บริหารเสียง
วิธีสร้างซาวด์สตูดิโอชั้นนำของ ‘ณภัทร-ณ ปุญญ์’ คู่รักเจ้าของ Tree Recording Studio
หากชอบสิ่งใดสิ่งนั้นจะนำพาเราไปจนสุดทาง ประโยคคลาสสิกนี้ยังคงใช้ได้เสมอกับคนที่มีเป้าหมาย หรือรักสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างไร้ข้อแม้ เหมือนดังกรณีของ ‘ต้น–ณภัทร และณ ปุญญ์–ขวัญกมล ขาวไพศาล’ เมื่อวงการซาวด์ทำให้พวกเขาได้รู้จักและกลายมาเป็นคู่ชีวิตของกันและกัน
ใครที่อยู่ในวงการ sound engineer น่าจะรู้จักณภัทรเป็นอย่างดี ถึงฝีมือเทคนิคการควบคุมซาวด์อันช่ำชองไม่ว่าจะ mixing หรือ mastering ทั้งยังผ่านการทำงานกับ sound studio หลายเจ้าในสหรัฐฯ ไต้หวัน และไทย จนได้รับรางวัล Golden Melody Awards ซึ่งดีกรีเหล่านี้มาจากการฝึกปรือศาสตร์ความรู้จากวิทยาลัย Berklee College of Music สาขา Music Production and Engineering ณ เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์
ส่วนคนที่ติดตามภาพยนตร์ ซีรีส์ และอนิเมะก็น่าจะคุ้นเคยกับเสียงของขวัญกมล อาทิ บทบาทของอูยองอู ทนายอัจฉริยะ จากซีรีส์ Extraordinary Attorney Woo, คูโจ โจลีน จากอนิเมะเรื่อง Jojo’s Bizarre Adventure และนามิ จากซีรีส์ One Piece ฉบับ Netflix ซึ่งไม่ว่าจะบทบาทไหนเสียงของเธอล้วนเข้ากับตัวละครและสะกดคนดูอยู่หมัด
ปัจจุบันณภัทรและขวัญกมลได้ปลูก sound studio เล็กๆ แต่อบอุ่นหลังหนึ่งย่านเพชรเกษม ที่มีชื่อว่า ‘Tree Recording Studio’ ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของทั้งคู่ที่อยากยกระดับวงการ sound studio ในบ้านเราให้มีมาตรฐานเทียบเท่าต่างประเทศ
บ้านหลังสีเหลืองโดดเด่นสะดุดตา ภายในแบ่งสัดส่วนห้องอัดเสียงชัดเจน อุปกรณ์ทุกชิ้นตั้งแต่ไมค์จนถึงแผงคอนโทรล ทุกตารางนิ้วล้วนมาจากความใส่ใจ และความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ในวงการซาวด์ที่สั่งสม
แต่อย่างที่ว่าปลูกต้นไม้ยังต้องใช้เวลากว่าจะผลิดอกสวยงาม สตูดิโอแห่งนี้ก็เช่นกัน นอกจากการใช้ชีวิตคู่ ทุกๆ วันของณภัทรและขวัญกมลคือการก่อร่างสร้าง Tree Recording ให้เติบโตอย่างมั่นคง แต่จะด้วยวิธีไหน และผูกโยงกับความสัมพันธ์ในฐานะคู่รักยังไงนั้น คงต้องให้เขาและเธอเป็นคนเล่าน่าจะดีที่สุด
พวกคุณรู้จักและกลายมาเป็นคู่รักได้ยังไง
ต้น : ต้องย้อนไปถึงโปรเจกต์นั้นเนอะ
ณ ปุญญ์ : ก็คือตอนนั้นเรารับพากย์เป็นตัวละครที่มีชื่อว่า จิโร่ เคียวกะ ในการ์ตูนเรื่อง ‘My Hero Academia’ ทีนี้มีตอนหนึ่งที่ตัวละครจิโร่จะต้องร้องเพลงในงานโรงเรียน เพลงนั้นมีชื่อว่า Hero Too ซึ่งคุณนพ (ธนพ ตันอนุชิตติกุล เจ้าของ Cartoon Club) กับพี่ปลาย (พิพัฒน์ บุญสิทธิเลิศ) ที่เป็นผู้กำกับพากย์ไทยเขาอยากให้ทำเพลงนี้เป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย
