Good Transformation
ธุรกิจครอบครัวและแบรนด์เก่าแก่คู่คนไทยที่ก้าวออกนอกคอมฟอร์ตโซน
ย้อนไปเดือนนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราตั้งคำถามกับ 100 ผู้ประกอบการและตัวแทนของธุรกิจต่างๆ ว่า ‘อะไรคือทุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจที่คุณทำเติบโตมาจนถึงวันนี้’ ก่อนจะค้นพบว่าท่ามกลางคำตอบมากมาย แต่ละธุรกิจมีสิ่งที่ให้คุณค่าแตกต่างกันออกไป ไม่แน่ว่าคำตอบเหล่านั้นอาจกลายไปเป็นทุนสำคัญของธุรกิจอื่นๆ อีกต่อไป
จวบจนปัจจุบัน Capital เดินทางมาถึงขวบปีที่ 3 ผ่านการนำพาความตั้งใจที่อยากบอกเล่าเรื่องราวในโลกธุรกิจอย่างเป็นมิตรด้วยวิธีการที่หลากหลายและสร้างสรรค์ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ‘better business for good life’ เราขอเฉลิมฉลองช่วงเวลาสุดแสนพิเศษนี้ ผ่านการเชิดชูธุรกิจที่น่าจับตามองแห่งปีและทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นในหลากหลายมิติ
ผ่าน ‘CAPITAL40: 40 Businesses to Watch in 2025’ ที่พวกเราตั้งใจส่องไฟไปยัง 40 ธุรกิจที่ล้วนแล้วแต่มีผลงานอันโดดเด่นและเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ล้ำหน้า พร้อมพาไปดูว่าพวกเขาจะสร้างกระแสใหม่และเปิดขอบเขตความเป็นไปได้ของอนาคตได้ยังไง?
ไม่แน่ว่า 40 ธุรกิจนี้อาจเป็นแบรนด์ที่คุณหลงรัก อยากเปิดใจอยากทำความรู้จัก ไปจนถึงสร้างแรงบันดาลใจ เติมไฟให้คนทำธุรกิจ หรือชวนให้กลับมาขบคิดถึงแนวทางการทำธุรกิจตลอดปี 2025

ไปรษณีย์ไทย : THE MODERN THAILAND POST
การพลิกโฉมสู่องค์กรดิจิทัลและแบรนด์ไลฟ์สไตล์ของไปรษณีย์ไทย
WHAT HAPPENED :
ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรเก่าแก่อายุ 141 ปีที่มีความท้าทายคือภาพลักษณ์เดิมที่ไม่ทันสมัยเท่าบริษัทโลจิสติกส์เจ้าอื่นที่เริ่มต้นจากการเป็นบริษัทเทคโนโลยี ด้วยความตั้งใจอยากเป็น top-of-mind ของคนทุกวัยทำให้ปีที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยภายใต้การบริหารของ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่มีการริเริ่มสร้างแบรนด์ด้วยทิศทางกลยุทธ์ที่แตกต่างจากเดิมเพื่อสื่อสารและสร้างสัมพันธ์กับคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่การก้าวข้ามจากแบรนด์โลจิสติกส์สู่การวางตัวเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ เปิด ‘POST Café สามเสนใน’ ร้านกาแฟสีแดง-ขาวที่มีกิมมิกตกแต่งร้านในธีมไปรษณีย์พร้อมบริการ iBox ตู้ล็อกเกอร์นำจ่ายพัสดุและตู้เช่าไปรษณีย์ P.O. Box ที่ร้านให้ลูกค้ามารับพัสดุที่คาเฟ่ได้ พร้อมปรับองค์กรสู่การเปลี่ยนผ่านในยุคดิจิทัล เช่น บริการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร, ระบบ Postman Cloud บริการที่ใช้ประโยชน์จากการมีบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คนทั่วประเทศ เช่น บริการการรับ-ส่งสิ่งของและบริการเก็บข้อมูลต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนจุดแข็งเดิมให้พร้อมปรับตัวต่อไปในยุคดิจิทัล
