใต้สุด / จุดสิ้นสุด และตัวสุดท้าย เลา หมายถึง ตกขึ้นมา / ช้อนขึ้นมา ทั้งหมดจึงแปลได้ว่า ‘ตกขึ้นมาจากใต้ท้องทะเล’ ยังไม่หมดเท่านั้น เมื่อในศัพท์เฉพาะของวงการไพ่นกกระจอก ไหตี่เลา ยังหมายถึง การชนะไพ่ใบสุดท้าย ที่นับเป็นแรร์ไอเทมของเกมที่ใครได้ไปนับว่าโชคดีสุดๆ ซึ่งจางหย่งเองก็คว้าไพ่ใบสุดท้ายไปตามชื่อแบรนด์ด้วยการประสบความสำเร็จอย่างมากจนติดอันดับที่ 75 ของ Forbes World’s Billionaires ไปเรียบร้อย
ปัจจุบันทางแบรนด์เลยใช้คำว่า Hi เป็นโลโก้แทนการเรียกชื่อร้านที่ออกเสียงลำบาก โดยวางตัว i เป็นรูปพริกสื่อสารให้เข้าใจได้ง่ายๆ ในระดับอินเตอร์ และมีสโลแกนว่า “มาเซย์ไฮกันที่ไหตี่เลา” หรืออีกนัยหนึ่งคือ “มาสุขล้นด้วยกันที่ไหตี่เลา” (一起嗨,海底捞)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-2-1-1024x1024.jpg)
Xiaomi 小米
กลายเป็นแบรนด์ที่มีทุกบ้านไปแล้ว สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ตโฟน และเครื่องใช้ไฟฟ้าของ Xiaomi ที่แปลว่าข้าวเม็ดเล็กหรือข้าวฟ่าง ที่อยากสื่อความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ โดยเหลยจวิน (Lei Jun) ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าขณะที่คิดชื่อแบรนด์จู่ๆ เขาก็นึกถึงวลีหนึ่งตามคติของศาสนาพุทธคือ “ข้าวเม็ดเดียวทว่ายิ่งใหญ่ดุจภูเขาสุเมรุ” (佛观一粒米,大如须弥山) เลยมาลงเอยที่แบรนด์ข้าวเม็ดเล็ก แฝงคอนเซปต์ว่าคือ “การรวมตัวของเมล็ดพันธุ์เล็กๆ เกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้” แต่ก่อนได้ชื่อนี้ก็เกือบจะใช้ชื่อว่าหงซิง (红星–ดาวแดง) หงล่าเจียว (红辣椒–พริกแดง) และเฮยหมี่ (黑米–ข้าวดำ) มาแล้ว
Xiaomi ก่อตั้งในปี 2010 เมืองเป่ยจิง (คนไทยเรียกปักกิ่ง) โดยเหลยจวิน นักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น และอดีตวิศวกรในบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ Kingsoft ก่อนได้ขึ้นเป็น CEO อย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็ออกมาก่อตั้งแบรนด์ของตัวเองด้วยหลักคิดที่มุ่งจะ “ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีคุณภาพสูง ไม่จำเป็นต้องแพง” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยรูปลักษณ์สวยงามทันสมัยในราคาที่จับต้องได้สุดๆ ทำให้แบรนด์ข้าวฟ่างเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และปัจจุบันกำลังขยายฐานการผลิตเพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ระดับโลก
