Mc JEANS X ขายหัวเราะ
เบื้องหลังของ Mc JEANS X ขายหัวเราะ ที่เมคโอเวอร์ลุคของคาแร็กเตอร์การ์ตูนให้อินเทรนด์
ทั้งขายหัวเราะและ Mc JEANS ต่างเป็นแบรนด์ขวัญใจคนไทยมานาน
สำหรับขายหัวเราะนั้นมีอายุครบ 50 ปีในปีนี้และเป็นสำนักการ์ตูนไทยที่ได้รับสมญานามว่าเป็นความฮาสามัญประจำบ้านเพราะคนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงและหัวเราะไปกับการ์ตูนของขายหัวเราะได้ไม่ว่าความฮานั้นจะปรับตัวไปอยู่ในแพลตฟอร์มไหนหรือแคมเปญใด
ส่วน Mc JEANS เองกำลังย่างเข้า 49 ปีในปีนี้และเป็นแบรนด์ยีนส์ไทยในตำนานที่โดดเด่น เน้นคุณภาพโปรดักส์ที่ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย คนทุกวัยและทุกหุ่นสามารถใส่ได้
ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ขายหัวเราะกับ Mc JEANS คอลแล็บร่วมกันในคอลเลกชั่นชื่อ Mc Over ที่จับคาแร็กเตอร์การ์ตูนของขายหัวเราะที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันมาเมคโอเวอร์ หรือเปลี่ยนลุคการแต่งตัว ไม่ว่าจะเป็น บ.ก.วิธิต หนุ่มใหญ่วัยทำงานที่มักใส่สูทสุดเนี้ยบและแต่งตัวเคร่งขรึมมาตลอด, โจห์น หนุ่มเซอร์ลุคแบดที่แต่งตัวไม่เป็น, หนูหิ่น สาวผมสั้นวัยใสที่ทุกคนมักจดจำได้ในชุดคอกระเช้าและผ้าถุง, คนติดเกาะที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าจืดชืดจำเจเพราะอยู่บนเกาะคนเดียว
ครั้งนี้คาแร็กเตอร์เหล่านี้จะลุกขึ้นมาปรับลุคครั้งใหญ่ให้สนุกขึ้นด้วยเสื้อผ้าของ Mc JEANS ซึ่งนอกจากจะมีการ์ตูนและแอนิเมชั่นให้รออ่านและรับชมกันแล้ว ทีมดีไซเนอร์ของ Mc JEANS และนักวาดการ์ตูนของขายหัวเราะยังร่วมมือกันเสกชุดของคาแร็กเตอร์แต่ละตัวจากการเมคโอเวอร์ในครั้งนี้ให้ทุกคนได้ลองใส่กันในชีวิตจริงอีกด้วย
เจมส์–ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ นิว–พิมพ์พิชา อุตสาหจิต Executive Director และกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเครือ Vithita Group (วิธิตากรุ๊ป) ผู้สานต่อขายหัวเราะจะมาเล่าถึงเบื้องหลังของการคอลแล็บในครั้งนี้ตั้งแต่การตั้งโจทย์ที่อยากสร้างความสุขให้คนไทยในรูปแบบสร้างสรรค์จนออกมาเป็นคอลเลกชั่นเสื้อผ้าสุดพิเศษที่แฟนคลับน่าจะชอบและหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
Legends of Cartoon Characters
ความพิเศษของคาแร็กเตอร์ขายหัวเราะที่เป็นตำนานและเติบโตมาจากสิ่งพิมพ์ในยุคก่อนที่โซเชียลมีเดียจะบูมคือเอกลักษณ์ของลายเส้นและการแต่งตัวของคาแร็กเตอร์ซึ่งนิวบอกว่าเป็นสิ่งที่แตกต่างจากการดีไซน์คาแร็กเตอร์ในยุคปัจจุบัน
“การแต่งตัวของคาแร็กเตอร์ขายหัวเราะที่ผ่านมาจะมีความออร์แกนิก หมายความว่าเวลานักวาดวาดการ์ตูนมาแล้วแฟนๆ ชอบแบบไหนหรือมีภาพจำแบบไหน คาแร็กเตอร์การ์ตูนก็เติบโตมาแบบนั้น ซึ่งจะไม่เหมือนกับคาแร็กเตอร์ของต่างประเทศที่กำหนดมาแล้วว่าคาแร็กเตอร์นี้ต้องแต่งตัวแบบนี้เพื่อนำมาขายเป็นสินค้า”