ต้น : เรียกว่าเป็นจังหวะบังเอิญพอดีกับพี่ที่เรารู้จักกำลังหาคนดูแลโปรเจกต์นี้ สุดท้ายเราก็เลยได้งานโปรดิวซ์ให้กับโปรเจกต์ Hero Too ไป แล้วก็ได้มาเจอกับปุญญ์ ก็เริ่มทำความรู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น
เหตุผลที่พวกคุณอยากสร้าง sound studio เป็นของตัวเองคืออะไร
ต้น : ต้องย้อนกลับไปช่วงที่เรากำลังคบกับปุญญ์ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งคลายล็อกดาวน์จากโควิด-19 หลายคนอาจจะยังเลือกเวิร์กฟรอมโฮม แต่ด้วยสายงานของเราที่เป็นซาวด์เอ็นจีเนียร์ ธรรมชาติของมันคือต้องเอาคนมานั่งทำงานด้วยกันงานถึงจะมีประสิทธิภาพ ก็เลยจำเป็นต้องพาคนมานั่งทำงานด้วยที่บ้าน มันเลยกลายเป็นปัญหาว่า ครอบครัวของเราเขากังวลเรื่องความแออัด กลัวจะแพร่เชื้อโรคติดต่อกัน ทางปุญญ์เขารู้ถึงปัญหาก็เลยเสนอว่า งั้นมาสร้างสตูดิโอของเราเองดีไหม
ณ ปุญญ์ : คือเมื่อก่อนคุณแม่เคยเปิดกิจการโรงเรียนประถม พอถึงจุดหนึ่งท่านก็ถามเราว่าสนใจรับช่วงต่อไหม เราก็คิดในใจว่าอย่างฉันเนี่ยนะจะบริหารโรงเรียนหรือสอนใครได้ (หัวเราะ) สุดท้ายโรงเรียนเลยปิดตัวลง แต่เราก็ไม่อยากให้พื้นที่ตรงนี้สูญเปล่า ผนวกกับเราเห็นศักยภาพในตัวต้นตั้งแต่ตอนทำงานด้วยกัน ก็เลยตัดสินใจถามต้นว่า งั้นเราสร้างสตูดิโอเป็นของเราเองไหม ดูเดินทางสะดวก มีที่นอน รถไม่ติด น้ำไม่ท่วม
ต้น : ใจจริงเรามีแพลนอยากสร้างห้องอัดเสียงเป็นของตัวเองตั้งแต่เมื่อ 10 ปี ก่อน แต่การจะเป็นเจ้าของห้องอัดสักห้องมันมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ก็เลยรอโอกาสเรื่อยมา จนกระทั่งปุญญ์เขายื่นข้อเสนอมาก็เลยตอบตกลงทันที
ณ ปุญญ์ : เรียกฉันว่านางฟ้าแม่ทูนหัว (หัวเราะ)
ทำไมถึงตั้งชื่อว่า Tree Recording Studio
ณ ปุญญ์ : มาจากที่เธอชื่อต้นหรือเปล่า
ต้น : ไม่เกี่ยว (หัวเราะ) เหตุผลคือเราชอบคำว่า ‘ต้นไม้’ ซึ่งต้นไม้มันให้ความรู้สึกถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นร่มเงาที่พักพิง แล้วเราก็หยิบคอนเซปต์ตรงนี้มาตั้งเป็นชื่อห้องต่างๆ อย่างห้อง mixing ก่อนหน้านี้ก็ตั้งชื่อว่า seed ที่แปลว่าเมล็ดพันธุ์ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่พร้อมจะเติบโตเป็นต้นไม้ในวันข้างหน้า
ในหัวพวกคุณวางแผนให้ sound studio นี้ออกมาเป็นยังไง
ต้น : ถ้าเอาเรื่องตัวสถานที่ก่อนเลย เราคิดว่าต้องเป็นสตูดิโอที่มีความยืดหยุ่น ยืดหยุ่นที่ว่าคือสามารถรองรับงานได้หลายประเภท หลายคนอาจจะคิดว่าห้องอัดเสียง ต้องอัดแค่ดนตรีอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงมันสามารถปรับเลย์เอาต์ของห้องให้เข้ากับคาแร็กเตอร์งานได้ เช่น งานเพลงประกอบหนังก็เชตเป็นแบบหนึ่ง งานที่อัดเสียงวงดนตรีก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
คือเป็นห้องอัดที่มีความยืดหยุ่นสูง และคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เพราะแค่มีสายไฟกับสายสัญญาณต่างๆ ลากไขว้ระเกะระกะก็ไม่ถือเป็นห้องอัดที่ดีแล้ว ส่วนปัจจัยอื่นๆ อย่างพวกอุปกรณ์ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง ขอแค่มีคุณภาพดี ใช้แล้วไม่พังง่ายก็พอ
