Soft Power
‘ซอฟ รษิกา’ ยูทูบเบอร์ผู้ผันตัวเป็น CEO ช่อง Impressions ช่องเพื่อคนอยากพัฒนาแบรนดิ้ง
ถ้าคุณตามยูทูบเบอร์ไทยมาตั้งแต่ยุคตั้งไข่ มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะจำเธอได้ในชื่อ ‘ซอฟปอม (Softpomz)’ ตามชื่อช่อง และคุ้นๆ ว่ายูทูบเบอร์คนนี้ชอบทำคอนเทนต์สนุกๆ แนวประดิดประดอย บ้างก็รีวิวขนม บ้างก็พาโรดี้
ส่วนเด็กเจนฯ นี้และคนที่สนใจเรื่องธุรกิจ อาจคุ้นหน้าจากรีลของแอ็กเคานต์ Soft.raziqaa และ Impressions Branding ที่โผล่มาแชร์ความรู้เนื้อหาแน่นๆ ผ่านน้ำเสียงสดใส ท่าทีชวนฟัง
ไม่ว่าคุณจะรู้จักจากช่องทางและบทบาทไหน ซอฟ–รษิกา พาณีวงศ์ บอกว่ายินดีอย่างยิ่ง เธอเป็นทั้งหมดนั้นที่ทุกคนเห็นนั่นแหละ

“ซอฟปอมหรือซอฟที่เป็นซอฟ รษิกา คือซอฟคนเดียวกันที่มีทั้งแง่มุมที่เล่นๆ และจริงจัง” หญิงสาวเอ่ยในวันที่เรานัดเจอกัน เธอในโลกความจริงสดใสและเป็นมิตรมากกว่าในจอเสียอีก ในขณะเดียวกันก็ดูภูมิฐาน พูดจาฉะฉาน เป็นมืออาชีพกับการทำงาน สมกับการอยู่หน้ากล้องมา 13 ปี
ใน 13 ปีนั้น เธอใช้เวลา 10 ปีในฐานะ Softpomz และอีก 3 ปีในฐานะ Soft.raziqaa และผู้ก่อตั้ง Impressions ช่องคอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนดิ้งและที่ปรึกษาสำหรับนักธุรกิจไปจนถึงบุคคลทั่วไป สำหรับใครก็ตามที่อยากสร้างตัวตนให้ชัดเจน โดดเด่น และส่งต่อคุณค่าบางอย่างเพื่อกุมหัวใจลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้อยู่หมัด ด้วยประสบการณ์ของคนทำสื่อที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนดูกับลูกค้า รู้ว่าคอนเทนต์แบบไหนที่คนจะกดดู และรู้ว่าแบรนด์ควรสื่อสารยังไงให้ตรงใจ
ถ้าเทียบกับคนอื่นในคอลัมน์ ‘ณ บัตรนั้น’ ซอฟอาจจะเป็นหนึ่งในคนที่ถือนามบัตรได้น้อยใบที่สุด เพราะนับจนถึงตอนนี้ หญิงสาวถือนามบัตรแค่ 2 ใบใน 13 ปีที่ลงสนามทำงานมา ถึงอย่างนั้น เราก็ออกปากได้เลยว่า สิ่งที่เธอได้เรียนรู้และตกตะกอนในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์และผู้ประกอบการก็น่าฟังไม่แพ้คนอื่นแน่นอน

Content Creator
ช่อง Softpomz
ย้อนกลับไปวันแรก คุณคิดว่าจะทำคอนเทนต์เป็นอาชีพเลยหรือเปล่า
วันแรกที่ทำ ซอฟมีความฝันว่าอยากทำงานในวงการบันเทิง
เราชอบการถ่ายทำ ชอบความบันเทิง ชอบการทำสื่อ แต่ยังไม่รู้ว่าปลายทางจริงๆ เราอยากเป็นอะไร จนเราเรียนนิเทศ เราก็ยิ่งหลงใหลในการถ่ายทำ เรามองว่าเป็นการบันทึกด้วยความคิดสร้างสรรค์และส่งต่อให้ใครสักคนบนโลกได้ ซึ่งสิ่งที่จะตอบสนองคอนเซปต์นี้ได้ชัดที่สุดเมื่อ 13 ปีที่แล้ว คือแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างยูทูบ
