ขอให้ 1 ปี มีวันหยุด 365 วันได้ไหม
New Year’s Blues อาการซึมเศร้าที่เกิดขึ้นหลังวันหยุดเทศกาล
10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 – Happy New Year
เพียงเสียงพลุดังสนั่นหายไป เพียงฟื้นเข้าสู่วันใหม่ หลายคนอาจรู้สึกเฟรชเพราะจะได้เป็น New Year, New Me สักที แต่อีกหลายคนกลับรู้สึกเศร้าซึมและเกิดคำถามมากมายในหัว หากใครเป็นคนจำพวกแรก เราขอแสดงความยินดีด้วย แต่หากใครยกมือว่าเป็นคนจำพวกที่สอง คุณอาจมีภาวะ New Year’s Blues
ความหมายของ New Year’s Blues
คำว่า New Year’s Blue หรือ ‘อาการซึมเศร้าในช่วงปีใหม่’ เกิดขึ้นหลังวันหยุดเทศกาล มักรู้สึกเศร้าซึม เหนื่อยล้า กังวล หงุดหงิด รู้สึกผิด และมีปัญหาในการโฟกัส
สาเหตุของ New Year’s Blues
- ในเมืองหนาวมักสัมพันธ์กับช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นและแสงอาทิตย์น้อยนิด
- แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพอากาศ เช่นไทยแลนด์แดนพระอาทิตย์นั้น ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับความรู้สึกผิดหวังที่ตัวเองไม่สามารถเป็น new me ได้อย่างที่ตั้งใจ บางคนก็เครียดจากการที่ใช้เงินไปจำนวนมากในช่วงเทศกาลแห่งความอบอุ่นซึ่งยิงยาวตั้งแต่ต้นธันวาคม
- เชื่อว่าอีกเหตุผลที่หลายคนรู้สึกเศร้าซึมไม่ไหว โดยเฉพาะพนักงานเงินเดือนทั้งหลาย ก็เพราะช่วงเวลาแห่งความสุขเหมือนฝันนั้นหมดไป ช่วงเวลาที่ได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ได้ไปเที่ยวที่ที่ตั้งเป้าไว้กำลังหมดลง เหลือเพียงหัวหน้าที่เอาแต่บ่น เพื่อนร่วมงานสุดท็อกซิกที่ไม่อาจหนีให้พ้น จากวันนี้จะมีเรา เรา และงานเท่านั้น
ถ้าดูข้อมูลทางสถิติโดยสมาคมจิตวิทยาอเมริกันพบว่าผู้คนมากถึง 56% เผชิญกับความเครียดในที่ทำงานมากที่สุดในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นช่วงที่เหลือเพียงงานที่รอเรากลับไปสะสาง ทั้งยังเป็นช่วงที่ไม่มีอะไรให้ตั้งตารอแล้ว คล้ายกับ Post-Vacation Blues หรืออาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาวนั่นเอง แต่ความรู้สึกนี้อาจยิงยาวไปจนถึงปลายมกราคมจนบางคนก็เรียกว่าเป็น January Blues ไปเลยก็มี
พนักงาน เหล่า HR และผู้บริหารจะจัดการอาการ New Year’s Blues ได้ยังไงบ้าง?
- สำหรับเหล่าพนักงานทั้งหลายอาจจะเริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็กๆ ระหว่างสัปดาห์ เพื่อให้มีอะไรให้เราตั้งตารอ เช่น หลังทำงานเสร็จจะออกไปซื้อกาแฟ หลังเลิกงานจะออกไปเดินห้าง
- กองทัพต้องเดินด้วยท้อง สมองขาดอาหารไม่ด๊าย! Harvard Medical School บอกว่าสมองของเราต้องการเชื้อเพลิงในการสร้างแรงขับเคลื่อน บริษัทจึงอาจจัดหาของอร่อยๆ ให้พนักงานทานแก้เครียดระหว่างวัน
- การวิจัยจาก Redbooth พบว่าเดือนมกราคม ตามด้วยกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่งานไม่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพราะสองเดือนนี้เป็นเดือนที่ไม่มีอะไรให้ตั้งตารอ ผู้นำจึงควรจัดประชุมเพื่อพูดถึงความสำเร็จในปีที่ผ่านมา รวมถึงปัญหา วิธีแก้ และแผนงานใหม่ๆ เพื่อให้มีอะไรให้ตั้งเป้าหมาย ทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว
- ทางออกนี้อาจใช้งบประมาณ แต่เชื่อเถอะว่าหลายบริษัทระดับโลกให้ความสำคัญ นั่นคือการมีบริการด้านสุขภาพกายและใจให้พนักงาน รวมถึงสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ทำให้พนักงานกล้าปรึกษาปัญหาที่เผชิญ
อย่างสุขภาพกาย การวิจัยจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกันแสดงให้เห็นว่าคนที่ออกกำลังกายก่อนทำงานจะมีประสิทธิผลมากขึ้น 15% ตลอดทั้งวัน และมีโอกาสน้อยที่จะรู้สึกซึมเศร้าจากงาน บางบริษัทจึงมียิมภายในอาคาร บางแห่งมีคลาสออกกำลังกายให้พนักงานเล่นโดยไม่เสียเงิน และอีกหลายแห่งก็จัดกิจกรรมแข่งกีฬา
เรื่องสุขภาพใจ ขอยกตัวอย่าง โปรแกรม Microsoft Cares จาก Microsoft ที่ให้พนักงานปรึกษาสุขภาพจิตได้ฟรีๆ หรือ Unilever ที่มุ่งเน้นที่สุขภาพโดยรวมของพนักงาน มีการอบรมเรื่องจิตใจ มีแอพพลิเคชั่นให้ข้อมูลด้านสุขภาพซึ่งพนักงานสามารถขอความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ ทำให้พนักงานกล้าปรึกษาโดยไม่กลัวการถูกตีตรา
ตอนนี้หลายคนคงกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่แน่ๆ เชื่อเถอะว่าภาวะนี้จะหายไปในที่สุดแต่ถ้ายังเป็นนานข้ามเดือนก็ต้องรีบไปปรึกษานักจิตวิทยาแล้วล่ะ ส่วนผู้ บ.ทั้งหลายก็อย่าลืมเตรียมการเพื่อให้พนักงานรู้สึกรีเฟรชก่อนเริ่มงานนะ
อ้างอิง