จากภาพจำในสไตล์ของคาแร็กเตอร์ขายหัวเราะที่ไม่เคยเปลี่ยนชุดเลยตลอด 50 ปีที่ผ่านมา Mc JEANS และขายหัวเราะก็ร่วมมือกันเปลี่ยนลุคให้คาแร็กเตอร์ตั้งแต่เสื้อผ้าจนถึงลายเส้นเพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น เจมส์บอกว่าแม้จะเป็นการเปลี่ยนลุคแต่ก็ไม่ได้ปรับจนตัวตนดั้งเดิมของแต่ละแบรนด์หายไปทั้งหมด
“ถ้าเทียบกับมิกกี้เมาส์ การวาดของตัวการ์ตูนก็พัฒนาไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงสี โทน ลุคของคาแร็กเตอร์แต่ละตัวไว้ พอมาทำคอลแล็บร่วมกัน เราก็รักษาดีเอ็นเอของทั้งสองแบรนด์ไว้ด้วย”
นิวขยายความถึงลายเส้นของการ์ตูนที่ใช้ในคอลเลกชั่นนี้ว่า “ลายเส้นของขายหัวเราะจะเป็นแบบ multi-style ตามแต่ละคาแร็กเตอร์ หมายความว่าเรามีนักวาดหลายคนใต้แบรนด์ของเรา แต่ละคาแร็กเตอร์จะเกิดจากนักวาดคนละลายเส้น อย่างลายเส้นออริจินอลของหนูหิ่นกับปังปอนด์ก็จะมีความแตกต่างกัน ในคอลเลกชั่นนี้เราใช้ระบบการวาดที่เคารพต้นฉบับแต่มีการปรับจูนให้มีมิติมากขึ้นโดยทีมสตูดิโอนักวาดมืออาชีพ แล้วก็ดึงเซนส์ของแบรนด์ Mc JEANS ออกมาด้วยเมื่อนำมาอยู่บนเสื้อผ้า”
Mc Over with Mc JEANS
จุดเด่นของคอลเลกชั่นนี้คือเป็นดีไซน์ที่ทำมาสำหรับให้คนใส่ได้จริงโดยแต่ละชุดได้แรงบันดาลใจจากคาแร็กเตอร์ที่หลากหลายทั้ง บ.ก.วิธิต, โจรมุมตึก, หนูหิ่น และคนติดเกาะที่ไม่ใช่แค่เอาคาแร็กเตอร์มาแปะบนเสื้อผ้าเท่านั้น แต่มีคอนเซปต์ดีไซน์ที่แฝงกิมมิกขี้เล่นในทุกตัว
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็กเก็ตเดนิมรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่เพิ่มความสนุกด้วยลาย บ.ก.วิธิตที่หลัง, เสื้อลายขวางขาว-ดำในกิมมิกโจรมุมตึกที่เมื่อพับแขนเสื้อจะเห็นตัวหนังสือเขียนว่า ‘กลับตัวกลับใจ’ และมีรูปตาอยู่ข้างหลังเสื้อเพื่อล้อเวลาที่โจรมุมตึกกลัวคนตามมาจับข้างหลัง, เสื้อรีสอร์ตเชิ้ตลายเกาะขายหัวเราะ คนติดเกาะและฉลามที่ไล่กัดคนตามเรื่องราวในแก๊กของขายหัวเราะ
สำหรับเสื้อฮู้ดจะซ่อนความขี้เล่นด้วยกระเป๋าเสื้อที่มีตัวการ์ตูนโผล่ออกมา ส่วนเสื้อยืดก็มีกระเป๋าเสื้อเดนิมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Mc JEANS นอกจากนี้โลโก้ตรงกลางเสื้อและหมวกยังไม่ใช่โลโก้ของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งแต่รวมโลโก้ของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกันออกมาเป็นโลโก้ของ Mc JEANS ที่ใช้สีสันหลากหลายตามสไตล์ของขายหัวเราะและมีการ์ตูนเกาะอยู่ตามโลโก้ การใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้เพื่อบาลานซ์ซิกเนเจอร์ของทั้งสองแบรนด์ให้มีความโดดเด่นพอๆ กัน
อีกตัวที่เด่นไม่แพ้กันคือเสื้อคอกลมลายการ์ตูน 4 ช่องที่เล่าเรื่องราวจากแอนิเมชั่นในคอลแล็บครั้งนี้เกี่ยวกับที่มาของการเมคโอเวอร์ ตั้งแต่มีอุกกาบาตตกมาโดนโลกทำให้ผู้คนซึมเศร้าจนแต่งตัวไม่สดใส และฮีโร่ของการกอบกู้โลกในครั้งนี้คือศูนย์บัญชาการ Mc JEANS ที่ส่งลำแสงพาทุกคนไปแปลงร่างออกมาเป็นเหล่าคาแร็กเตอร์ขายหัวเราะในชุดสุดอินเทรนด์
