Thai Fight

แม่ไม้ธุรกิจของ ‘ลงนวมบอยส์’ แบรนด์ไทยทำที่เชื่อว่ากีฬาและไลฟ์สไตล์คือเรื่องเดียวกัน 

‘เพราะมวยไม่ได้เป็นเพียงแค่กีฬา แต่ยังหมายถึงตัวตน แฟชั่น และความเป็นไทย’

จากความเชื่อดังกล่าวนำไปสู่จุดเริ่มต้นของลงนวมบอยส์ (Long Nuam Boyz) แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติไทย ที่ต่อยอดมาจากมวย หลัง ‘ธนพล ธนะเชนเลิศ’ พนักงานที่คลุกคลีกับบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์มวยตัดสินใจเปิดแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง ด้วยเชื่อว่า กีฬา แฟชั่น และความเป็นไทยอยู่ด้วยกันได้

จากอุปกรณ์และเสื้อผ้ามวยเพียงอย่างเดียว วันนี้ลงนวมบอยส์ต่อยอดเป็นสินค้าหลากหลายชิ้น ทั้งเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อคาวบอย กำไลข้อมือ แม้กระทั่งพระเครื่องก็เคยทำขายมาแล้ว ในหลายๆ คอลเลกชั่นก็ขายหมดสต็อก สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์แฟชั่นไทย ยังมีความต้องการของลูกค้าในตลาดอยู่ 

น่าสนใจไม่น้อยว่าลงนวมบอยส์มีแผนธุรกิจและวิธีคิดเบื้องหลังแบรนด์ยังไง เพื่อหาคำตอบเรื่องนี้ Capital จึงนัดธนพลในช่วงบ่าย ที่สนามซ้อมมวยแห่งหนึ่ง ชวนคุยถึงเรื่องราวของลงนวมบอยส์ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันที่ไม่ว่าจะปล่อยสินค้ากี่คอลเลกชั่นก็ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเสมอ 

ความชื่นชอบในกีฬามวยของคุณเริ่มต้นได้ยังไง

ตั้งแต่เด็กเลย สมัยก่อนเวลาเราดูโทรทัศน์ เห็นสมรักษ์ คำสิงห์ ได้เหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิก ได้เห็นคนไทยดีใจ เฮกันทั้งประเทศ มันก็เริ่มทำให้เราสนใจแล้ว ว่าทำไมคนไทยถึงชอบมวยขนาดนั้น เราเลยได้เข้ามารู้จักกีฬามวยมากขึ้น 

หลังจากนั้นก็อยู่กับมวยยาวเลย เราอยู่กับมันจนถึงขั้นพอเรียนจบก็ตัดสินใจไปทำงานกับบริษัทขายอุปกรณ์มวยของต่างประเทศ จนในที่สุดก็ได้มาทำแบรนด์ของตัวเอง

ตอนไหนที่คุณรู้สึกว่าต้องมีธุรกิจเกี่ยวกับมวยเป็นของตัวเองบ้างแล้ว

ด้วยความที่ทำงานกับกีฬามวยตลอด เราจะเห็นว่าแม้จะเป็นกีฬาประจำประเทศ แต่ไทยกลับมีสินค้าเกี่ยวกับมวยที่เป็นแบรนด์ของไทยน้อยมาก คือการผลิตมันยังอยู่ในไทยนะ และค่อนข้างเยอะด้วย แต่ส่วนใหญ่เป็นการผลิตให้กับบริษัทของต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ 

เราเลยรู้สึกว่ามวยไทยมันเป็นของบ้านเราแท้ๆ ทำไมต้องผลิตให้ต่างชาติด้วย แล้วทุกวันนี้ค่ายมวยดังๆ ในต่างจังหวัดก็ยังเป็นของต่างชาติอีก ตอนนั้นก็คิดเอาเองเลยว่า ถ้าต่างชาติเข้ามาบ้านเรา ทำกีฬาของบ้านเราจนดังได้ เราคนไทยเองก็ต้องทำได้สิ เลยตัดสินใจทำลงนวมบอยส์ขึ้นมา แล้วก็ตั้งใจให้เป็นแบรนด์กีฬามวยที่จำหน่ายอุปกรณ์กีฬาและเสื้อผ้าโดยมีความแฟชั่นเข้าไปผสม