พอทำหนึ่งคลิปแล้วสนุก จึงมีคลิปที่ 2 และ 3 คอนเทนต์แรกที่ทำเลยคือประดิษฐ์หมวกฮาโลวีนให้น้องมะลิ แมวของเราใส่ ตอนนี้มะลิก็ยังอยู่ด้วยกันนะ คลิปนั้นคือคลิปที่เราได้แสดงความสร้างสรรค์จริงๆ ผ่านการประดิษฐ์และตัดต่อวิดีโอ พอสนุกก็ทำต่อโดยมาทางคลิปตลก เริ่มเป็นคลิปเล่าเรื่องบ้าง พาโรดี้บ้าง โรลเพลย์บ้าง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ คลิปยาว 3-5 นาทีเอง ซึ่งก็ถือว่ายาวแล้วสำหรับโลกออนไลน์ในยุคนั้น
พูดได้ว่าซอฟเป็นยูทูบเบอร์กลุ่มแรกๆ ของไทย เพราะตอนนั้นทำแล้วเพื่อนยังไม่เก็ต อาจารย์มหา’ลัยยังงง ซอฟเริ่มทำคลิปครั้งแรกตอนปี 1 จนเริ่มเห็นว่าทำเป็นอาชีพได้จริงๆ ในปีที่ 3

จุดไหนที่คอนเทนต์ของคุณติดตลาด เริ่มสร้างอิมแพกต์ต่อคนดู
ช่องซอฟไม่ใช่ช่องที่โตเร็ว เป็นไวรัลชั่วข้ามคืน เราเป็นสายค่อยๆ โต โตไปพร้อมกับคนดู แต่จะมีจุดหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าคนวงเดียวกัน รวมถึงคนภายนอกเริ่มรู้จักเรา คือยุคที่ทำคลิปคุยกับหมาหน้า 7-11 คุยกับเฟอร์บี้ และทำรีวิวขนมญี่ปุ่น เพราะตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครนำเข้ามาขาย กลายเป็นว่าพอเราทำ คนชอบ ก็เริ่มเกิดกระแสของขนมญี่ปุ่นในไทย เราก็ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกระแสนี้
คนที่มาดูช่อง Softpomz เขามองหาอะไรจากคอนเทนต์ของคุณ
เป็นมุมที่อยากได้ยินจากคนดูเหมือนกันนะ แต่ถ้าถามจากตัวซอฟเอง เราคิดว่ายุคแรกๆ คนที่ติดตามช่อง Softpomz คือคนที่อยากหารสชาติใหม่ๆ ในการเสพสื่อ เพราะในยุคนั้น ความบันเทิงยังเป็นละครหลังข่าวอยู่ หลังจากนั้นซอฟกับคนดูเติบโตมาด้วยกันเรื่อยๆ สิ่งที่ได้ยินบ่อยคือ เขาติดตามเราเพราะเป็นเรา ชาวจ๊วบจ๊วบ (ชื่อแฟนคลับ) เขารู้สึกเชื่อมโยงถึงกันและปลอดภัย ทั้งในเชิงภาษา กิริยา และประเด็นในช่อง
ในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อะไรที่ทำให้คุณยืนระยะมาได้จนถึงทุกวันนี้
อ้างอิงจากในเส้นทางของซอฟ เราคิดว่าเรายอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ มันมียุคหนึ่งที่เราเป็นเด็กดื้อ ถ้าการเปลี่ยนแปลงไหนมีประโยชน์กับเรา เราจะชอบ แต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงไหนไม่มีประโยชน์ เราจะไม่ชอบมันเลย เหมือนกับมนุษย์ทุกคนเป็นนั่นแหละ
เราปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงจนเราได้บทเรียนกับมันมากพอ ถึงจุดที่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถไหลตามกระแสน้ำไปได้ เราก็ตกตะกอนได้ว่า ความยืดหยุ่นไม่ได้แปลว่าอ่อนแอหรือไม่มีจุดยืน แต่มันคือการเข้าใจสภาพแวดล้อม แล้วจูนตัวเองที่ยังคงความเป็นเราให้กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