การออกเสียงเรียกชื่อแบรนด์ยังเป็นที่ข้องใจของคนไทย และเสี่ยวมี่ไม่ใช่คำตอบ เพราะแบรนด์นี้ออกเสียงว่าเสียวหมี่ โดย ‘เสียว’ คำแรก (ใช้หลักการเปลี่ยนวรรณยุกต์แบบเดียวกับไหตี่เลา) แปลว่า ขนาดเล็ก มาเจอกับ หมี่ ที่แปลว่า ข้าวและเป็นเสียงสามเหมือนกัน เลยต้องออกเสียงว่า เสียวหมี่ ส่วนโลโก้ MI หมายถึง หมี่หรือข้าวตามชื่อ แต่ยังแฝงไว้อีกสองความหมายคือ mobile internet และ mission impossible จากการผ่านอะไรมามากมายจนเหมือนจะไม่สามารถสำเร็จได้ในช่วงแรกของแบรนด์
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-3-1024x1024.jpg)
Huawei 华为
สมาร์ตโฟนชื่อดังที่มีผู้ใช้ทั่วโลกก่อตั้งโดยเหยินเจิ้งเฟย (Ren Zhengfei) ความน่าสนใจอยู่ตรงที่อาชีพเดิมของเขาคือทหารประจำกองทัพจีน ก่อนถูกส่งไปทำงานด้านเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษ 1980 ที่กองทัพจีนต้องการลดกำลังทหาร ต่อมาเมื่อมีโอกาสก่อตั้ง Huawei ขณะกำลังจดทะเบียนบริษัทเขาคงนึกถึงตัวเองสมัยเป็นทหารขึ้นมา เพราะอักษร 2 ตัวที่ประกอบเป็นชื่อแบรนด์มาจากประโยคที่ดูฮึกเหิมเอาการคือ “ใจผูกพันแผ่นดินจีน สู้เพื่อสร้างอนาคต” (心系中华, 有所作为) โดยเลือกดึงอักษร 华 กับ 为 มาใช้เป็นชื่อแบรนด์ของตัวเอง และให้ความหมายว่า “ชนชาติจีนที่มีความหวังจะสร้างความเปลี่ยนแปลง” (中华有为)
เรื่องการออกเสียงเป็นที่น่าแปลกใจอยู่สักหน่อยว่าแม้แต่ Huawei Thailand เองยังให้เสียงในภาษาไทยว่า ‘หัวเว่ย’ ทั้งที่ไม่ใช่เสียงที่ถูก (แต่มันก็กลายเป็นชื่อไทยไปแล้ว) อักษร 华为 ควรออกเสียงว่า ฮว๋าเหวย หรือจะเป็น หัวเหวย ก็ได้ เพราะคนไทยคุ้นเคยกับการออกเสียงคำนี้จากคำว่าจงหัวหรือโรงพยาบาลหัวเฉียว โดย ฮว๋าแปลว่าชนชาติจีน ส่วน เหวยคือที่มีความหวังหรือคำมั่นสัญญา (อยู่ที่บริบทในการใช้)
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-4-1-1024x1024.jpg)
Ba Hao 八號
Ba Hao Tian Mi 八號甜蜜
บาร์สไตล์โอเรียนทัล และอาหารจีนแบบคอมฟอร์ตฟู้ดจากปาเฮ่าเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี ชื่อนี้มาจากบ้านเลขที่ของอาคารเก่าสี่ชั้นในซอยนานาหลังแรก ‘หมายเลข 8’ เลยพ่วงกับแบรนด์มาตลอด แถมเอามาใช้เป็นเลขสุดท้ายในราคาอาหารในร้านด้วย
ปาเฮ่า (八號) ตัวแรกแปลว่า แปด และตัวหลังแปลว่า หมายเลข หรือจะแปลว่ายี่ห้อก็ใช้ได้ เพราะยี่ห้อเป็นคำยืมจากภาษาจีนคือจื้อเฮ่า (字號) นอกจากความบังเอิญที่ได้เลข 8 จากบ้านเลขที่แล้ว ยังนับว่าเป็นความโชคดีของแบรนด์ เพราะเลข 8 เป็นเลขที่คนจีนเชื่อว่ามีความเป็นสิริมงคล มีความหมายของความโชคดีด้วยการออกเสียง ปา ของเลข 8 ไปใกล้เคียงกับคำว่า ฟา (发) ที่แปลว่าร่ำรวย เป็นฟาเดียวกันกับคำอวยพร ‘ปีใหม่นี้ขอให้สมปรารถนาทุกประการ ร่ำรวยมั่งคั่ง’ อย่างซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย หรือ ซิงเจี่ยอยู่อี่ ซิงนี้ฮวกใช้ ในสำเนียงแต้จิ๋วที่อาจคุ้นหูคนไทยมากกว่า