ลงนวมบอยส์ในวันแรกเป็นอย่างไร

ไม่ได้เป็นแบบทุกวันนี้เลย เมื่อก่อนเราเริ่มจากการทำวิดีโอในโซเชียลมีเดีย ทำอยู่กับ ธาม (ธามไท แพลงศิลป์) คือก็คุยกันว่าจะไปทำคลิปกัน เอาธามไปต่อยกับคนอื่นๆ ในที่ต่างๆ แล้วจะให้เสื้อหลังจากต่อสู้กันจบ เลยทำให้ลงนวมบอยส์ในตอนนั้นจะมีความกึ่งๆ แบรนด์ธุรกิจและคอนเทนต์ออนไลน์

คือเราก็ไม่ได้ต่อยเขาจริงจังนะ เน้นแบบหยั่งเชิงกันมากกว่าอะไรแบบนี้ พอทำมาสักพักคนก็เห็นเสื้อที่แจก เสื้อที่ใส่ในคลิป เขาก็ทักมาถามว่าเสื้อของแบรนด์อะไร มันเลยต่อยอดมาเป็นเชิงธุรกิจมากขึ้น

ในวันนั้น เป้าหมายด้านธุรกิจของ ลงนวมบอยส์ เป็นอย่างไร

ในช่วงแรก แกนหลักของ ลงนวมบอยส์ คือการทำอุปกรณ์กีฬามวยก่อน แต่พอจุดหนึ่งเราเริ่มจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปมากขึ้น ก็เลยเริ่มลุยตลาดเสื้อผ้า มุ่งการทำสินค้าที่เน้นแฟชั่นมากยิ่งขึ้น โดยมีโจทย์สำคัญคือ ต้องมีความเป็นมวยสากล และความเป็นไทย 

จึงทำให้เสื้อลายแรกของเรา เป็นลายที่ยักษ์ถูกต่อยด้วยนวมจนหน้าหัน แล้วข้างหน้าก็เป็นชื่อ ลงนวมบอยส์ ภาษาไทย ใส่ลายไฟหน่อยให้ดูเท่ในแบบของเรา หรือต่อมาที่พี่เป้ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) เขาได้เล่นหนังเรื่อง 4KINGS (2021) เราก็ทำเสื้อช็อปออกมาขาย ซึ่งอาจเพราะด้วยกระแสหนังด้วย หรือคนที่เขาติดตามพี่เป้ด้วย คนเลยมาซื้อเสื้อคอลเลคชั่นนี้กับเราเยอะมาก 

หรือในบางกรณีที่เกิดจากความต้องการของพวกเราเอง เช่นกางเกงมวยของลงนวมบอยส์ที่มีกระเป๋า คือมันเริ่มจากพวกเราคุยกันเองว่า ทำไมเวลาใส่กางเกงมวยซ้อมกันปกติ พอเสร็จแล้ว จะออกไปกินข้าวกัน ทำไมถึงต้องถือโทรศัพท์ ถือกระเป๋าตังค์ด้วย เพราะก่อนหน้านี้กางเกงมวยจะไม่มีกระเป๋า เราเลยได้ออกแบบกางเกงมวยที่มีกระเป๋ามาแก้ปัญหาตรงจุดนี้ 

หรืออย่างเสื้อยืด ที่เราตั้งใจว่าจะใส่ออกกำลังกาย เราเลยทำเป็นแขนปีนนก ทำให้ไหล่กว้างขึ้น สั้นหลง จะได้ขยับไปมา ได้สะดวก ต่อมวยได้ง่ายยิ่งขึ้น 