มันเป็นเพราะการปรับตัว การยืดหยุ่น การเปิดใจกว้างพอว่าความสำเร็จไม่ได้มีรูปแบบเดียว และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะยังมีวินัยกับมันเสมอ นี่แหละอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราทำช่องมาได้นานขนาดนี้

บทเรียนสำคัญที่คุณได้เรียนรู้จากบทบาทคอนเทนต์ครีเอเตอร์คืออะไร
บทเรียนแต่ละยุคแตกต่างกัน แต่ถ้าถามซอฟ ณ ปัจจุบัน ซอฟมองว่าการเป็นครีเอเตอร์คือการสร้างมรดกทางความคิดบางอย่างให้กับคนบนโลก อาจเป็นคนรุ่นปัจจุบันก็ได้ หรือเป็นคนในอีก 100 ปีข้างหน้าในวันที่เราไม่อยู่แล้วก็ได้ สิ่งที่พวกเราทำด้วยกันกับทางทีมงาน โมเมนต์ปัจจุบันที่เราบันทึกมันเอาไว้ ซอฟว่านี่คือใจความสำคัญ
ในยุคแรกๆ ของการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทุกคนจะโหยหาสิ่งใหม่และแตกต่าง เพราะมนุษย์เราถูกออกแบบมาให้เป็นแบบนั้น หมายถึงเราเกิดมาด้วยความว่างเปล่า เราก็วิ่งหาสิ่งที่ฉูดฉาด แต่ถึงจุดหนึ่ง การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์คือการเข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้คน และกลับมาทำความเข้าใจตัวเองอีกครั้งเพื่อถ่ายทอดแบ่งปันอะไรบางอย่างออกไป ซอฟว่านั่นคือใจความสำคัญของการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์

Founder & Creator
Soft.raziqaa และ Impressions Branding
จากคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ทำคนเดียวก็ได้ ทำไมคุณถึงอยากมีทีมของตัวเอง
เราอยากมีคนที่สนุกในสิ่งเดียวกัน สนุกเวลาได้อยู่กับคนที่มีความสามารถมากกว่าเราในบางเรื่อง ได้เห็นเขาช่วยพัฒนาคอนเทนต์ของเราในมุมที่เราอาจคิดไม่ถึง แต่นั่นก็แลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่าง
ในยุคแรก เราทำคอนเทนต์เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง เราจะทำคอนเทนต์แบบไหนก็ได้ จะถ่ายตอนไหนก็ได้ ถ่ายแล้วสต็อกไว้เป็นเดือนก็ได้ แต่พอเรามีทีมงานใหญ่ขึ้น การทำงานถูกแปรสภาพกลายเป็นทีมและองค์กร นั่นคือจุดตัดใหญ่ เพราะมันเป็นการใช้ทักษะคนละทักษะเลย
กลายเป็นว่าเราจะไม่ได้ทำเพื่อความสุขและความสำเร็จของเราคนเดียว มันแฝงด้วยการบริหารความคาดหวังของตัวเอง บริหารความคาดหวังของทีม บริหารคุณภาพชีวิตของเราและคนในทีม มันต้องบริหารทุกอย่างทั้งคนทั้งงาน ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ ซอฟใช้เวลากับตรงนี้หลายปีเพื่อให้ตัวเองเข้าใจการเป็นผู้นำที่ดีที่สามารถดูแลคนในทีมได้ดีจริงๆ
สิ่งนี้มันยากมากนะ มันไม่ใช่แค่มีความสุขกับการถ่ายและตัดต่อ แต่มันต้องเข้าใจจิตวิทยาของมนุษย์ด้วย

แล้วช่องใหม่อย่าง Impressions และ Soft.raziqaa มีที่มาที่ไปยังไง