WHAT’S NEXT :
ทิศทางต่อไปของไปรษณีย์ไทยคือการมุ่งสร้างเครือข่ายและการเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นพัฒนาองค์กรด้วย
Information Logistics หรือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการจัดการข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนเป็นองค์กรแห่งอนาคต
และรองรับการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ เข้าถึงผู้บริการทุกกลุ่มด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์ที่มีความเป็นไล์ฟสไตล์มากขึ้นและให้ความสำคัญกับการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม นอกจากนี้เบื้องหลังการขับเคลื่อนองค์กรยังยึดหลักการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในระยะยาวด้วยการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เช่น การวางแผนและศึกษาความเป็นไปได้ในการนำยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานไฮโดรเจนมาใช้กับระบบขนส่งต่างๆ
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Lifestyle Branding ฉีกกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของบริษัทโลจิสติกส์แบบเดิมๆ ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้นเพื่อเข้าถึงคนทุกกลุ่ม
– Logistics Transformation ใช้จุดแข็งที่มีบุรุษไปรษณีย์ทั่วประเทศที่เข้าใจในทุกพื้นที่ในการทรานสฟอร์มสู่ยุคแห่งข้อมูล
– Customer Retention and Acquisition นำเสนอบริการใหม่ในยุคดิจิทัลเพื่อมองหาลูกค้าใหม่พร้อมกับรักษาลูกค้าเดิมไปพร้อมกัน

ปฏิทินน่ำเอี๊ยง : THE ASTROLENDER
จากปฏิทินกระดาษสู่แพลตฟอร์มโหราศาสตร์ส่องวันมงคล
WHAT HAPPENED :
จากปฏิทินฉีกที่คนไทยเชื้อสายจีนนิยมแขวนผนังติดบ้านไว้ดูฤกษ์ยามมงคลและมักชินตากับตัวเลขสีน้ำเงิน-แดงบนกระดาษแผ่นใหญ่ ภายใต้การนำธุรกิจของทายาทรุ่นที่ 3 กิตติธัช นำพิทักษ์ชัยกุล ได้พาปฏิทินน่ำเอี๊ยงพลิกโฉมจากรูปแบบกระดาษสู่แอพพลิเคชั่น ‘Num Eiang Astrolender’ ที่สามารถกดดูวันมงคลและคำแนะนำดวงออนไลน์จากสำนักโหราศาสตร์จีนได้ง่ายๆ ในมือถือ มีฟีเจอร์โดดเด่นอย่างคำพยากรณ์เฉพาะวัน คำแนะนำด้านวันมงคลต่างๆ โดยปีที่ผ่านมายังมีบริการสร้างสรรค์ใหม่ๆ เช่น ร่วมมือกับคลินิกเสริมความงามในการดูฤกษ์ทำหัตถการผ่านแอพพลิเคชั่นพร้อมอีเวนต์ที่เปิดโอกาสให้ถ่ายรูปจากโฟโต้บูท และนำรูปไปสกรีนทำปฏิทินวันเกิดได้อีกต่อ ไปจนถึงคอลแล็บกับศิลปินชื่อดังอย่างเอก ทองประเสริฐ ในการออกแบบปฏิทินกระดาษคอลเลกชั่นพิเศษให้มีดีไซน์น่าสนใจ มีบริการดูดวงอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น สั่งทำวอลเปเปอร์มงคล ซึ่งฉีกภาพปฏิทินจีนแบบดั้งเดิมให้ร่วมสมัย
WHAT’S NEXT :