ในเมื่อมีสินค้าขนาดเยอะนี้ เวลาคนถามว่าลงนวมบอยส์ขายอะไรกันแน่ คุณจะตอบพวกเขาอย่างไร

โห เราเจอคำถามนี้ทุกวัน เห้ย สรุปทำแบรนด์อะไรวะ? เจออยู่ตลอด 

สำหรับเรา ลงนวมบอยส์คือแบรนด์ที่จำหน่ายความชื่นชอบรอบตัวทั้งเรา พี่เป้ ธาม หรือคนที่ใส่แบรนด์ของเราเองก็ตาม เราจะเอาความชอบของแต่ละคนในช่วงเวลานั้น มาคุยกันว่าเรื่องไหน สิ่งไหน เหมาะที่จะถูกต่อยอดให้กลายเป็นสินค้าของเราบ้าง 

อย่างเช่นเสื้อคาวบอย ก็เกิดจากความชอบของธามช่วงหนึ่งที่เขาสนใจเป็นพิเศษ แล้วประกอบกับพี่เป้ก็แต่งตัวสไตล์นี้อยู่แล้ว ก็เลยได้คุยกันว่าถึงเวลาที่ลงนวมบอยส์ต้องมีเสื้อคาวบอยเป็นของตัวเองเสียที 

หุ้นส่วนอีกสองคนสำคัญอย่างไรสำหรับการทำธุรกิจ 

พอเราทำงานด้วยกันสามคน ซึ่งมีอายุห่างกันชัดเจน พี่เป้แก่กว่าเรา 6 ปี เราแก่กว่าธาม 6 ปี ดังนั้นความชอบของแต่ละคนจะมีหลากหลายและไม่เหมือนกัน ดังนั้นในแต่ละครั้งก็ต้องมานั่งคุยกันอยู่เสมอว่าช่วงนี้อินกับอะไร สนใจเรื่องไหนอยู่  

สำหรับเราที่ทำธุรกิจ คิดว่าประสบการณ์ของพวกเขาช่วยเติมเต็มให้ลงนวมบอยส์สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อย่างพี่เป้เอง เขาคือคนที่ช่วยเรื่องประชาสัมพันธ์ให้เราได้เยอะมาก รวมถึงข้อมูลในเรื่องต่างๆ ที่เวลาเขาสนใจเรื่องไหน เขาจะศึกษา จะรู้ลึก รู้จริง ทำให้ทุกคอลเลคชั่นที่ออกมา มันถูกต้อง มันตอบความต้องการของคนกลุ่มนั้นๆ 

หรืออย่างธามเอง ที่เป็นคนมีแพชชั่นเรื่องการแต่งตัวสูง ทำให้เขาจะมีเซ้นส์บางอย่างที่มองขาดว่า อะไรที่จะกลายเป็นเทรนด์ อะไรที่คนจะสนใจ อย่างเช่นตอนที่ตุ๊กตาลาบูบู้ (Labubu) กำลังเป็นกระแส เขาเป็นคนเสนอว่า ทำไมไม่ทำเสื้อลงนวมบอยส์ให้ลาบูบู้ใส่ ซึ่งพอทำออกมาจริง ก็ขายดีถล่มทลาย

คอลเลคชั่นต่างๆ ของลงนวมบอยส์วิธีการคัดเลือกอย่างไร 

เรื่องนี้เราไปศึกษาเพิ่มเติม คือไปเรียนที่โรงเรียนสอนแฟชั่นเลย ไปแบบเริ่มจากศูนย์เลย ก็ไปเรียนรู้ว่าต้องรู้เรื่องไหน ต้องทำอะไรให้เป็นบ้าง ถึงจะเอามาใช้ในธุรกิจของเราได้ 

