Good Innovation
ธุรกิจที่เป็นผู้นำนวัตกรรมล้ำหน้าแห่งอนาคตที่พร้อมเติบโตไปกับเทรนด์โลก
ย้อนไปเดือนนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราตั้งคำถามกับ 100 ผู้ประกอบการและตัวแทนของธุรกิจต่างๆ ว่า ‘อะไรคือทุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจที่คุณทำเติบโตมาจนถึงวันนี้’ ก่อนจะค้นพบว่าท่ามกลางคำตอบมากมาย แต่ละธุรกิจมีสิ่งที่ให้คุณค่าแตกต่างกันออกไป ไม่แน่ว่าคำตอบเหล่านั้นอาจกลายไปเป็นทุนสำคัญของธุรกิจอื่นๆ อีกต่อไป
จวบจนปัจจุบัน Capital เดินทางมาถึงขวบปีที่ 3 ผ่านการนำพาความตั้งใจที่อยากบอกเล่าเรื่องราวในโลกธุรกิจอย่างเป็นมิตรด้วยวิธีการที่หลากหลายและสร้างสรรค์ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ‘better business for good life’ เราขอเฉลิมฉลองช่วงเวลาสุดแสนพิเศษนี้ ผ่านการเชิดชูธุรกิจที่น่าจับตามองแห่งปีและทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นในหลากหลายมิติ
ผ่าน ‘CAPITAL40: 40 Businesses to Watch in 2025’ ที่พวกเราตั้งใจส่องไฟไปยัง 40 ธุรกิจที่ล้วนแล้วแต่มีผลงานอันโดดเด่นและเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ล้ำหน้า พร้อมพาไปดูว่าพวกเขาจะสร้างกระแสใหม่และเปิดขอบเขตความเป็นไปได้ของอนาคตได้ยังไง?
ไม่แน่ว่า 40 ธุรกิจนี้อาจเป็นแบรนด์ที่คุณหลงรัก อยากเปิดใจอยากทำความรู้จัก ไปจนถึงสร้างแรงบันดาลใจ เติมไฟให้คนทำธุรกิจ หรือชวนให้กลับมาขบคิดถึงแนวทางการทำธุรกิจตลอดปี 2025

flo Wolffia : THE SUPER FOOD
ฝันใหญ่ที่อยากปั้นผำไทยเป็นโปรตีนของโลกโดยอาจารย์นักวิจัย
WHAT HAPPENED :
ไข่ผำหรือผำเป็นวัตถุดิบพื้นบ้านจากภาคเหนือและอีสานที่กำลังได้รับความนิยมและกลายเป็นเทรนด์ในปีที่ผ่านมา โดยมีอาจารย์นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญอย่าง ผศ. ดร.เมธา มีแต้ม และ ผศ. ดร.วิษุวัต สงนวล ที่เห็นโอกาสในการผลักดันผำให้กลายเป็นซูเปอร์ฟู้ดของไทยในยุคที่คนหันมาสนใจอาหารจากพืชและโปรตีนทางเลือก ทั้งคู่ได้ร่วมก่อตั้งบริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด เพื่อพัฒนานวัตกรรมการเพาะเลี้ยงผำ โดยใช้เทคโนโลยี NSS Technology ที่ให้ความสำคัญกับสามแกนหลักคือ nutritious (คุณค่าทางโภชนาการ), safe (ความปลอดภัย) และ sustainable (ความยั่งยืน) ซึ่งผำที่ผลิตได้มีโปรตีนสูงกว่าธรรมชาติถึง 5 เท่า โดยยังคำนึงถึงความปลอดภัยและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ผำกลายเป็นซูเปอร์ฟู้ดของไทยที่มีคนต่างชาติรู้จักมากขึ้น และยังทำให้ผำสดซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่หายากในอดีตสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตในตัวเมืองกรุงเทพฯ อีกด้วย
WHAT’S NEXT :
flo Wolffia เริ่มต้นการจำหน่ายผำในตลาดประเทศไทย โดยมีโจทย์สำคัญของแบรนด์คือการทำให้ผำกลายเป็นแหล่งโปรตีนที่ตอบโจทย์ความต้องการของโลกในแง่ของความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการกินอาหารเป็นยาและการตอบสนองต่อสังคมผู้สูงอายุในระยะยาว ดังนั้นโร้ดแมปของธุรกิจจึงมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมองเห็นโอกาสที่ตลาดโลกยังมีความเป็นไปได้สูง ทั้งในแง่การทำการตลาดเพื่อให้คนต่างชาติรู้จักผำในฐานะซูเปอร์ฟู้ดที่มีมูลค่าสูง คล้ายกับสไปรูลิน่า นอกจากนี้ยังมีแผนการต่อยอดสินค้าผำให้สามารถรับประทานได้หลากหลายรูปแบบในอนาคต ทั้งในรูปของโปรตีนออร์แกนิก และอาหารเสริม เพื่อขยายขอบเขตการใช้งานและการบริโภคอย่างยั่งยืน
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Innovator Mindset พัฒนาสินค้าด้วยมายด์เซตของนวัตกร
– Added Value เพิ่มมูลค่าให้อาหารพื้นบ้านของไทย และมีวิสัยทัศน์อยากแนะนำให้คนต่างชาติรู้จัก