ณ ปุญญ์ : ถ้าเกิดในมุมมองของเราที่มีอาชีพเป็นนักพากย์ สิ่งที่เราอยากขอมากที่สุดคือขอให้เป็นห้องอัดที่ทำความสะอาดง่าย เพราะเท่าที่เคยเจอมา ห้องอัดส่วนใหญ่จะค่อนข้างอับ มีฝุ่นเยอะ ซึ่งเราเป็นภูมิแพ้ พอพากย์เสียงไปประมาณแค่ 10 กว่านาทีจมูกก็ตัน ทำให้พากย์งานต่อไม่ได้ ฉะนั้นเรื่องของการ maintenance ดูแลความสะอาดจะต้องให้ความสำคัญมากพอๆ กัน
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกคุณว่า อย่างเช่นเรื่องสายไฟระเกะระกะมักเป็นสิ่งที่หลายสตูดิโอมักมองข้าม
ณ ปุญญ์ : ใช่ ความจริงมันสำคัญมาก อีกอย่างคือถ้าเรามีระบบจัดการที่ดี ก็จะใช้งานพื้นที่ได้ในระยะยาว และลดเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้ด้วย
ต้น : จากที่เราเจอห้องอัดระดับโลกในสหรัฐฯ มาเยอะ ทั้งแบบระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับใหญ่โตทำให้เรารู้ว่า เขาจะเน้นเรื่องมาตรฐานการจัดวางสถานที่ภายในให้คนทำงานทำงานสะดวก แต่สตูดิโอในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องพวกความสวยงาม ซึ่งไม่จำเป็นสักเท่าไหร่นักในการใช้งาน
ดังนั้นการหาจุดร่วมที่ดีที่สุดของ Tree Recording มักมาจากการแชร์ pain point ของสิ่งที่พวกคุณเจอในสายอาชีพ
ณ ปุญญ์ : ใช่ เราจะคุยกันตลอดว่า เธอ ฉันไปทำงานแล้วเจอปัญหาแบบนี้มา อย่างเรื่องฝุ่น เรื่องกลิ่น เราก็จะเอาปัญหาที่เราเจอมาคุย เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด
ต้น : ในมุมการทำงานของเราจะไม่ได้ลงลึกพวกเรื่องงานพากย์ งานที่เราทำส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับพวกดนตรี หรือซาวด์ประกอบภาพยนตร์ งานแต่ละประเภทมันมีความต้องการแตกต่างกันไป เราเลยเลือกที่จะรับฟังสิ่งที่เขาเจอ แล้วเอามารวบรวมดูว่าสามารถแก้ไขยังไงได้บ้าง
หาข้อสรุปกันนานไหม กว่าจะได้ sound studio แบบที่เห็นในตอนนี้
ต้น : โห มานั่งคิดดูกว่าจะตกผลึกแปลนพื้นที่ออกมาได้ก็ใช้เวลาร่วมปี
ณ ปุญญ์ : เรายอมเสียเวลาเพื่อให้มันราบรื่นในระยะยาว แต่ถือเป็นความโชคดีเหมือนกัน เพราะก่อนที่ต้นจะไปเรียนต่อที่ Berklee College of Music เขาเรียนจบคณะวิศวะฯ จากจุฬาฯ ทีนี้พอจบด้านวิศวะฯ ทำให้เขาตัดสินใจลงมือออกแบบแปลนเอง โดยวางแปลนให้สถานที่จัดการง่าย ซ่อมง่ายที่สุด อย่างเช่นห้องน้ำ ก็แบ่งสัดส่วนให้อยู่ที่เดียวกันทั้งชั้นบนชั้นล่าง พอเวลาเกิดน้ำรั่วก็จะสามารถจัดการง่าย ไม่ไปกระทบกับพวกอุปกรณ์ที่เป็นระบบไฟฟ้า
ต้น : จริงๆ เราหยิบไอเดียนี้มาจากตอนที่ห้องน้ำบ้านเรามันมีโอกาสจะรั่ว แล้วน้ำสามารถหยดลงมาตรงห้อง mixing ห้องเก่าได้พอดี จากปัญหานั้นเราเลยตกตะกอนว่า ถ้าเราจะทำห้องใช้งานที่ไม่เกี่ยวกับห้องอัดก็ควรจะแบ่งสัดส่วนให้ชัดเจน ให้ง่ายต่อการ maintenance มากที่สุด
ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่าภายใน Tree Recording แบ่งสัดส่วนแต่ละห้องยังไง
ณ ปุญญ์ : หลักๆ คือเราแบ่งสัดส่วนสตูดิโอเป็นห้อง A กับห้อง B โดยได้อาจารย์โยธิน ฤทธิพงศ์ชูสิทธิ์ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอะคูสติกช่วยออกแบบ
ต้น : ขนาดพื้นที่ของห้องสตูดิโอ A เรายกต้นแบบมาจาก Sunset Sound Recording Studio ซึ่งเป็นสตูดิโอบันทึกเสียงระดับโลกในสหรัฐฯ ที่ศิลปินดังๆ อย่าง Jason Mraz, Van Halen, Led Zeppelin, Toto ฯลฯ เคยใช้งาน เราเองก็โตมากับเพลงที่ออกมาจากสตูดิโอนั้น เราเลยชอบพื้นที่ขนาดประมาณนี้ เพราะมันสามารถให้ฟังก์ชั่นกับวงดนตรีที่ต้องการอัดพร้อมกันทั้งวง ซึ่งมันได้ฟีลลิ่งกว่าการแยกอัดเครื่องดนตรีทีละชิ้น
หรืออย่างพวกงาน foley ที่เป็น sound effect ประกอบภาพยนตร์เราก็แนะนำห้องสตูดิโอ A เพราะเราออกแบบมาให้ห้องบันทึกเสียงคุณภาพระดับ high-res เป็นคุณภาพเสียงระดับคมชัด ถ้าสังเกตจะเห็นความพิเศษตรงผนังที่ถูกออกแบบให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของผนังได้ เพื่อรองรับคลื่นเสียงได้หลากหลาย ส่วนพวกเครื่องดนตรีป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในต่างประเทศ
ณ ปุญญ์ : ส่วนห้องสตูดิโอ B เป็นห้องสำหรับไว้ใช้พวกงานพากย์เสียง อัดพวกเครื่องดนตรีไม่เกิน 2 ชิ้น อัดสปอตโฆษณา หรือมาอัดร้องไปพร้อมกับ backing track ซึ่งก็จะเป็นอีกราคาหนึ่งที่ถูกกว่าห้อง A เราคุยกับต้นไว้ตั้งแต่วันแรกว่า อยากให้ Tree Recording เป็นพื้นที่ที่ทุกคน ทุกคนที่แปลว่าไม่ต้องเป็นศิลปินก็เข้ามาใช้งานได้ สมมติคุณแค่อยากจะร้องเพลงให้เป็นของขวัญกับคนพิเศษ เป็นอาม่าที่อยากจะร้องเพลงเป็นของขวัญให้กับอากงก็ทำได้
นอกจากคุณภาพของ เห็นว่า Tree Recording ยังให้ความสำคัญกับการจัดคลาสเวิร์กช็อปด้านซาวด์ด้วย
ต้น : จุดเริ่มต้นของเวิร์กช็อปมาจากตอนที่เราว่างกันมากๆ ระหว่างรอก่อสร้างสตูดิโอ ก็เลยคุยกับณปุญญ์ว่า เรามาสร้างโมเดลเวิร์กช็อปกันมั้ย เผื่อจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางหาเงินของเราได้ด้วย คือด้วยความที่เราเป็นธุรกิจใหม่ เป้าหมายลำดับแรกคือการดึงฐานลูกค้า ทางเดียวที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักเราเร็วที่สุด ได้สัมผัสคุณภาพห้องอัด ก็คือการทำให้เขาได้มาลองใช้งานมันจริงๆ
พอจะแนะนำได้ไหมว่ามีเวิร์กช็อปอะไรบ้าง
ต้น : ถ้าเป็นเวิร์กช็อปแรกที่เราดูแลจะเป็นเรื่องการบันทึกเสียงกลอง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการบันทึกเสียง เพราะเราอยากโชว์ให้ลูกค้าเห็นว่าคุณภาพห้องอัดเราเป็นยังไง