น่ำเอี๊ยงได้ขยายขอบเขตความหมายของธุรกิจให้กว้างไกลกว่าการเป็นเพียงปฏิทินทั่วไปด้วยการพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มโหราศาสตร์ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ ทิศทางธุรกิจจึงเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ omnichannel ผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างลงตัว ถือเป็นตัวอย่างของสำนักโหราศาสตร์เก่าแก่ที่ปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคสมัยได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยความนิยมในวงการโหราศาสตร์ที่ยังคงแข็งแกร่งในสังคมไทย แม้ไลฟ์สไตล์ของผู้คนจะเปลี่ยนไปแต่ความสนใจในเรื่องดวงยังคงเป็นที่จับตามอง น่ำเอี๊ยงจึงมีโอกาสพัฒนาแพลตฟอร์มได้อีกหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ในแอพพลิเคชั่น การคอลแล็บกับแบรนด์ต่างๆ หรือการนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทิศทางที่น่าสนใจและน่าติดตามต่อไปในอนาคต
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Digital Transformation การตระหนักว่าผู้คนอยู่ในยุค paperless และทรานส์ฟอร์มปฏิทินกระดาษให้อยู่บนโลกออนไลน์
– User Experience ออกแบบประสบการณ์ดูดวงในแอพพลิเคชั่นให้สามารถดูฤกษ์มงคลได้ไม่ต่างจากอ่านดวงในปฏิทินกระดาษ
– Collaboration ร่วมมือกับแบรนด์ทั้งวงการเดียวกันและต่างวงการเพื่อนำเสนอบริการใหม่ สินค้าใหม่ ประสบการณ์ใหม่

เด็กสมบูรณ์ : THE EVOLUTION OF TASTE
รสชาติใหม่ของ ‘เด็กสมบูรณ์’ แบรนด์ที่เด็กลงทุกวันจากการออกสินค้าสุดปั่น
WHAT HAPPENED :
หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบ 80 ปี เด็กสมบูรณ์ขึ้นแท่นเป็นเครื่องปรุงที่ใช้กันเกือบทุกบ้าน ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของทายาทรุ่น 3 อย่าง ท็อป–วสุพล ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ ที่ต้องการทำให้เด็กสมบูรณ์เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการเข้าไปทำความรู้จักกับคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่ได้รู้จักแบรนด์ดีเท่ารุ่น พ่อรุ่นแม่ ด้วยการออกสินค้าที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กสมบูรณ์จะทำ ตั้งแต่ต่อยอด core product ที่พูดถึงปุ๊บนึกถึงตราเด็กสมบูรณ์ปั๊บอย่างซีอิ๊วขาว มาแปลงโฉมในรูปแบบใหม่ จากตลาดเครื่องปรุงสู่ตลาดของหวานเป็นไอศครีมซีอิ๊วดำ ที่สร้างความฮือฮาและมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี จึงต่อยอดมาเป็นไอศครีมน้ำจิ้มบ๊วย และไอศครีมเต้าเจี้ยว ไปจนถึงชานมไข่มุกซีอิ๊วดำ และสร้างกระแสในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องผ่านการโพสต์สินค้าใหม่เป็นซีอิ๊วเม็ด ซึ่งปล่อยในช่วงใกล้ April Fool’s Day จนชาวเน็ตนึกว่าเรื่องหลอก แต่เป็นความตั้งใจของท็อป ที่พอมีไอเดียแล้วอยากลงโซเชียลเช็กความสนใจก่อน ถ้าดูแล้วจะเป็นที่ชื่นชอบถึงจะมีการทำ R&D ผลิตและวางขายจริง และเลี้ยงกระแสในโซเชียลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เลือกพีพี กฤษฏ์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ จนทำให้คนไปตามหาและบอกต่อกันเรื่อยๆ จากการปรับตัวเหล่านี้สามารถชื่นชมได้เต็มปากว่าเด็กสมบูรณ์ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เดินเกมอย่างชาญฉลาดในการเจาะใจคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะเจนฯ Z