แฟชั่นไอเทมทุกตัวต่างมีกิมมิกร้อยเรียงจากเรื่องราวของการ์ตูนขายหัวเราะที่นิวบอกว่าไม่ได้ฝืนคอนเซปต์ดั้งเดิมของการ์ตูน
“เราไม่เคยมีการเล่าสตอรีเบื้องหลังว่าทำไมคาแร็กเตอร์ขายหัวเราะถึงไม่เปลี่ยนชุด ทำไมเขาแต่งตัวอย่างนี้ตลอดเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราเล่าเรื่องราวของคาแร็กเตอร์และเปลี่ยนชุดให้เขา”
Bring Comics to Life
ในแอนิเมชั่น หลังจากเปลี่ยนลุคแล้ว เหล่าคาแร็กเตอร์ต่างก็มีความสดใสและมั่นใจมากขึ้นโดยสะท้อนผ่านการแต่งตัว ซึ่งตรงกับความตั้งใจของ Mc JEANS ที่อยากสื่อสารว่าทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นและมั่นใจขึ้นได้ โดยแฟชั่นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่มาเติมความสนุกสนานนั้น
ไม่ว่าจะเป็น บ.ก.วิธิตที่พักโหดเปลี่ยนมาเป็นโหมดเท่สะบัด, โจห์นที่สลัดความแซดออกและกลับตัวกลับใจเป็นวันรุ่นเทสต์ดี, หนูหิ่นผู้อยากบอกทุกคนว่า “ตอนนี้หนูหิ่นอินแฟชั่นแล้วค่ะ” และคนติดเกาะที่เลิกติดเกาะออกมาอินเทรนด์ ซึ่งโปสเตอร์ของแต่ละคาแร็กเตอร์ในการคอลแล็บนี้จะมีภาพที่แต่ละคนใส่ชุดเดนิมของ Mc JEANS ทั้งชุด อย่างหนูหิ่นที่ตอนแรกมีลุคบ้านๆ ก็เปลี่ยนมาใส่กางเกงเดนิมขาสั้นเข้าคู่กับเสื้อแจ็กเก็ตทำให้ดูทันสมัยมากขึ้น
“ชุดสไตล์นี้มันสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความนิยมในยุคนี้ เดี๋ยวนี้เวลาไปทำงานก็ยังนิยมแต่งลุค smart casual สามารถใส่ยีนส์หรือเสื้อยืดทับเบลเซอร์ไปทำงานได้จากที่ในสมัยก่อนยีนส์อาจจะเป็นลุคที่ไม่เหมาะกับใส่ไปออฟฟิศเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ยีนส์มีความสุภาพมากขึ้นแล้วซึ่งมันก็เข้ากับสตอรีของเราที่อยากเล่าในคอลแล็บนี้”
การทำเสื้อผ้าสำหรับคาแร็กเตอร์ของขายหัวเราะที่หลากหลายเหล่านี้สอดคล้องกับความเชื่อของ Mc JEANS ที่อยากทำเสื้อผ้าโดยคำนึงถึงความหลากหลายสำหรับคนทุกกลุ่ม (diversity) และทุกเจเนอเรชั่นในชีวิตจริง เพราะแฟนคลับของ Mc JEANS มีตั้งแต่รุ่นเบบี้บูมเมอร์และเจนฯ X ไปจนถึงกลุ่มคนทำงานอย่างเจนฯ Y และวัยรุ่นที่เด็กลงมาอย่างเจนฯ Z และแบรนด์ยังมีความตั้งใจในการทำเสื้อผ้าโดยคำนึงถึงความหลากหลายทางรูปร่าง (body positivity) สำหรับคนทุกหุ่นด้วย ทั้งอ้วน ผอม สูง เพื่อสนับสนุนให้คนทุกไลฟ์สไตล์สามารถแต่งตัวแล้วออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และมั่นใจ
ที่ผ่านมา Mc JEANS ยังเป็นแบรนด์ที่ทำแคมเปญชื่อ My Mc My Way อย่างต่อเนื่องมาตลอด 2 ปี โดยลงลึกถึงการทำคอนเซปต์ของเสื้อผ้าแต่ละตัวให้เหมาะกับกลุ่มคนหลากหลาย
“เราอยากให้คนสมัยใหม่รู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์อยู่ตลอด คนยุคนี้จะไม่ได้สนใจแค่ว่าเสื้อผ้าราคาเท่าไหร่ แต่สนใจว่าเสื้อผ้าเหล่านี้ทำยังไงด้วย นอกจากการคอลแล็บครั้งนี้ Mc JEANS ยังใส่ใจเรื่องความยั่งยืนที่คนรุ่นใหม่ให้คุณค่าด้วย เช่น ใช้กระดุมรีไซเคิล” เจมส์เล่าถึงวิสัยทัศน์ที่ทำให้ Mc JEANS เป็นแบรนด์เดนิมคู่คนไทยมายาวนาน