– Megatrend เลือกทำธุรกิจที่โตตามเมกะเทรนด์ ซึ่งคือเทรนด์อาหารทางเลือก

Metthier : THE SMART CITY SOLUTION
ผู้นำยุคใหม่ที่น่าจับตามองแห่งการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ
WHAT HAPPENED :
ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (smart facility management) แบบครบวงจรในไทยที่นำเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาใช้นั้นมีรายใหญ่ไม่มากนัก ความน่าสนใจของ Metthier คือเป็นบริษัทภายใต้สกาย กรุ๊ป (SKY Group) ที่ต่อยอดมาจาก ‘รักข์สยาม’ หรือ SAMCO บริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยและความสะอาด โดยนำเทคโนโลยี AI, IoT, 3D Visualization, Indoor Mapping, Robotics มาใช้ในระบบบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ เช่น สร้างแบบจำลองอาคาร 3 มิติ ทำแผนที่ดิจิทัล ระบุตำแหน่ง ทำให้สามารถดูแลความปลอดภัยและความสะอาดได้สะดวกรวดเร็ว บริหารจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Metthier มีเป้าหมายผลักดันให้ธุรกิจเป็นมากกว่าการบริหารจัดการอาคาร แต่เป็น smart building solution ที่เจาะกลุ่มลูกค้าผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โครงการบ้านและคอนโด โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ทำให้โอกาสเติบโตของธุรกิจยังขยายไปต่อได้อีกไกล
WHAT’S NEXT :
การพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเองทำให้ Mettier ตั้งเป้าว่าอยากเป็นธุรกิจที่มีส่วนช่วยผลักดัน smart city ในอนาคตด้วยมาตรฐานระดับสากลอย่างครบวงจรทั้งในไทยและภูมิภาค สิ่งที่น่าชื่นชมคือการเป็นบริษัทไทยที่เพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยีขั้นสูงและยังไม่ลืมการให้ความสำคัญด้านการผสานการใช้เทคโนโลยีร่วมกับบุคลากร รวมถึงไม่ลืมคำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อมในการสร้างความยั่งยืนด้านการใช้พลังงาน ถือว่าเป็นบริษัทที่น่าจับตามองต่อไปในระยะยาว
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– New S-Curve สร้างธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดจากธุรกิจรักษาความปลอดภัยดั้งเดิมด้วยการเพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยี
– Hi-Tech, Hi-Touch ผสานการใช้เทคโนโลยีควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรเพื่อส่งมอบบริการที่ดี
– Visionary การมีวิสัยทัศน์ใหญ่ที่นิยามธุรกิจมากกว่าแค่รักษาความปลอดภัยหรือดูแลอาคาร แต่มุ่งเป็น smart city solution

Spacely AI : THE VISUALIZER
พลิกโฉมวงการออกแบบด้วยแพลตฟอร์ม AI ที่มีผู้ใช้งาน 50 ประเทศทั่วโลก
WHAT HAPPENED :
ท่ามกลางแพลตฟอร์ม AI มากมายในท้องตลาดในวันที่กระแส Generative AI กำลังเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทพลิกโฉมรูปแบบการทำงานในหลายอุตสาหกรรม Spacely AI ที่นำทัพโดย มิ้ง–ธนัชชา พจน์ทวีเกียรติ เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็น design tool ให้อินทีเรียร์ สถาปนิก และนักออกแบบทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น อุดช่องโหว่ของการทำงานดีไซน์แบบเดิมด้วยการย่นเวลาขึ้นรูป 3D ในกระบวนการเรนเดอร์ทำให้เห็นภาพได้เร็วขึ้น มี Spacely Research ที่เขียนคำสั่ง prompt ให้ AI ช่วยค้นคว้าได้และยังมีฟีเจอร์อีกมากมายที่ทำให้นักออกแบบทำงานได้สะดวกขึ้น
WHAT’S NEXT :
ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ Spacely AI มีผู้ใช้บริการมากกว่า 400,000 คนจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นนักออกแบบจากอเมริกาและยุโรป เนื่องจากแบรนด์ตั้งเป้าหมายการขยายตลาดสู่ระดับโลก ทีมงานของ Spacely AI มองว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในวงการเทคโนโลยีออกแบบไม่ใช่แค่การสร้างเสร็จแล้วจบ แต่ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และเพิ่งเริ่มขยายตลาดไทยในช่วงหลังๆ นี้ ดังนั้นในอนาคต เราอาจได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ๆ และการตลาดที่เข้มข้นขึ้นในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการนำเทคโนโลยีมาปฏิวัติการทำงานในวงการออกแบบ ให้ช่วยให้นักออกแบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในการทำงาน
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Think Global การคิดใหญ่บุกตลาดโลกก่อนกลับมารุกตลาดไทย
– Platform Builder การเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจาก pain point จริงของนักออกแบบด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย
– Work Well-being การคำนึงถึงสวัสดิภาพการทำงานของนักออกแบบ

Vulcan Coalition : THE OPPORTUNITY MAKER
สร้างโอกาสใหม่มหาศาลในตลาดแรงงานให้ผู้พิการด้วย AI
WHAT HAPPENED :
เทคโนโลยีในปัจจุบันจะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตคนที่มองไม่เห็นได้ยังไงบ้าง? ปีที่ผ่านมา AI เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้คนทั่วไปอย่างมาก แต่อิมแพกต์มหาศาลที่เกิดขึ้นคือการขยายโอกาสในการทำงานให้
ผู้พิการได้รับโอกาสใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดแรงงาน Vulcan Coalition ซึ่งก่อตั้งโดย จูน–เมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ เป็นธุรกิจพัฒนานวัตกรรมจากเทคโนโลยี AI ที่สนับสนุนให้ผู้พิการทำงานได้เทียบเท่าหรือดีกว่าคนทั่วไป บริการของธุรกิจมีทั้งการสร้างระบบและโครงสร้างทาง AI ให้ธุรกิจ (AI as a Service-AIaaS), AI Social Listener ที่มอนิเตอร์ข้อมูลจากสื่อโซเชียล, MayWe ระบบคัดกรองสุขภาพจิตด้วย AI ทั้งนี้ธุรกิจจะฝึกอบรมการทำงานให้พนักงานอย่างใกล้ชิดโดยที่ผ่านมาสร้างโอกาสการทำงานให้ผู้พิการมากกว่า 600+ คน และทำให้ผู้พิการได้รับรายได้เฉลี่ยมากกว่า 9,000 บาทต่อเดือนต่อคน ซึ่งช่วยให้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
WHAT’S NEXT :
Vulcan Coalition ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำด้าน AI และนวัตกรรมในระดับโลกภายใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยในอนาคตอาจได้เห็นบริการใหม่ เทคโนโลยีล้ำสมัย ฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรในรูปแบบใหม่เพื่อขยายโครงการจ้างงานผู้พิการ สร้างโอกาสการทำงานที่เท่าเทียมและกว้างขวางมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ในระยะยาวธุรกิจตั้งเป้าหมายว่าการที่คนพิการช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม AI ได้นั้นจะช่วยยกระดับ GDP ของประเทศไทยผ่านการพัฒนา AI ช่วยสร้างโอกาสการทำงานที่เน้นการใช้จุดแข็งเฉพาะของคนพิการ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการสนับสนุนจากภาครัฐและเปิดโอกาสให้เกิดรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญาที่พัฒนาโดยคนพิการซึ่งสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Mission พันธกิจที่ยิ่งใหญ่ที่อยากสร้างโอกาสให้ผู้ที่ยังไม่ได้โอกาสอย่างเท่าเทียมในตลาดแรงงาน
– Multi-service การนำเสนอบริการจาก AI ที่หลากหลายโดยขยายศักยภาพผู้พิการไปพร้อมกัน
– High Growth การเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการเป็นพันธมิตรร่วมกับองค์กรต่างๆ

Bluebik : THE TECH TRANSFORMER
โตเร็วในโลกยุคดิจิทัลกับ ‘บลูบิค’ ที่ปรึกษาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นที่มาแรงแห่งยุค
WHAT HAPPENED :