WHAT’S NEXT :
ตลอด 80 ปีที่ผ่านมาเด็กสมบูรณ์มีวิสัยทัศน์ว่า ‘ที่ไหนมีครัวที่นั่นต้องมีเรา’ แต่จากการปรับตัวที่ผ่านมาจะเห็นว่าท็อปพยายามตีตลาดใหม่ๆ และน่าจับตามองต่อว่าในจะมีการหยิบโลโก้เด็กสมบูรณ์มาต่อยอดในรูปแบบอื่นๆ อีกหรือไม่ โดยเฉพาะการปรับให้ดูเด็กลง รวมถึงการขยายจากตลาดเครื่องปรุงและขนมหวาน ไปสู่สินค้าไลฟ์สไตล์มากขึ้น อย่างพวกสินค้าแฟชั่น แก้วน้ำ ไปจนถึงของสะสมยอดฮิตอย่างอาร์ตทอย ก็อาจจะมีออกมาให้ได้ฮือฮากันเหมือนทุกครั้งที่เด็กสมบูรณ์เปิดตัวสินค้าใหม่
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Thinking Outside the Box กล้าคิดนอกกรอบ ผ่านการออกสินค้าที่คนคาดไม่ถึงว่าแบรนด์จะทำ
– Pain Point คิดสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการ และเติมเต็มช่องว่างทางการตลาด
– Social Listening ฟังเสียงคนรุ่นใหม่ ผ่านการลงสินค้าสุดปั่นในโซเชียล เพื่อเป็นการเช็กฟีดแบ็กลูกค้า ถ้าปังแล้วค่อยพัฒนาสินค้าต่อไป

ขายหัวเราะ : THE SOFT SKILL AMBASSADOR
ครีเอทีฟคอลแล็บที่พาการ์ตูนขายหัวเราะรันทุกวงการ
WHAT HAPPENED :
จากคาแร็กเตอร์การ์ตูนที่แฟนๆ ของขายหัวเราะคุ้นเคยกันดีในหนังสือการ์ตูน แคมเปญ ‘ฮ่าสิบปีขายหัวเราะ : ขายหัวเราะ 50thHAPPYversary’ ที่จัดขึ้นในปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของ นิว–พิมพ์พิชา อุตสาหจิต Executive Director และกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเครือ Vithita Group ได้นำการ์ตูนขายหัวเราะโลดแล่นข้ามวงการด้วยการชวนหลากแบรนด์คอลแล็บร่วมกันในรูปแบบสินค้าสุดลิมิเต็ด ทั้งคอลเลกชั่น ‘Mc โอเวอร์’ ร่วมกับแบรนด์ยีนส์ Mc Jeans, เสื้อสายสตรีทร่วมกับ CARNIVAL, สเก็ตบอร์ดลายพิเศษร่วมกับ Preduce Skateboards, ดีไซน์ลายแว่นใหม่ของหอแว่น, แพ็กเกจขนมปังแถวลายการ์ตูนของฟาร์มเฮ้าส์ และยังพิสูจน์ว่าการ์ตูนไม่ใช่แค่สร้างเสียงหัวเราะเพื่อความบันเทิงเท่านั้นแต่ยังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ได้อย่างสร้างสรรค์ ทั้งแคมเปญ ‘เปลี่ยนไกด์เป็นแก๊ก’ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในไทยด้วยการ์ตูนและการเปลี่ยนแก๊กการ์ตูนให้เป็น gagtalogue ของเฟอร์นิเจอร์ IKEA ในคอนเซปต์ ‘ขำแบ็คโฮม’
WHAT’S NEXT :