ณ ปุญญ์ : ส่วนของเราจะเป็นเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการพากย์ ซึ่งเราเปิดเป็น private class รับไม่เกิน 4 คน ยิ่งจำนวนน้อยก็ยิ่งเป็นผลดีต่อผู้สอนและผู้ที่เข้ามาฟัง กับอีกส่วนคือมีเวิร์กช็อปใหญ่ที่เชิญพี่ๆ ที่เป็นนักพากย์มืออาชีพมาสอนวิธีการพากย์ เวิร์กช็อปนี้จะรับจำนวนผู้เข้าเรียนไม่เกิน 20 คน พี่ๆ ที่มาสอนก็เป็นคนที่เราเลือกแล้ว ว่าใครที่ได้ฟังจะได้รับประโยชน์เต็มๆ แน่นอน ขณะเดียวกันผู้ฟังก็จะได้เลือกเรียนกับคนที่เขารู้สึกถูกจริต ได้ลองเรียนกับผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่าน ด้วยราคาย่อมเยาในราคาหลักพัน
ในเมื่อ sound studio มีไม่น้อยในไทย นอกจากคุณภาพ พวกคุณทำยังไงให้คนรู้จักที่นี่
ณ ปุญญ์ : เราสองคนทำแชนแนลยูทูบด้วย คือจริงๆ เราทำกึ่งๆ เอาสนุกมากกว่า เป็นเหมือนการส่งมอบความรู้ให้คนอื่น เราเคยคุยกับอาจารย์วัฒนะ บุญจับ ที่เคยชวนมาทำคอนเทนต์อ่านทำนองเสนาะกับเราว่า ถ้าเกิดเราตาย ความรู้นี้ก็ตายไปกับเรา ถ้างั้นเราส่งต่อให้คนอื่นเพื่อเป็นประโยชน์ดีกว่า
อีกมุมหนึ่งก็เป็นการสร้าง brand recognition พาคนดูมารู้จักกับแบรนด์ พาคนดูมารู้จักกับสถานที่ ให้เขาเห็นว่าถ้าเขาเข้ามาใช้บริการจะเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งการใช้สถานที่จริงจะทำให้คนที่ไม่เคยมาได้เห็นอะไรมากขึ้น
ต้น : ที่เรารู้คือการทำธุรกิจ sound studio ทุกที่บนโลกคือเกมยาว ไม่มีทางที่จะเปิดปุ๊บแล้วคิวจองเต็มทุกวัน เราต้องหาวิธีสร้างรากฐาน สร้างชื่อเสียงให้ได้การยอมรับ ยิ่งในยุคที่ใครก็สามารถอัดเพลง ลงเสียงเองที่บ้านได้ ธุรกิจประเภทนี้ยิ่งมีความ niche มากกว่าเดิม ฉะนั้นการจะทำให้ธุรกิจไปรอดจำเป็นต้องยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น
พูดได้เต็มปากไหม ว่าสิ่งที่พวกคุณทำกับ Tree Recording Studio ถือเป็นการยกระดับธุรกิจ sound studio
ต้น : ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นการยกระดับได้เต็มปากไหม เราเพียงมองว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันคือมาตรฐานสากลที่มีอยู่แล้ว อย่างความปลอดภัยที่เรายกตัวอย่างเรื่องสายไฟ ถ้าเป็นมาตรฐานระดับโลกคุณปล่อยให้คนที่เข้ามาใช้งานสะดุดสายไฟเขาต่อว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ
หรืออย่างวัสดุของสายแต่ละชนิดมันต่างกันยังไง ต้องใช้แบบไหนมันถึงจะปลอดภัย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราเจอจากตอนทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งเรารู้สึกว่า เฮ้ย มันดีจังวะ มันปลอดภัย เวลาทำงานรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลังกับเรื่องพวกนี้
อย่างขาไมค์เราก็เลือกที่ช่วยถ่วงน้ำหนักได้ดี ให้มันไม่เกิดโย้เย้โยกไปมา ฟังดูมันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยนะ แต่ถ้าคนที่เคยทำงานด้านนี้จะรู้ดีว่ามีปัญหาไมค์ตกใส่หัวคนใช้งานเยอะมาก ยิ่งเป็นขาไมค์เกรดต่ำไม่มีตัวถ่วงน้ำหนักมันจะตกใส่หัวได้ง่ายมาก
