นักจั๊ดบ้าน
วิธีบริหารธุรกิจและความสัมพันธ์ของ ‘โบ๊ท-จีน่า’ สามีภรรยานักจัดระเบียบบ้านแห่ง JudgeBaan
หากการก้าวขาเข้าไปในบ้านใครสักคนทำให้เรารู้จักตัวตนของเจ้าของบ้านได้ บ้านของ ‘โบ๊ท–นิธิศ วารายานนท์’ และ ‘จีน่า–จินาภรณ์ พุ่มศิริ’ ก็อาจบอกได้ว่าพวกเขาเป็นคนอบอุ่น เป็นขาช้อป และเป็นคนมีระเบียบ
บ้านของพวกเขามีของเยอะ ไม่เข้าข่ายความมินิมอลสักนิด แถมนอกจากคู่สามีภรรยาแล้ว ในบ้านยังมีสมาชิกเป็นแมวอีก 3 ตัวที่เดินสอดส่ายไปมาตลอดเวลา ถึงอย่างนั้นก็เถอะ บ้านของพวกเขาก็ไม่เข้าข่ายคำว่ารกสักนิด
มองแวบเดียวก็รู้ว่าโบ๊ทกับจีน่ารักการจัดระเบียบเป็นชีวิตจิตใจ นั่นจึงไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะก่อตั้ง ‘JudgeBaan (จั๊ดบ้าน)’ ธุรกิจที่รับอาสาจัดบ้านทั่วกรุงในสไตล์และผ่านวิชั่นของพวกเขาเอง ไม่ว่าบ้านเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าจะห้องนอนหรือห้องครัว ไม่ว่าจะของเยอะหรือน้อย จั๊ดบ้านก็จัดบ้านให้ได้ทั้งหมด
ที่น่าสนใจกว่านั้น คือโบ๊ทและจีน่าช่วยกันทำในทุกขั้นตอน ในวาระที่ธุรกิจมีอายุครบรอบ 1 ปีพอดิบพอดี เราชวนทั้งคู่มาเล่าเคล็ดลับของการบริหารธุรกิจและความสัมพันธ์ของสามีภรรยานักจัดบ้าน ที่ระหว่างทางอาจพบเจออุปสรรคที่ทำให้ติดขัด สะดุดล้ม และต้องเลือกเก็บ-เลือกทิ้งความรู้สึกบางอย่างไปบ้าง
แต่ความสัมพันธ์ก็เหมือนกับบ้าน พวกเขาเชื่อว่าเราจัดระเบียบมันได้เสมอ
ทั้งสองคนนิยามคำว่าบ้านที่ดีไว้แบบไหน
โบ๊ท : บ้านที่ดีต้องพอดี ไม่ได้แปลว่าใหญ่หรือเล็ก แต่พอดีกับคนที่อยู่ บางคนซื้อบ้านหลังใหญ่แต่ดูแลไม่ทั่วถึง บางคนซื้อบ้านหลังเล็กแต่กลับมีของเยอะ ทำให้เกิดปัญหาตามมา ผมคิดว่าคนที่จะตอบว่าบ้านนั้นพอดีหรือเปล่าก็คือเจ้าของบ้านนั่นแหละ
จีน่า : บ้านที่ดีคือบ้านที่มีพื้นที่ให้สมาชิกทุกคน ทุกคนในบ้านไม่ได้ถูกลืม เขาควรมีพื้นที่ให้พักใจจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะพ่อ แม่ ลูก หรือน้องหมาน้องแมว เขาก็ต้องมีพื้นที่ของเขา อีกอย่างคือบ้านที่ดีคือบ้านที่มีเสน่ห์ เข้าไปแล้วรู้เลยว่าสมาชิกในบ้านมีคาแร็กเตอร์แบบไหน
โบ๊ท : อย่างบ้านเรามีตาข่ายที่ระเบียง ให้เดาว่าเพราะอะไร
เดาไม่ถูกเลย เฉลยที
โบ๊ท : (หัวเราะ) เปล่า เราอยากให้แมวเดินออกไปที่ระเบียงได้ นี่แหละคือบ้านที่เป็นส่วนผสมของสมาชิกในบ้าน