หลังจากนั้นเราก็เอามาปรับใช้กับลงนวมบอยส์ ซึ่งวิธีการก็คือจะมานั่งคุยกัน กับพี่เป้ กับธาม แล้วก็มาลิสต์กันว่าช่วงนี้เราชอบอะไรเป็นพิเศษ ถ้าอันไหนมันผ่าน  2 จากใน 3 คนก็จะถูกพิจารณาให้ทำ หรือถ้าอันไหนมัน 3 ผ่านเลย ก็เริ่มลงมือทำเป็นคอลเลคชั่นหน้าได้ 

พอลงนวมบอยส์มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้นแบบนี้ คนในแวดวงกีฬามวยยังคงเข้าใจแบรนด์ของคุณไหม 

เจ้านายเราคนแรกเคยสอนเอาไว้ว่า จะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าหลุดความเป็นตัวเอง ดังนั้นทุกคอลเลคชั่นที่ออกมา ยังต้องเหลือความเป็นมวยเอาไว้ ต้องคิดเสมอว่ามันสามารถใส่เป็นแฟชั่น และต่อยมวยได้อยู่ 

คนกลุ่มไหนที่เหมาะกับการใส่สินค้าลงนวมบอยส์

ใครก็ได้ เพราะเป้าหมายของเราคือ อยากให้คนใส่ลงนวมบอยส์แล้วมั่นใจมากยิ่งขึ้น เหมือนที่ธาม เหมือนที่พี่เป้ใส่แล้วเขามั่นใจ 

คิดว่าปัจจุบันการทำแบรนด์จำเป็นต้องมีหน้าร้านไหม

ตอบยากมาก เพราะด้วยความที่ลงนวมบอยส์เรามีเป้าหมายแตกต่าง คือพอเราทำแบรนด์เกี่ยวกับมวย เราเลยตั้งใจว่าอยากมีค่ายมวยและจำหน่ายอุปกรณ์ของลงนวมบอยส์อยู่ในนั้นเพราะคิดว่ามันจะเหมาะกับลูกค้ามากกว่า 

ดังนั้นหากจะให้ตอบว่าการทำธุรกิจจำเป็นต้องมีหน้าร้านไหม เราว่าผู้ประกอบการจำเป็นต้องตอบให้ได้ว่ามีแล้วจะได้ประโยชน์กว่าการขายออนไลน์อย่างไร ซึ่งของลงนวมบอยส์คำตอบมันคือการเป็นพื้นที่ให้กับคนที่ชื่นชอบมวยเหมือนกัน 

ถ้าเป็นแบบนั้น คนที่ไม่ชอบกีฬามวยจะเป็นลูกค้าของลงนวมบอยส์ได้ไหม

ได้เลย ที่ผ่านมาเราก็พยายามร่วมงานกับกีฬาประเภทอื่นๆ ล่าสุดก็เพิ่งทำชุดฟุตบอลมา เราเคยทำทีมไปแข่งด้วยนะ เตะกันไม่ค่อยเก่งหรอก แต่พอดีได้พี่โอ้ต (ปราโมทย์ ปาทาน) ช่วยไว้ เลยรอดมาได้ (หัวเราะ)

คือพวกเราเป็นคนประเภทเอาหมด กีฬาไหนก็ได้ชอบลองเล่น เตะฟุตบอล ยูโด ปีนผา เต้น พวกนี้ก็ทำมาตลอด เพียงแต่สิ่งที่มันยึดโยงทุกคนเอาไว้ด้วยกันคือมวยเป็นหลัก

การเป็นแบรนด์กึ่งกีฬากึ่งแฟชั่นมีข้อดีอย่างไรบ้าง 

แน่นอนว่ามันเป็นตลาดใหม่ที่ยังไม่เคยเข้ามาทำ ดังนั้นลูกค้าที่เขามีความต้องการที่อยากใส่ชุดกีฬาที่มีความแฟชั่นมากกว่าเดิม ก็จะเข้าหาแบรนด์เราก่อน

ส่วนแบรนด์ที่เขามุ่งไปเรื่องกีฬา หรือแฟชั่นอย่างเดียวเลย สุดท้ายกลุ่มลูกค้ามันต่างกัน เราเลยไม่ได้กังวลเรื่องนี้เท่าไหร่