จากบ้านเลขที่ 8 ยังขยับขยายไปเป็นอีกแบรนด์ในชื่อ ปา เฮ่า เถียน มี่ Ba Hao Tian Mi โดยเถียนมี่ที่เราอาจคุ้นจากเพลง Tian Mi Mi ของเติ้งลี่จวินนี้ แปลว่าหวานราวน้ำผึ้ง ที่แบรนด์ตั้งใจสื่อถึงของหวานตบท้ายมื้ออาหารนั่นเอง
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-5-1024x1024.jpg)
Ku bar 苦
บาร์ที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นบนของตึกที่ต้องเข้ามาตรอกแห่งนี้ หากอ่านจากภาษาอังกฤษ หลายคนเรียกว่า คูบาร์ แต่ในการออกเสียงภาษาจีน เราขอเรียกว่า ขู/ขู่บาร์
อนุภาส เปรมานุวัติ ผู้เป็นเจ้าของไม่เคยพูดถึงที่มาว่าทำไมถึงใช้ชื่อนี้ บอกเพียงว่า 苦 แปลว่าขม เราเลยลองถอดโครงสร้างของคำออกมาพิจารณา ส่วนประกอบ 艹 ด้านบน หมายถึงพืชหรือสมุนไพร ส่วน 古 คือการให้เสียงเฉยๆ คำว่าขมเกิดจากสิ่งนี้ ด้วยพืชผักสมุนไพรส่วนใหญ่ให้รสขม แต่เป็นขมที่ดีและช่วยเยียวยาเราจากความเจ็บป่วยได้อีกต่างหาก ก็อาจเป็นที่มาของบาร์ชื่อขมที่สร้างสรรค์ค็อกเทลดีๆ จากวัตถุดิบมากคุณประโยชน์ที่หาได้รอบตัว
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-6-1024x1024.jpg)
Píjiǔ Bar 啤酒吧
บาร์คราฟต์เบียร์ในตึกเก่าย่านซอยนานา (วงเวียนยี่สิบสองกรกฎาคม) อ่านว่าผีจิ่วปาที่ถ้าเขียนชื่อร้านด้วยภาษาไทยอาจจะสร้างความงุนงงสงสัย บาร์นี้เฮี้ยนไหม ทำไมต้องชื่อผี แต่ที่จริง ผีจิ่ว หมายถึงเบียร์ต่างหาก ส่วน ปา คือการทับศัพท์ของคำว่าบาร์ แบรนด์นี้มีความหมายว่าบาร์เบียร์แบบตรงตามตัวอักษร
มาดูที่อักษรกันสนุกๆ คำว่า จิ่ว ตัวเดียว หมายถึง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ ใช้จิ่วได้ทั้งหมด สังเกตอักษรจิ่ว 酒 เห็นเป็นรูปของไหเหล้าหรือเปล่า (หลับตาจินตานาการกันอีกนิด) และสามขีดข้างหน้าคือของเหลวที่อาจเป็นเหล้าหรือน้ำที่ใช้ในการปรุงเหล้า ส่วนผี 啤 สี่เหลี่ยมข้างหน้าเป็นรูปปากที่อ้าอยู่ สื่อถึงการดื่ม และเปย 卑 หมายถึง ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ รวมแล้ว ผีจิ่วจึงคือเครื่องดื่มที่ปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงมากนักอย่างเบียร์นั่นเอง
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-7-1024x1024.jpg)