Soft Power in Fashion & Cartoon
แม้ทั้งสองแบรนด์จะทำสิ่งที่แตกต่างกัน แต่ต่างมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ ในขณะที่ขายหัวเราะสร้างความสุขให้คนไทยผ่านซอฟต์พาวเวอร์อย่างการ์ตูน Mc JEANS ก็เพิ่มความสนุกในการแต่งตัวด้วยแฟชั่นไอเทม
สำหรับขายหัวเราะ การคอลแล็บร่วมกับ Mc JEANS ในครั้งนี้ทำให้ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์พาเหล่าคาแร็กเตอร์ข้ามไปยังพรมแดนใหม่ของการ์ตูนที่ลงลึกไปถึงแฟชั่นไอเทมและสตอรีเบื้องหลังซึ่งทำให้การ์ตูนมีมิติใหม่ที่ไม่ใช่แค่การ์ตูน 2D ในกระดาษหรือ 3D ในจอเท่านั้น แต่เป็นมิติทางแฟชั่นที่นิวบอกว่าทำให้แบรนด์ขายหัวเราะไปไกลกว่าการทำการ์ตูนสำหรับอ่าน
“ดีเอ็นเอหลัก 4 อย่างของเราที่คนจดจำได้คือการ์ตูนคาแร็กเตอร์, พลังของซอฟต์พาวเวอร์, อารมณ์ขัน และความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าวิวัฒนาการของสื่อหรือรสนิยมของคนอ่านหรือผู้ชมจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง สี่สิ่งนี้ก็เป็นหัวใจที่เราใช้ขับเคลื่อนอารมณ์ขันและความบันเทิงของเราไปเรื่อยๆ ขายหัวเราะไม่ได้ยึดติดมาตั้งนานแล้วว่าเราเป็นเพียงหนังสือการ์ตูนแต่เราเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่อยู่ได้กับทุกที่และสร้างเสียงหัวเราะให้คนไทยเข้าถึงได้ง่าย”
ส่วน Mc JEANS ก็สนุกกับการสร้างสรรค์เสื้อผ้าให้คนใส่สนุกอยู่แล้ว สะท้อนผ่านโปรดักต์และแคมเปญที่พวกเขาทำมาสม่ำเสมอ
“สำหรับผมการคอลแล็บครั้งนี้คือการ bring happiness, smile and laughter to life ท่ามกลางโลกเราตอนนี้ที่มีปัญหาร้อยแปดเต็มไปหมด การคอลแล็บในครั้งนี้ก็อยากทำเพื่อให้คนได้มาหยุดพัก ยิ้มและหัวเราะด้วยกัน และสำหรับแฟนคลับขายหัวเราะก็ยังทำให้นึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับการ์ตูนด้วย อย่างผมเวลาเห็นคาแร็กเตอร์เหล่านี้อยู่ที่ไหนก็จะนึกถึงความทรงจำสมัยเด็กตอนนั่งอ่านการ์ตูนขายหัวเราะ
“ในครั้งนี้เราไม่ได้ทำสินค้าจำนวนเยอะมาก อย่างแจ็กเก็ตลาย บ.ก. ก็เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่ทำมาเพียง 500 ตัว เราไม่ได้ทำเพราะอยากดันยอดขายเป็นหลักแต่ทำเพื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สามารถเข้าได้กับทุกยุคสมัย สิ่งที่คาดหวังจากการคอลแล็บในครั้งนี้คือการได้เพิ่มชีวิตชีวาให้แบรนด์และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่มีดีเอ็นเอหลายอย่างที่ตรงกันมากกว่า”
เมื่อสองแบรนด์แห่งตำนานที่มีความสร้างสรรค์มาเจอกัน โลกของแฟชั่นและการ์ตูนก็เบลนด์เข้าด้วยกัน เกิดเป็นคอลเลกชั่นสุดสนุกสนานที่สร้างความบันเทิงในรูปแบบใหม่และชวนเหล่าแฟนคลับของทั้งสองแบรนด์ให้ลุกขึ้นมาเมคโอเวอร์ตามคาแร็กเตอร์สุดโปรดในการ์ตูน