กาารคอลแล็บร่วมกับแบรนด์มากมายของขายหัวเราะกำลังบอกกับเราว่าการ์ตูนเป็นมากกว่าคาแร็กเตอร์ที่สร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นสื่อที่ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการเพิ่มความสนุกและสร้างความสุขให้แบรนด์ อนาคตของขายหัวเราะจึงเป็นผู้นำด้านการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่เข้าถึงหัวใจของผู้บริโภคทุกเจเนอเรชั่นด้วยคอนเทนต์ที่สร้างความสุขในชีวิตประจำวัน นำคาแร็กเตอร์สุดไอคอนิกมาเป็นตัวกลางที่สื่อสารเรื่องราวให้จับใจคนรุ่นใหม่พร้อมปูทางให้การ์ตูนไทยมีบทบาทสำคัญในวงการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– More Than Entertainment มอบบทบาทให้การ์ตูนมีหน้าที่มากกว่าสร้างความบันเทิงแต่เป็นทูตผู้ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์
– Character Branding สร้างแบรนด์ให้คาแร็กเตอร์การ์ตูนผ่านการครีเอตสินค้าที่ระลึกรุ่นลิมิเต็ด
– Beyond Imagination Collaboration คอลแล็บทำสินค้าหลากหลายวงการกับแบรนด์ที่คาดไม่ถึง

โรงงานสมุดโกญจนาท : THE NEW NOSTALGIA
รีดีไซน์สมุดลายไทยให้โดนใจคนรุ่นใหม่
WHAT HAPPENED :
ธุรกิจขายส่งสมุดกว่า 40 ปีอย่าง ‘โรงงานสมุดโกญจนาท’ มีสินค้าเด่นคือสมุดลายไทยที่มีสเปกการผลิตเหมือนเดิมมาตลอดไม่ว่าจะเป็นแพตเทิร์นลายไทยที่หน้าปกและตารางสูตรคูณที่ปกหลัง โดยโมเดลธุรกิจเน้นการขายส่งปริมาณมากผ่านยี่ปั๊วทั่วประเทศ จุดเปลี่ยนคือเมื่อธุรกิจโดนดิสรัปต์จากโรงงานจีนที่ผลิตสมุดในราคาถูกกว่าทำให้ มิน–ลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ ทายาทรุ่นที่ 3 นำลายไทยโบราณอย่างลายโคมพวงแก้ว พิกุลกรอง เหลี่ยมเพชร ดาวกระจาย ราชวัตรดอกกลม เฉลวเพชร กุหลาบดอกจอก มาออกแบบใหม่ให้หน้าปกมีความมินิมอลและโมเดิร์นขึ้นพร้อมพาเลตต์สีพาสเทลน่ารักน่าใช้ อีกทั้งยังกล้าคิดต่างด้วยการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากขายเฉพาะ B2B เป็นจับกลุ่ม B2C เป็นครั้งแรกซึ่งเป็นกลยุทธ์แตกต่างที่โรงงานผู้ผลิตสมุดลายไทยในโมเดลธุรกิจเดียวกันไม่มีใครเคยทำมาก่อน
WHAT’S NEXT :
ฃมินมองว่าหากโรงงานสมุดยึดติดกับโมเดลธุรกิจขายส่งที่เคยรุ่งเรืองในอดีต วันข้างหน้าธุรกิจก็อาจล้มหายตายจากไป จึงตั้งใจผลักดันช่องทางขายปลีกและวางแผนดีไซน์สมุดหมวดใหม่และลายใหม่อย่างต่อเนื่องในอนาคตโดยไม่ทิ้งสมุดลายไทยรุ่นดั้งเดิมที่เป็นสมุดในความทรงจำของคนไทยหลายรุ่นมาเนิ่นนาน น่าชื่นชมที่ในโลกซึ่งสมรภูมิธุรกิจขายส่งเน้นการผลิตสินค้าราคาถูกและธุรกิจจำนวนไม่น้อยยอมพ่ายแพ้ให้การบุกจากโรงงานจีน ยังมีผู้ประกอบการไทยที่ยืนหยัดการผลิตสินค้าราคาย่อมเยาให้มีคุณภาพดี ดีไซน์โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ทำให้ธุรกิจเก่าแก่ยังคงเดินหน้าได้ต่อไป
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Brave กล้าคิดต่างและก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนเดิมที่คุ้นชินในการทำธุรกิจมาเนิ่นนาน
– Design Acumen สายตาที่แหลมคมในการมองเห็นโอกาสเพิ่มมูลค่าให้งานดีไซน์
– Diversify ผลิตสินค้าใหม่และขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าเพื่อบุกตลาดใหม่และกลุ่มลูกค้าใหม่

กวงฮั้วป่อ : THE DATA VISUALIZATION NEWSPAPER