เช็งซิมอี๊ 清心圆
ลือลั่นสะท้านโลกันตร์ มายาวนานกว่า 60 ปี จากรุ่นสู่รุ่นมาถึงเจเนอเรชั่นที่สาม เชื่อว่าใครหลายคนต้องรู้จักสำหรับร้านขนมหวาน น้ำแข็งไส นามเช็งซิมอี๊
สมชาติ คงศักดิ์ศรีสกุล (ทายาทรุ่น 2) เล่าเอาไว้ว่าในยุคบุกเบิกคุณพ่อขายขนมหวานแบบหาบเร่ มีตีทึงหรือเต้าทึงเป็นซิกเนเจอร์ และคุณพ่อเป็นคนปรับจากบัวลอยลูกใหญ่มาสไลด์เป็นแผ่นแป้งแล้วใส่น้ำแข็งลงไปแบบคนเมืองร้อนจะชอบ เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเต้าทึงเย็น (เต้าทึง (豆汤) คือต้มถั่วรวมร้อน คล้ายต้มถั่วเขียวใส่น้ำตาล) หรือที่เรียกตามชื่อแบรนด์ว่า เช็งซิมอี๊ แน่นอนว่าเราจะไปสั่ง เช็งซิมอี๊หรือเต้าทึงถึงประเทศจีนแล้วคาดหวังว่าจะได้หน้าตาแบบเดียวกับที่ไทยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
清 ออกเสียงในภาษาแต้จิ๋วว่า เช็ง (เวลาอาม่าซดซุปใสแล้วเอ่ยว่า เช็งๆ ก็คือเช็งตัวนี้) หมายถึง ใสบริสุทธิ์ รสชาติสะอาดปาก 心 ซิน หมายถึง หัวใจ และ 圆 อี๊ หมายถึง ขนมทำจากแป้งและมีลักษณะกลม รวมความหมายในบริบทไทยได้ว่า ขนมที่กินแล้วเย็นชื่นใจ
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-8-1024x1024.jpg)
ถิงถิง 婷婷
หลายคนน่าจะเป็นเหมือนกัน คืออยากกินขนมหวานตบท้ายมื้อ แต่ก็รู้สึกผิดบาปกับร่างกาย เลยมองหาขนมท้ายมื้อแบบดีต่อสุขภาพ ถิงถิง บิงซูน้ำขิง ได้ตอบโจทย์นี้ไปแบบรับคะแนนเต็ม
วทัญญู ชุติศิลป์ ผู้ก่อตั้งบิงซูสไตล์จีนแบรนด์นี้อยากเห็นขนมหวานที่เข้าถึงง่าย เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี และดีต่อสุขภาพของทุกคน เขาเชื่อว่าเราต่างก็คุ้นเคยกับเฉาก๊วย เต้าฮวย เต้าทึง บัวลอยน้ำขิง กันอยู่แล้ว เลยนำสิ่งเหล่านี้มาประยุกต์กับน้ำแข็งเกล็ดหิมะ ออกมาเป็นบิงซูรสชาติใหม่ๆ แต่คุ้นปากมากๆ
เด็กผู้หญิงชุดเหลืองมากับอาม่าของเธอในชุดชมพู ที่เราจำได้จากโลโก้แบรนด์ โดยถิงถิงน่าจะเป็นชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้น ตัวอักษร 婷 แยกส่วนได้เป็นสองคำคือ 女 (ผู้หญิง) และ 亭 (ที่ตั้ง คูหา ศาลา) แต่หากรวมกันจะหมายถึง งามสง่าและนุ่มนวล จึงถูกใช้เป็นชื่อของลูกสาวคนจีนอยู่บ่อยครั้ง และเวลาเรียกเด็ก ไม่ว่าชาย-หญิง คนจีนมักจะซ้ำคำลงไป เช่น ถิงถิง เจียเจีย เหมยเหม่ย ที่มาของโลโก้อาจคือถิงถิงจูงอาม่ามากินบิงซูน้ำขิง นั่นเอง
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-9-1024x1024.jpg)
HĒIJīi Bangkok 黑鸡
คาเฟ่จีนประยุกต์ในตึกเก่าย่านถนนเจริญกรุงนาม HĒIJīi Bangkok อ่านว่า เฮยจี แปลตรงตัวว่าไก่ดำ