Impressions คือแพสชั่นใหม่ในวันที่โตขึ้นแล้ว ส่วนตัวเราทำคอนเทนต์มา 10 กว่าปี เราเห็นแล้วแหละว่าเพดานของอุตสาหกรรมนี้มันอยู่ที่ตรงไหน ถ้าเราอยากให้คนในทีมของเราและตัวเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ การทำแค่ช่อง Softpomz มันจะไม่พาตัวเราให้ไปไกลกว่าเดิมเท่าไหร่หรอก เราต้องมี S-curve ใหม่
เรามองหาจากทรัพยากรในตัวของเราและทีมก่อนว่าเรามีดีอะไรบ้าง ค้นพบว่าการที่เราทำงานด้านสื่อมาเยอะ ทำให้เราเข้าใจคน อัลกอริทึม และการสื่อสารของแบรนด์ แล้วเราก็ถอดบทเรียนออกมา การเกิดขึ้นของ Impressions และช่อง Soft.raziqaa ก็มาจาก 13 ปีตรงนั้นที่เราทำงานในฐานะคนสร้างสื่อ
เราเหมือนเป็นปากให้แบรนด์ต่างๆ เพราะเราจะได้ยินจากลูกค้าบ่อยว่าเขาอยากเล่าเรื่องอะไร เราก็จะเห็นความตั้งใจของคนทำธุรกิจ ในขณะเดียวกันธุรกิจมีเรื่องที่อยากจะพูดเยอะมาก แต่บางทีลูกค้าไม่ได้อยากฟัง เรารู้ว่าคอนเทนต์แบบไหนคนจะหยุดดู แบบไหนคนจะเลื่อนหนี เราเจรจากับแบรนด์มาตลอดเป็นสิบปีว่าบรีฟนี้ทำอะไรได้หรือไม่ได้
เราทำมาตลอดจนตกผลึกว่าสิ่งนี้มันคือเรื่องของแบรนดิ้ง พอเราปิ๊งไอเดียนี้ เราจึงตั้งดาวเหนือแรกว่าเราอยากยกระดับให้คนทำธุรกิจไทยซื้อใจผู้บริโภคได้ด้วยตัวตนของเขาจริงๆ และเราอยากให้แบรนด์มีสื่อที่ดี พอสารตั้งต้นเป็นแบบนี้ เราเริ่มจากการรับผลิตสื่อก่อน เพราะทรัพยากรที่เรามี รวมถึงเที่ยวบินนับสิบปีของเรามันน่าจะช่วยประหยัดเวลาให้เจ้าของธุรกิจได้ นั่นแหละคือช่วงที่ Impressions เกิดขึ้น

ตอนนี้ Impressions นิยามสิ่งที่ทำว่าอะไร
ถ้าเราตอบสั้นๆ เราจะบอกว่า Impressions คือผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนดิ้ง ช่วยให้องค์กร ธุรกิจ และบุคคลได้สร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมา
นึกถึง Impressions อยากให้นึกถึงแบรนดิ้ง แบรนดิ้งคือภาพจำและความไว้วางใจ งานใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับการสร้างความไว้วางใจและเห็นคุณค่าในเรื่อง ‘หัวใจ’ ในระยะยาว นั่นคืองานที่เกี่ยวข้องกับ Impressions หมดเลย ซึ่งที่ผ่านมา จากที่เราแค่รับผลิตสื่ออย่างเดียวแบบ case by case เรารู้สึกว่าคุณค่าที่เราอยากส่งต่อให้โลกใบนี้มีสเกลใหญ่กว่านั้น เราเลยพัฒนาคอร์สเรียนขึ้นมา
พอพูดอย่างนี้บางคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย คนยุคนี้ใครๆ ก็ทำคอร์สสอน แล้วเราดันออกคอร์สมาตอนนี้อีก ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นจังหวะที่ดีนะ เหตุผลที่ตัดสินใจเปิดคอร์สเพราะมันเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เร็วที่สุดที่เราจะแบ่งปันทรัพยากรในตัวเราให้คนอื่นได้กว้างที่สุด อีกอย่างคือเราเชื่อว่าทุกองค์กรก็มีทีมงานของตัวเอง แทนที่เราจะพยายามทำงานให้เขา เราแค่แบ่งปันความรู้ หลักคิด วิธีการของเราให้คนข้างนอกด้วย