ณ ปุญญ์ : นอกจากเรื่องของอุปกรณ์ก็คือเรื่องของคุณภาพชีวิตคนทำงาน เราวางกฎระเบียบไว้ชัดเจนว่าเวลาเข้างานกี่โมง เลิกงานกี่โมง เพื่อให้พนักงานเอาเวลาที่เหลือในชีวิตไปทำอย่างอื่น ไปดูแลสุขภาพตัวเอง มีการทำประกันสังคมให้ หรือแม้แต่เรื่องออกสลิปเงินเดือนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เขาเอาไปใช้เป็นหลักฐานกู้แบงก์ ซื้อบ้าน ซื้อรถ ฯลฯ พอเราทำให้เป็นเรื่องเป็นราวมันก็ดีต่อคนทำงาน
แม้แต่เรื่องการเซ็นสัญญาเข้าใช้สถานที่ก็เป็นสิ่งที่พวกคุณให้ความสำคัญเช่นกัน
ต้น, ณ ปุญญ์ : ใช่ (ตอบพร้อมกัน)
ต้น : มันเป็นการแจ้งให้ชัดเจนว่าคุณจะเข้ามาที่นี่เพื่อทำอะไร จะใช้เวลากี่วัน เข้ามาแล้วคุณจะไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า อย่างเมืองนอกก่อนเข้าใช้งานเขาจะเซ็นสัญญาชัดเจนว่าถ้าคุณทำอุปกรณ์เขาชำรุดคุณต้องชดใช้เท่าไหร่ คือคุณได้ใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพแน่ๆ แต่คุณก็ต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง ถ้าไม่มั่นใจเรามี sound engineer ให้
ฝั่งเราเองก็ต้องเคารพคนที่เข้ามาใช้งานด้วยเช่นกัน อย่างเรื่องมาร์เก็ตติ้ง ที่ศิลปินอาจจะอยากเก็บผลงานไว้เซอร์ไพรส์คนฟัง ถ้าเราแอบเผยแพร่ไปก่อนฝั่งศิลปิน ฝั่งค่ายเขาย่อมเสียหายมหาศาล ดังนั้นหน้าที่ของเราก็ต้องช่วยเก็บรักษาความลับด้วย
หลายคนอาจจะมองว่าสตูดิโอเราเยอะไปหรือเปล่า แต่ตามหลักการแล้วนี่เป็นสิ่งที่ทุกสตูดิโอควรทำด้วยการจัดระเบียบตัวเองก่อน
ใจความสำคัญในการยกระดับมาตรฐาน ก็คือการสร้างความสบายใจและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
ณ ปุญญ์ : ใช่ ความตั้งใจของเราคืออยากใช้ห้องอัดดีๆ โดยไม่จำเป็นต้องบินไปไกลถึงต่างประเทศ และเป็นราคาที่สามารถจับต้องได้
ต้น : เมื่อก่อนชอบมีคนสบประมาทว่า ประเทศเราไม่มีทางทำคุณภาพห้องอัดได้ดีเหมือนเมืองนอกหรอก ถ้าอยากได้คุณภาพเสียงดีๆ ก็ต้องบินไปต่างประเทศ เราก็คิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้จริงๆ เหรอ เราเห็นมาหมดแล้วว่าห้องอัดต่างประเทศเขาเป็นยังไง เราเข้าใจโครงสร้าง เข้าใจเทคนิค เรามีต้นทุนองค์ความรู้ทั้งหมดเหลือแค่เอามาลงมือต่อยอด ราคาไม่จำเป็นต้องแพงเท่าเมืองนอก จริงอยู่มันอาจจะคืนทุนช้าหน่อย แต่เราอยากให้คนไทยได้สัมผัสห้องอัดที่มีคุณภาพระดับโลก
ซึ่งพวกคุณสัมผัสได้ว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการรู้สึกแฮปปี้อย่างที่ว่ามาจริงๆ
ต้น : เราสัมผัสได้จริงๆ ว่าลูกค้าแทบทุกคนที่เข้ามาใช้บริการแฮปปี้
ณ ปุญญ์ : มีเคสหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการแล้วบอกกับเราว่า ที่ผ่านมาเขากดดันจากหลายๆ สิ่ง เลยร้องเพลงด้วยความไม่มั่นใจมาตลอด แต่เขามาที่นี่แล้วเหมือนได้ปลดล็อก เราก็รู้สึกดีใจ