แล้วจำเป็นไหมที่เราต้องจัดระเบียบบ้าน
จีน่า : แน่นอน โดยเฉพาะบ้านที่มีคนหลายคนอยู่รวมกัน ถ้าไม่มีระบบหรือระเบียบ เวลาซื้อของเข้าบ้านก็จะวางแบบแรนด้อม ซื้อมาเยอะเข้าของใหม่ก็ไม่มีที่ลง เพราะฉะนั้นบ้านควรมีระบบที่ทำให้การดูแลบ้านนั้นง่าย
โบ๊ท : ผมคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องอารมณ์ด้วย สมมติอยู่บ้านแล้วเศร้า มองไปทางไหนก็รก มันยิ่งเศร้ากว่าเดิม แต่เพียงแค่เราจัดบ้านใหม่ อารมณ์และมุมมองก็จะดีขึ้น
เคยมีโมเมนต์ที่รู้สึกว่าบ้านส่งผลต่ออารมณ์หรือมุมมองของเรามากๆ หรือเปล่า
จีน่า : มี เราเป็นคนชอบซื้อเสื้อผ้า สมัยก่อนตอนอยู่บ้านกับพ่อแม่ก็จะมีตู้เสื้อผ้าที่เทอะทะ ซึ่งเราไม่ชอบ แต่พอมาอยู่คอนโดฯ ของตัวเอง เราทำราวแขวนแบบโชว์ให้เห็นหมดทุกอย่างเลย แล้วรู้สึกมีความสุข สบายใจ รู้สึกว่าเราสามารถกำหนดชีวิตของตัวเองได้
คำว่าเป็นระเบียบของจีน่ากับโบ๊ทต่างกันไหม
จีน่า : ต่างมาก อาจฟังดูเซอร์ไพรส์ แต่เวลาจีน่าจัดบ้าน เราจะมองภาพรวมว่าสวยและใช้งานได้จริงหรือเปล่า แต่โบ๊ทเขาเป็นคนละเอียด
โบ๊ท : ผมชอบความสมมาตร เข้าเหลี่ยมเข้ามุม ปรับสีให้เข้ากัน
ก่อนจะมาเปิดธุรกิจจั๊ดบ้าน ทั้งสองคนจัดบ้านกันบ่อยแค่ไหน แล้วตอนไหนที่คิดได้ว่าสกิลที่เรามีสามารถทำเงินได้
จีน่า : จัดบ่อยมาก
โบ๊ท : เขาจะจัดไปเรื่อยๆ ไม่เคยฟิกซ์ เหมือนบ้านก็เปลี่ยนเวอร์ชั่นไปเรื่อยๆ เวลาเดินลงบันไดมาผมก็จะมีประโยคเด็ดว่า เออเวอร์ชั่นนี้ผมชอบนะ
จีน่า : เรารู้ตัวว่าเราเป็นคนขี้เบื่อ ฉะนั้นตอนซื้อบ้านหลังนี้ เราสร้าง build-in น้อยมาก เพราะเรารู้ว่าเราชอบเปลี่ยน ย้าย ขยับสิ่งต่างๆ ในบ้าน เมื่อก่อนตอนเราทำงานเป็นแอร์โฮสเตส เวลาไปเมืองนอกคนอื่นอาจจะซื้อกระเป๋า แต่เราแบกของแต่งบ้านหรือหนังสือแต่งบ้าน คือมันเป็นความชอบที่ไม่ต้องพยายามเลย
เราสนใจการจัดบ้านทุกแบบ ทั้งสไตล์ญี่ปุ่นแบบมินิมอล หรือสไตล์นิวยอร์กที่มีของเยอะๆ ชอบที่มันมีหลายแบบให้ได้ศึกษา แต่เราไม่เคยรู้ตัวนะว่าทำเป็นอาชีพได้ จนกระทั่งตอนที่ออกจากการเป็นแอร์โฮสเตส เราไปทำงานหลายที่ ทั้งดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ร้านกาแฟ แต่สุดท้ายก็มีเพื่อนเราคนหนึ่งชวนให้เราไปจัดบ้านเขา
ทำไมอยู่ๆ เขาก็ชวน