นอกจากคอร์ส เรามีเซสชั่นแบบ one on one สิ่งนี้เกิดจากการที่เราเห็นว่ายุคนี้เป็นยุคที่มีคนสนใจสร้าง personal branding เยอะ ประกอบกับเห็นว่าคนที่มาเรียน ซึ่งส่วนมากเป็นนักธุรกิจที่มีเวลาน้อย เขาได้ความรู้ไปแล้วแต่เขาไม่ได้มีเวลาไปนั่งดีไซน์ตัวเอง มันจึงเกิดเป็นเซสชั่นแบบเดี่ยวที่เรามานั่งคุยกัน มีการบ้านให้ทำ เพื่อเราจะได้หาทางลัดให้เขาได้ออกแบบตัวตนได้ง่ายและเร็วขึ้น
สิ่งหนึ่งในการทำแบรนดิ้งฉบับ Impressions ที่ยืดถือคือการพาให้เขามองภาพกว้าง และจะไม่ฟันว่าทางไหนคือสูตรสำเร็จ เวลามีคนมาถามว่าควรไปทางไหน เราจะไม่ตัดสินใจให้ แต่ให้เจ้าของตัวตนหรือเจ้าของธุรกิจมีความกล้าพอที่จะเลือกตัวตนของเขา

ตั้งแต่เปิดบริษัทและมีทีมของตัวเอง มีช่วงเวลาที่คุณเคยสงสัยว่าตัวเองดีพอในฐานะหัวหน้าทีมบ้างไหม
มีค่ะ มันเป็นธรรมชาติเลย เราเป็นคน ย่อมมีโมเมนต์ที่สงสัยในตัวเอง ซึ่งโมเมนต์เหล่านั้นมักจะมาในเหตุการณ์ที่เราทำอะไรสักอย่างแล้วผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิดเสมอไป มันทำให้เราตั้งคำถามว่าเราทำถูกไหม เก่งพอไหม ดีพอหรือยัง วิธีการก้าวข้ามที่ดีที่สุดคือการยอมรับมันตรงๆ นะ (หัวเราะ)
การทำธุรกิจเหมือนการฝึกขี่จักรยาน มันไม่มีเด็กคนไหนที่ขี่จักรยานสองล้อได้ตั้งแต่ครั้งแรก ธุรกิจก็เหมือนกัน มันไม่มีใครที่ทำปุ๊บ สำเร็จปั๊บ รวยเลย ถ้าแบบนั้นอาจจะน่ากลัวมาก เพราะคุณก็อาจจะตอบไม่ได้ว่าทำไมมันถึงสำเร็จ ทำไมมันถึงดี
ซอฟว่าพอเราอายุ 30 ขึ้นมา เราจะรู้ว่าเวลาเราเจอเรื่องยากเราก็ยอมรับว่ามันยาก เราจะไม่ปฏิเสธแบบโลกสวยว่า เฮ้ยมันเป็นเรื่องที่ดี ยากก็ยาก แต่ความยากนี้พยายามจะบอกอะไรเรา เราเจอคำใบ้อะไรในด่านนี้เหรอ มันมีเรื่องอะไรที่เราไม่รู้แล้วควรจะรู้เหรอ เพื่อที่ครั้งถัดไปเราจะตั้งสมการใหม่ให้ดีขึ้น
พอเราเปิดใจกับความไม่ได้ดั่งใจของผลลัพธ์ได้เก่งขึ้นเท่าไหร่ เชื่อไหมว่าเราจะยิ่งเจอแต่คำใบ้ดีๆ เต็มไปหมดเลย มันทำให้เราทำดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราเรียนรู้จากความผิดพลาดในครั้งก่อน แล้วพอในวันที่สำเร็จมันจะเป็นความสำเร็จที่ชื่นมื่นกว่ามากๆ เพราะฉันตอบได้ทุกตรงเลยว่าทำไมมันเวิร์ก และฉันก็พูดได้ทุกมุมด้วยว่าทำไมบางวิธีมันถึงไม่เวิร์ก
ซอฟว่าการใช้ชีวิตแบบไม่พลาดเลยน่ากลัวนะ เพราะลึกๆ คุณก็จะรู้สึกไม่มั่นใจว่าความสำเร็จที่ได้มันใช่ของคุณจริงๆ หรือเปล่า มันเหมือนเรารบแพ้มาพันครั้งแล้วชนะครั้งที่ 1,001 แม้ว่าไอ้หนึ่งพันครั้งที่ผ่านมาจะทำให้เราหัวเสีย เศร้า โกรธ เห็นต่างคนใกล้ตัว บีบคั้นให้ทำอะไรสักอย่าง แต่เราจะขอบคุณมัน