ต้น : อย่างโทนสีผนังห้องเราก็เลือกใช้สีเอิร์ทโทนที่ให้บรรยากาศอบอุ่น ส่วนแสงไฟในห้องก็เลือกไฟที่ออกโทนเหลืองซึ่งให้ความรู้สึกสบายตา เพื่อให้คนที่เข้ามาทำงานรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน มันเป็นเรื่องของจิตวิทยา ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ของเรา พ่อของเราเป็นหมอหัวใจ แม่เป็นหมอตา เขาก็จะแนะนำได้ว่าอะไรปัจจัยไหนบ้างที่ส่งผลต่อสุขภาพ เรื่องของจอต้องห่างประมาณนี้นะถึงจะไม่ปวดตา หรือแสงไฟต้องเป็นโทนสีประมาณนี้ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลกับเวลานอนของมนุษย์
เคยมีเห็นต่างกันบ้างไหม เพราะดูเหมือนคุณสองคนจะเป็นสายซัพพอร์ตทั้งคู่
ต้น : เรียกว่าทุกเรื่องก็ได้ (หัวเราะ)
ณ ปุญญ์ : ทุกเรื่องจริงๆ ปุญญ์กับต้นเหมือนหยินกับหยาง เราแทบจะคิดไม่ตรงกันเลย
ต้น : แต่เป็นความเห็นต่างที่ไม่ได้มีปัญหานะ มันสามารถคุยกันได้ มันมีหลายๆ เรื่องที่เราเห็นต่าง แต่พอตั้งใจฟังกันและกันจะเห็นว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนตัดได้ เพื่อให้ผลลัพธ์มันออกมาดีที่สุด คือโชคดีที่เรากับปุญญ์ไม่ได้มีนิสัยชอบเถียงเอาชนะ แบบยังไงฉันก็ต้องชนะ มันไม่ใช่แบบนั้น แม้กระทั่งเรื่องของการใช้ชีวิตเราก็จะเห็นต่างกันเสมอ เพื่อหาจุดร่วมที่ดีที่สุด
ก็คือให้ความเคารพความถนัดของกันและกัน
ณ ปุญญ์ : ใช่ เราให้เกียรติในสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ อย่างเวลามีคนมาถามเรื่องการทำซาวด์กับเรา จะตอบเลยว่าเราไม่รู้ เรื่องนี้ต้องถามต้นเพราะเขาถนัดกว่า
ต้น : อย่างเราก็เคยมีนะ แบบภรรยาคุณเป็นนักพากย์ แล้วทำไมคุณพากย์ไม่เป็นล่ะ เราก็จะตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนที่เขาทำอาชีพนักพากย์ เพราะเรารู้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ปุญญ์เขาถนัดจริงๆ สมมติถ้าจะจัดวางเลย์เอาต์ห้องพากย์เสียง เราก็ต้องถามคนพากย์เสียงโดยตรงเพราะเขาทำงานตรงนั้น เขารู้ว่าจัดวางแบบไหนคนพากย์ถึงสะดวก แค่เหตุผลมันก็ชนะไม่จำเป็นต้องเถียงอะไรต่อ
บทเรียนสำคัญที่พวกคุณได้เรียนรู้จากการเป็นเจ้าของธุรกิจคืออะไร
ต้น : คำเดียวครับ โคตรยาก ก่อนหน้าที่จะทำ Tree Recording Studio เราก็รู้แหละว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พอเจอของจริงมันยากยิ่งกว่า ทั้งเรื่องเดินเอกสาร การจัดการบริหารบุคลากรและสถานที่ คือรับจบด้วยตัวเราเองทั้งหมด
ณ ปุญญ์ : สำหรับเราคือความอดทน ปกติเราเป็นคนค่อนข้างใจร้อน รู้ตัวว่าไม่ได้เป็นคนชอบเล่นเกมยาว แต่พอต้องมาทำกิจการของตัวเองทำให้เราต้องเรียนรู้การอดทนรอ อย่างตอนก่อสร้างเราก็รอทุกวันว่าเมื่อไหร่มันจะเสร็จ ต้นเขาก็เตือนสติตลอดว่าต้องใจเย็น ถ้ารีบทำโครงสร้างมันถล่มได้เลยนะ
ต้น : ตอนหลังถึงได้เข้าใจเพื่อนๆ ที่มีกิจการ ว่าทำไมมึงเครียดกันจัง (หัวเราะ) แต่ยังดีที่ธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่เรารัก เราสองคนยังสู้ไหว
ณ ปุญญ์ : สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น โดนเองโอ๊ยเจ็บจัง (หัวเราะ)