ในวันนี้การทำธุรกิจโดยคนไทย และนำเสนอความเป็นไทยมีความท้าทายอย่างไรบ้าง 

ถ้าพูดถึงเรื่องเสื้อผ้าแฟชั่น วันนี้บอกตามตรงว่ายาก ตอนเราเรียนศิลปะ อาจารย์เขายังบอกเลยว่าเราตอนนี้สู้เวียดนามไม่ได้ บ้านเขาไปไกลกว่าเราแล้ว ทั้งที่เมืองไทยเราก็ถือเป็นเมืองแฟชั่นเหมือนกันนะ

ดังนั้นสิ่งที่ลงนวมบอยส์พยายามทำ คือการนำเสนอว่าเราเป็นแบรนด์จากชาติไทย ที่ผ่านมามีคนบอกเราตลอดนะว่าชื่อลงนวมบอยส์ที่ติดอยู่บนเสื้อ ทำไมไม่ทำเป็นภาษาอังกฤษ มันจะได้ขายดีกว่าเดิม แต่เรายืนยันว่าอยากทำแบรนด์นี้ อยากให้ตัวอักษรแบบนี้มันเป็นโผล่ที่ต่างประเทศ ไปโผล่ที่สหรัฐอเมริกา หรือไปโผล่ที่ญี่ปุ่น 

คือถามว่ามั่นใจขนาดนั้นไหมว่าทำแล้วจะรอด ก็ไม่หรอก เพียงแต่เรารู้สึกว่าต้องไม่เปลี่ยนตัวตน เพราะถ้ายอมเปลี่ยนเท่ากับเราแพ้ตัวเองแล้ว ลงนวมบอยส์มีสโลแกนคือ Every one can fight ดังนั้นเราก็ต้องสู้ ยืนหยัดในสิ่งที่เป็น 

ในวันนี้การเป็นเจ้าของธุรกิจ มีแบรนด์เป็นของตัวเองมันสอนหรือมอบอะไรให้กับตัวคุณบ้าง 

อย่างแรกคือเราได้ใช้แพชชั่นสื่อสารกับคนอื่น ได้นำเสนอตัวตนของเราให้คนเห็น คนรู้จัก คนได้เลือกสวมใส่ แม้มันจะมีคนไม่เข้าใจ หรือไม่เห็นด้วยบ้าง แต่อย่างน้อยการที่มันมีกลุ่มลูกค้าของลงนวมบอยส์เกิดขึ้นมา มันก็ทำให้รู้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนที่คล้ายกับเราอยู่ 

มีข้อแนะนำสำหรับคนที่เอาความชื่นชอบมาทำเป็นธุรกิจบ้างไหม

อย่างแรกเลยคือต้องมีความรู้เยอะ อย่างเราพอเริ่มจากศูนย์ สุดท้ายก็ต้องมาเรียนรู้เรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมทีหลัง ดังนั้นเป็นไปได้ให้เก็บเกี่ยวความรู้ หรือไปหาประสบการณ์จากบริษัทใหญ่ๆ มาก่อนก็ดี แล้วค่อยนำข้อดีข้อเสียมาปรับใช้กับแบรนด์เรา 

ที่สำคัญเลยคือ อย่าหลงไปกับกระแส ต้องยึดมั่นสิ่งที่ตัวเองเป็นให้ดี นึกว่าไว้เสมอว่าวันแรกเราอยากเอาตัวตนและแพชชั่นแบบไหนมาทำธุรกิจ รักษามันเอาไว้ให้มั่น แล้วเราจะมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาดอย่างชัดเจน 

Writer

KFC ฟิลเตอร์สตอรี่ไอจี และ Tame Impala คือสิ่งที่ทำให้ทุกวันนี้อยากมีชีวิตอยู่

Photographer

ช่างภาพที่สนุกกับการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลง และหลงรักในความทรงจำ Ig : mocfirst

You Might Also Like