ประภาส ระสินานนท์ เล่าไว้กับสื่อหลายสำนักถึงที่มาของชื่อว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก ซุปไก่ดำตุ๋นยาจีน ที่คุณแม่ทำให้กินในวัยเด็ก ร้านเฮยจีจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นในอดีตของผู้เป็นเจ้าของ เป็นอันหมดข้อสงสัยไปว่าทำไมคาเฟ่ที่ไม่มีซุปไก่ขาย ถึงชื่อไก่ดำ
แต่ขอนำตัวอักษร 黑 และ 鸡 มาเล่าปิดท้ายอีกนิด ด้วยตัวจีนเป็นอักษรภาพที่มีวิวัฒนาการมาหลายต่อหลายครั้ง กว่าจะมาเป็นตัวปัจจุบัน เราอาจต้องใส่จินตนาการเพิ่มเข้าไปนิด เพื่อให้เห็นภาพ เริ่มเห็นแล้วหรือยัง เริ่มจากจี ที่แปลว่าไก่ก่อน 鸡 ที่จริงมาจากการวาดรูปร่างของไก่ ก่อนจะกลายมาเป็นอักษรตัวนี้ ส่วน 黑 เฮยที่แปลว่าดำ มาจากภาพของการจุดไฟในเตาผิง เมื่อไฟมอดดับ เหลือไว้เพียงคราบรอยของความไหม้และเป็นสีดำ นั่นคือเฮยหรือสีดำ
![](https://capitalread.co/wp-content/uploads/2022/02/BODY-BRAND-NAME-CHINA-10-1024x1024.jpg)
ยุ้งฉาง 穀倉
ร้านอาหารจีนที่มีเปี๋ยงเมี่ยน (บะหมี่เส้นเปี๋ยง) หนึ่งเดียวในกรุงเทพฯ ก็ต้องนึกถึงร้านยุ้งฉาง ย่านอารีย์สัมพันธ์ หลายคนงงว่านี่ไม่ใช่ร้านชื่อไทยหรอกเหรอ แต่ความจริงแล้ว ยุ้งฉาง เป็นคำยืมจากภาษาจีน 穀倉 อ่านว่ากู่ชาง หมายถึง โรงนา สำหรับเก็บข้าว ส่วนเส้นหนึบหนับแบบนี้ทำไมถึงเรียกเปี๋ยง
เดิมทีเป็นการจำลองเสียงของแป้งที่กระทบกับโต๊ะไม้ หนึ่งในกรรมวิธีทำเส้นแบบดึงมือ ต่อมาถูกนำมาใช้เรียกเส้นชนิดนี้ นอกจากนี้ biáng ยังถูกใช้แทนเสียงของการตบหน้า หรือสิ่งของตกกระทบพื้นอีกด้วย ที่น่าสนใจอีกอย่างคือโครงสร้างของอักษร เนื่องจาก biáng เป็นหนึ่งในคำที่แปลกประหลาดและมีจำนวนขีดมากเป็นอันดับต้นๆ ของอักษรจีน ด้วยลำดับขีดที่มากถึง 50 ขีด (อักษรจีนเขียนตามลำดับขีด โดยเริ่มจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา ด้านในไปด้านนอก และทุกขีดมีชื่อเรียก) ทำให้ไม่สามารถมีอักษรนี้ในระบบการพิมพ์ จำเป็นต้องใช้การทับศัพท์ ไม่ก็ใช้คำที่ออกเสียงใกล้เคียงแทน จึงเป็นที่มาของ biángbiáng 麵 (เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยน), 彪彪麵 (biāobiāomiàn–เปียวเปียวเมี่ยน) หรือ 冰冰麵 (bīngbīngmiàn–ปิงปิงเมี่ยน)
เส้นเปี๋ยงมีขนาดกว้างประมาณหนึ่งนิ้ว มีความสนุกเคี้ยวอย่างมาก เป็นอาหารขึ้นชื่อประจำมณฑลซ่านซี (陕西–Shǎnxī) ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ เกลือ พริก น้ำมัน ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู และผักโรย