ตลอด 3 ปีที่ทำ Impressions มา ธุรกิจนี้มอบบทเรียนที่สำคัญอะไรให้กับคุณบ้าง
ในหมวกของคนทำธุรกิจ มันสอนว่ายิ่งเราเข้าใจลูกค้าได้มากเท่าไหร่เรายิ่งเห็นโอกาสได้มากเท่านั้น คำว่าเข้าใจลูกค้าหมายถึงเข้าใจ pain point เขา เข้าใจเวลาเขา เหมือนพาตัวเองไปสวมรองเท้าของเขา (เน้นเสียง) แล้วเราจะได้อะไรอีกเยอะมากที่จะเอามาพัฒนาตัวเองได้
ตลอด 3 ปีที่ซอฟสอนเรื่องแบรนดิ้งมา 90% ของคนที่เจอคืออยากมีตัวตนเพื่ออยากให้ตัวเองรวยขึ้น ซึ่งไม่ผิด แต่ประเด็นคือในโลกจริงๆ ที่เรากำลังทำงานกับความเชื่อใจของคนอื่น ไม่มีใครอยากเชื่อเราเพราะอยากเห็นเรารวยขึ้น
พูดให้เข้าใจง่ายคือเราไม่ได้อยากติดตามหรือสนับสนุนใครสักคนเพราะอยากเห็นพวกเขารวยขึ้น แต่การติดตามพวกเขาทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น some ways, somehow เพราะฉะนั้นยิ่งคนเราอยากมีตัวตนมากเท่าไหร่โดยไม่ได้ให้คุณค่าอะไรกับใคร เราจะยิ่งไม่มีตัวตนมากขึ้นเท่านั้น นั่นหมายความว่ายิ่งเราพยายามจะเป็นใครสักคนด้วยเปลือกนอกมากเท่าไหร่เราก็จะยิ่งเข้าไปถึงใจคนอื่นได้ยากมากเท่านั้น
ในการทำธุรกิจยุคนี้ ทุกคนทำโลโก้ ทำกราฟิกสวยๆ ได้หมดแหละ แต่งานยากคือเราจะทำยังไงให้ทุกคนจดจำและรักเราได้จริงๆ มันหมดยุคที่แค่โลโก้สวย ฉากนอกดี แล้วคนจะกลายเป็นสาวกเราทันที โลกกำลังเปลี่ยนไป ผู้เล่นก็เปลี่ยน และทุกอย่างไม่มีผิดไม่มีถูก
อีกอย่างที่มองเห็นได้ชัด คือธุรกิจใดเป็นธุรกิจที่พร้อมปรับตัว พวกเขาจะอยู่รอด ส่วนธุรกิจใดที่ยึดความสำเร็จเดิมในอดีตคือธุรกิจที่เลือกแล้วว่าฉันจะไม่อยู่ต่อ แต่อันนี้พูดแบบทั่วไปนะ ท้ายที่สุดแต่ละเคสก็อาจจะไม่เหมือนกัน

นอกจากบทบาทที่ทำอยู่ เคยมีบทบาทไหนที่คุณเคยลองทำแล้วรู้สึกไม่ใช่ตัวเองบ้างไหม แล้วมีบทบาทอะไรที่อยากลองทำอีก
อยากลองเป็นนักแสดงเพราะชอบถ่ายทอด อยากเขียนหนังสือ อยากลองกำกับซึ่งก็ได้ทำแล้ว ส่วนคำถามว่ามีสิ่งที่ลองแล้วไม่ใช่ตัวเองไหม มีหลายสิ่งที่ลองแล้วไม่เชิงว่าไม่เป็นตัวเอง มันมีสิ่งที่ชอบแหละ แต่โฟกัสของเราตอนนี้อยู่ที่ Impressions ที่เราไม่ได้มองภาพแค่ปีต่อปี แต่เรามองไปไกลระดับ 5 ปี คำถามคือถ้าวันนี้เราทำแต่สิ่งที่ชอบ แล้วบั้นปลายชีวิตมีแต่เรื่องที่ไม่ชอบเต็มไปหมด เรารับได้ไหม คำตอบของเราคือรับไม่ได้
จริงๆ ทุกวันนี้อยากจะ YOLO (แนวคิด You Only Live Once ที่เน้นการทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ลังเลและใช้ชีวิตให้เต็มที่) มากเลยนะ แต่เราไม่มีแผนบริหารความเสี่ยงตอนอายุมากกว่านี้ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องเข้มข้นกับการเป็นผู้ประกอบการหรือเรื่องการจดลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ว่าเราไม่รักงานฝั่งสร้างสรรค์หรืองานศิลปะเลย แต่เรารักมันมาก เราเลยอยากทำอย่างอื่นเพื่อให้เราสบายใจกับการวางแผนชีวิตที่เหลือแล้วกลับมาทำสิ่งที่รักได้โดยที่เราไม่ต้องเครียดหรือกดดันกับมัน