หนึ่งในบริษัท ‘ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีของไทย’ ที่มาแรงและเติบโตเร็วที่สุดในปีที่ผ่านมาคือ Bluebik ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล บริการของ Bluebik เป็นที่ต้องการสูงเพราะเน้นการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นครบวงจร โดยปีที่ผ่านมามีการผสานบริการที่นำเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาใช้อย่างการประยุกต์ใช้ AI ในการผลักดันธุรกิจ มีบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่กลยุทธ์ไปจนถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที การพัฒนาระบบบริหารจัดการและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ฯลฯ พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตั้งใจสร้างบริษัทปรึกษาธุรกิจที่มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับโลก ที่ผ่านมาจึงขยายโอกาสใหม่มากมายทั้งการควบรวมกิจการ M&A, การทำ joint venture, การสร้างสินค้าซอฟต์แวร์ของตัวเองและแตกบริษัทย่อยออกไปมากมายภายใต้ชื่อบลูบิค ทำให้บริษัทเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องกว่า 100% โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ของปี 2567 เติบโตถึง 115% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว และกลายเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันโครงการดิจิทัลระดับประเทศ
WHAT’S NEXT :
ด้วยโลกเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดตลอดเวลาทำให้บลูบิคมีแผนรองรับการขยายทางธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งการตั้งเป้าลดต้นทุน ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่และขยายศักยภาพการใช้ทรัพยากรบุคคลในระยะสั้น รวมถึงการติดอาวุธทางทักษะด้านการอัพสกิลและรีสกิลให้พนักงานซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการปรับตัวกับโลกดิจิทัลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและทักษะทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งการเตรียมตัวเหล่านี้จะทำให้บลูบิคสามารถยืนระยะด้านการมีผู้นำที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีและผลักดันโครงการดิจิทัลขนาดใหญ่ระดับประเทศต่อไป
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Visionary การมีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการมุ่งหน้าเป็นผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจรที่มีมาตรฐานเท่าองค์กรระดับโลก
– Human Resource Management มุ่งผลักดันศักยภาพพนักงานให้พร้อมเติบโตตามบริษัทด้วยทักษะเทคโนโลยีแห่งอนาคต
– Short Term and Long Term Goals การมีแผนระยะสั้น ระยะยาวที่สอดคล้องต่อเนื่องกันกับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว

meb : THE RISING MEDIA
ธุรกิจ e-book ครบวงจรที่โตเร็วด้วยด้วยยอดผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านราย
WHAT HAPPENED :
ใครบอกธุรกิจหนังสือกำลังอยู่ในช่วงขาลงคงต้องคิดใหม่เพราะวงการ e-book กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จาก meb แพลตฟอร์มผู้จัดจำหน่าย e-book, หนังสือเสียง (audio book), อุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-reader) ที่มีคลังหนังสือ e-book นิยาย การ์ตูน ให้เลือกอ่านมากกว่า 100,000 เล่ม แถมยังมียอดผู้ใช้งาน (registered users) มากกว่า 10 ล้านราย โดยในเว็บไซต์ของ meb ระบุว่า meb เป็นแอพพลิเคชั่นของไทยที่มียอดใช้จ่ายของผู้ใช้บริการมากที่สุดใน App Store และ Google Play Store ติดต่อกันถึง 7 ปีซ้อน ซึ่งสอดคล้องกับกำไรหลักร้อยล้านบาทของธุรกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปีที่ผ่านมาจะเห็นเทรนด์ตลาด e-book ที่ครึกครื้นจากกิจกรรมการตลาดต่างๆ ของ meb เช่น เทศกาลการ์ตูน มังงะ ไลต์โนเวล ฯลฯ สมกับเป็นผู้นำแห่งแพลตฟอร์ม e-book ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2566 และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