การฟื้นคืนชีพของหนังสือพิมจีนในยุคสงครามเย็น
WHAT HAPPENED :
หนังสือพิมพ์ ‘กวงฮั้วป่อ’ ตีพิมพ์ฉบับแรกในปี พ.ศ. 2490 และกลายเป็น 1 ใน 4 ของหนังสือพิมพิมพ์จีนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในพระนคร ทว่าปี พ.ศ. 2501 ในช่วงสงครามเย็นที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดทางการเมือง ‘กวงฮั้วป่อ’ ถูกกล่าวหาว่ามีแนวคิดซ้ายเกินไปและโดนคำสั่งปิดกิจการด้วยข้อหาเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์จากรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ทำให้เรื่องราวในหนังสือพิมพ์ถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์โดยไม่มีโอกาสได้อธิบายเหตุผลหรือโต้แย้งใดๆ และไม่ได้บอกลาผู้อ่าน… 66 ปีต่อมา วันนี้ ‘กวงฮั้วป่อ’ กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ ‘กวงฮั้ว แอนด์ ดอว์น’ (@guanghua_and_dawn) โดยฝีมือของทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลหลี่ ปุณณ์ พจนาเกษม ผู้อยากกลับมาทวงคืนความยุติธรรมให้ตระกูล กวงฮั้วเวอร์ชั่นใหม่ในศตวรรษที่ 20 ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ได้อย่างน่าสนใจ เช่น ไดอะแกรมและอินโฟกราฟิกจากทักษะการเล่าเรื่องผ่านข้อมูล (data visualization) ของปุณณ์ผู้เป็นนักออกแบบ โดยมีการจำหน่ายฉบับแรกเมื่อปลายปีที่ผ่านมาที่งานรวมผู้ผลิตสิ่งพิมพ์
WHAT’S NEXT :
ในยุคที่วงการสื่อเปลี่ยนแปลงจากยุคก่อนมากและดาต้ามีบทบาทสำคัญในการเล่าเรื่อง ปุณณ์รื้อฟื้นหนังสือพิมพ์ของอากงให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในคอนเซปต์ใหม่ที่น่าติดตามคือ the data visualization newspaper ‘กวงฮั้ว แอนด์ ดอว์น’ ฉบับแรกเริ่มต้นด้วยหนังสือพิมพ์เล่มบาง 8 หน้าที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของธุรกิจผ่านการเล่าเรื่องอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ พร้อมด้วยส่วน data visualization ที่บอกเล่าถึงที่มาของโปรเจกต์อย่างสร้างสรรค์ และหน้า Draw Your Own Charts ที่เปิดพื้นที่ให้ผู้อ่านได้บันทึกเรื่องราวของตัวเองในรูปแบบที่แปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ ที่น่าจับตายิ่งกว่านั้นคือปีนี้ ‘กวงฮั้ว แอนด์ ดอว์น’ กำลังจะเปิดตัวฉบับใหม่ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการคืนชีพหนังสือพิมพ์ในตำนาน แต่เป็นการประกาศถึงบทบาทใหม่ของสื่อในการผสานการเล่าเรื่องและภาพประกอบจากดาต้าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
WHAT’S PRAISEWORTHY :
– Reclaim Justice การทวงคืนความยุติธรรมทางธุรกิจให้กับตระกูลหลี่ของทายาทรุ่นปัจจุบัน
– Persistent การยืนหยัดกลับมาทำหนังสือพิมพ์อีกครั้งแม้จะเคยปิดตัวไปนานแล้วในวันที่วงการสื่อหนังสือพิมพ์กระดาษแบบแมสอยู่ในยุคขาลง
– Future Skills x History การนำทักษะแห่งอนาคตอย่าง data visualization มาใช้เป็นคอนเซปต์ของหนังสือพิมพ์เก่าแก่