ถ้ามองการเป็นครีเอเตอร์ตอนนี้ มันคงไม่มีวันที่ซอฟจะไม่อยากเป็นยูทูบเบอร์ เหตุผลเดียวที่จะไม่เป็นยูทูบเบอร์คืออายุขัยเราไม่ไหว แต่วันนี้เราจึงต้องทำอย่างอื่นเพื่อกลับไปทำสิ่งที่รัก ซึ่งเราก็แวะกลับไปหาเขาเป็นช่วงๆ ได้เหมือนกัน

เป้าหมายของคุณในตอนนี้คืออะไร
โฟกัสกับธุรกิจของตัวเอง มีอะไรสนุกๆ หลายอย่างที่รอให้ทำเต็มไปหมด แต่นอกจากการเติบโตในโลกภายนอกแล้ว ซอฟอยากเติบโตในโลกภายในของตัวเองด้วย เราอยากเข้าใจตัวเอง รู้จักตัวเอง การปล่อยวาง การคิดหรือการไม่คิด สองโลกนี้อยากให้มาคู่กัน
ใกล้ๆ นี้ก็กำลังจะแต่งงานค่ะ และส่วนตัวก็อยากมีลูก เคยคุยกับพี่ชาร์ป (แฟน) ว่าถ้าเรามีลูก เราอยากเลี้ยงลูกด้วยการสอนลูกเองแบบโฮมสกูล เพราะเราอยากใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุด ตอนนี้เราจึงอยากโฟกัสธุรกิจให้มาก เพราะเรารู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสร้างครอบครัวจริงจังเราก็อยากโฟกัสกับตรงนั้นเหมือนกัน
ถ้าคุณกลับไปเจอตัวเองในวันแรกที่ทำช่องของตัวเองได้ อยากบอกอะไรกับเขา
ถ้ากลับไปเจอตัวเองวันแรกที่อยู่ในห้องผนังเรียบๆ ใช้ชีวิตรวมกับทุกคนในครอบครัว อยากบอกอะไรเหรอ (นิ่งคิด)
คำแรกที่โผล่ขึ้นมาในหัวคือคำว่าขอบคุณนะ ขอบคุณที่กล้าหาญ เพราะ ณ วันนั้นที่เราเริ่มทำเราไม่ใช่คนที่มีต้นทุน เราอนุญาตให้ตัวเองได้ทำสิ่งที่ ณ ตอนนั้นคนยังไม่เชื่อด้วยซ้ำ แล้วเราก็ทำมาตลอด ถ้าเจอตัวเองก็คงบอกว่าขอบคุณที่ไม่ยอมให้ข้อจำกัดในชีวิตมาทำให้เราไม่ได้เริ่ม เพราะถ้าวันนั้นเราไม่เริ่มเราก็คงไม่ได้เติบโตมาเป็นซอฟในวันนี้

หากวันหนึ่งต้องวางทุกบทบาทในชีวิตลง คุณอยากให้คนจดจำคุณแบบไหน
ซอฟไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นคำตอบไหมนะคะ แต่ทุกอย่างที่ซอฟทำ นอกจากการเป็นคอนเทนต์สนุกๆ แล้ว มันคือการบันทึกชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ แล้วถ้าวันหนึ่งมีลูกมีหลานแล้ว ซอฟอยากให้หลานเห็นผลงานของเราแล้วพูดได้เต็มปากว่า อาม่าแม่งโคตรเท่เลยว่ะ
ทุกสิ่งที่ซอฟทำมันอาจจะเป็นโมเมนต์ที่ถูกฝังอยู่ในความทรงจำ หรืออาจจะมีความหมายกับใครสักคน รวมถึงตัวเราเองด้วย ซอฟคิดว่ามนุษย์ทุกคน ตลอดทั้งชีวิตที่เราทำอะไรบางอย่างกันอยู่ เรากำลังทำมันเพื่อให้ตัวเราเองได้เป็นอิสระจากอะไรบางอย่าง ตัวซอฟเองก็คงเหมือนกัน
ในวันที่เราไม่ต้องถือบทบาทอะไรแล้ว ซอฟอยากเป็นคนคนหนึ่งที่ทุกคนมองมาแล้วอยากขอบคุณกับการที่เคยมีเราอยู่ที่นี่