WHAT’S NEXT :
ไช้–รวิวร มะหะสิทธิ์ และ โก๋–กิตติพงษ์ แซ่ลิ้ม ตั้งใจผลักดันให้บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตอบโจทย์ชุมชนนักเขียนและนักอ่านตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โอกาสเติบโตของธุรกิจในอนาคตนอกจากการจำหน่าย e-book จึงมีทั้งจาก readAwrite แอพพลิเคชั่นที่เปิดโอกาสให้นักเขียนโพสต์นิยายและหารายได้บนแพลตฟอร์มไปจนถึงธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์อ่าน e-book (e-reader) และ Hibrary ธุรกิจให้บริการห้องสมุดดิจิทัลสำหรับองค์กร โดยยังวางแผนให้ meb เป็นแพลตฟอร์ม e-book ที่ขับเคลื่อนการสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่านการซื้อลิขสิทธิ์หนังสือวรรณกรรมและนิยายจากนักเขียนไทยและต่างชาติรวมถึงมุ่งเจาะตลาดต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Ecosystem Builder การสร้างระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับ e-book ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
– Think Like Start-up คิดแบบสตาร์ทอัพในการขยายธุรกิจให้โตเร็ว
– User-generated Community การสร้างแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้เข้ามาร่วมสร้างคอนเทนต์อย่าง readAwrite ทำให้เกิดคอมมิวนิตี้ที่อบอุ่น

ฮาตาริ : THE COOLER DESIGN
รีแบรนด์พัดลมแบรนด์เก่าแก่คู่คนไทยด้วยดีไซน์สุดคูล
WHAT HAPPENED :
ปีที่ผ่านมาฮาตาริแบรนด์พัดลมไทยอายุ 34 ปีให้ความสำคัญในการรีแบรนด์และดีไซน์สินค้าอย่างมาก ตั้งแต่การจัดนิทรรศการ Bangkok Design Week ร่วมกับ Habits Design Studio สตูดิโอออกแบบชื่อดังจากอิตาลีเพื่อจัดแสดงคอลเลกชั่นใหม่และเล่าเรื่องราวเบื้องหลังนวัตกรรมการออกแบบ กลยุทธ์สำคัญในปีที่แล้วคือการเปิดตัวสินค้าใหม่ในสไตล์มินิมอลและทันสมัยหลายรุ่น เช่น พัดลมพกพารุ่น HATARI CYCLONE MAX และ HandyWind Max ในสีสันสดใส, พัดลมกล่องหมุนเวียนอากาศ WindBox ทรงสี่เหลี่ยมสไตล์มินิมอล, พัดลมสไลด์ควบคุมรีโมต, พัดลมตั้งโต๊ะดีไซน์ใหม่ โดยหลายรุ่นเน้นดีไซน์ทันสมัย มีขนาดเล็กสำหรับเหมาะใช้สอยในคอนโดมิเนียมหรือพื้นที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก ทั้งหมดนี้เกิดจากการวิจัยและพัฒนาสินค้าต่อเนื่องเพื่อให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ทันสมัยขึ้น
WHAT’S NEXT :
ทายาทรุ่นที่ 3 ได้แก่ ทัศน์ลักษณ์ พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการวิจัยและพัฒนา
และ ชัญญา พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานขายและการตลาด บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด ให้ความสำคัญกับการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ถูกใจคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มเจนฯ Z เพื่อหวังให้ฮาตาริยังคงเป็นแบรนด์พัดลมสุดทันสมัยที่ผู้คนนึกถึง มีความเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่โดนใจทั้งด้านฟังก์ชั่นและดีไซน์ที่สวยงาม เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มองว่าพัดลมเป็นแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกต่อไป
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Rebrand การไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์แบรนด์แบบเดิมและมุ่งปรับอัตลักษณ์แบรนด์ที่โดนใจคนรุ่นใหม่
– Redesign ดีไซน์มินิมอลและการออกแบบฟังก์ชั่นที่ปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
– Rethink การคิดพอร์ตโฟลิโอสินค้าใหม่ในวันที่ความนิยมการใช้งานสินค้าเปลี่ยนไป