จีน่า : เขาเคยมาบ้านเราแล้วเห็นว่าเราจัดได้ หลังจากจัดบ้านเขา เพื่อนอีกคนก็เริ่มติดต่อมา สักพักก็เป็นเพื่อนของเพื่อน ไล่ไปถึงคนที่ไม่รู้จัก เราจึงเริ่มมานั่งคิดแล้วว่าจะทำเป็นอาชีพดีไหม แล้วจั๊ดบ้านก็ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนธันวาคมปี 2565
จั๊ดบ้านเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจแบบไหน
จีน่า : เราอยากให้การจัดบ้านนั้นสวย ไม่ว่าบ้านนั้นจะมีของเยอะแค่ไหน หลายคนมักมองว่าบ้านโล่ง ไม่มีของ เหมือนบ้านตัวอย่างคือสวย แต่เราอยากเปลี่ยนความคิดนั้นว่าบ้านที่มีของเยอะๆ ก็สวยได้ แต่เราต้องเลือกภาชนะที่เข้ากับบ้านและตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า
กระบวนการในการจัดบ้านของจั๊ดบ้านเป็นยังไง
จีน่า : เริ่มจากถามเป้าหมายของลูกค้า แต่ละคนมีเงื่อนไขแตกต่างกัน บางคนกำลังจะมีลูก บางคนกำลังจะเลี้ยงแมวในคอนโดฯ บางคนอยากชวนแฟนมาอยู่ด้วยกันแล้วอยากเคลียร์บ้าน แล้วแต่ลูกค้าเลย จากนั้นเราต้องทำพรีเซนต์เสนอเขา คล้ายๆ กับบอกคร่าวๆ ว่าเราจะปรับบ้านเขาให้มีหน้าตาเป็นแบบไหน และถามเขาเพิ่มเติมว่าสะดวกให้เจาะผนังหรือทิ้งของชิ้นไหน
ทำไมต้องจริงจังถึงขนาดทำพรีเซนต์ขายงาน
จีน่า : เพราะเรารู้สึกว่าเราไปยุ่งกับสิ่งของของเขา ส่วนใหญ่จะบอกเรื่องการเจาะผนังแหละ เพราะลูกค้าหลายคนค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่องนี้ การทำพรีเซนต์ก็เป็นการแปะเรฟเฟอร์เรนซ์ให้เขาเห็นว่าภาพในหัวเราคืออะไร เป้าหมายของเราคืออะไร
เราเป็นกึ่งโฮมสไตลิสต์ด้วย ลูกค้าบางคนอยากให้ก้าวเข้าไปแล้วไม่เห็นของเลย ฉะนั้นเราต้องใช้กล่องจัดระเบียบสีเขียวให้ไม่เห็นของ ในขณะที่บางคนอยากให้ก้าวเข้าบ้านแล้วเห็นสิ่งของทั้งหมด เราก็ใช้กล่องใส แต่ก่อนจะทำเราก็เอาภาพมาเทียบให้เขาดูนิดนึงว่าแบบไหนได้ประโยชน์อะไร
มีเกณฑ์ในการรับงานไหม บ้านแบบไหนที่จะอยากจัดและบ้านแบบไหนที่จะไม่จัดเด็ดขาด
โบ๊ท : เรารับมาหมดแล้ว บ้านเดี่ยว บ้านหลังเล็ก คอนโดใหญ่ คอนโดเล็ก ออฟฟิศก็มี
จีน่า : ด้วยความที่เพิ่งเปิดตัว เราจึงรับงานหมดเพราะอยากทดสอบตัวเอง มันจะมีรูปแบบการทำงานบางอย่างมากกว่าที่จะไม่รับ ปกติการทำงานของเราจะเริ่มจากไปบ้านลูกค้า วัดพื้นที่แล้วค่อยกลับมาออกแบบ แต่บางครั้งลูกค้าก็ขอให้ไปแล้วจัดเลย ซึ่งเราเคยรับแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ เราทำได้ดีกว่านี้ เคสแบบนี้คงไม่รับแล้ว หรืออย่างงานแพ็กของที่เราอาจไม่รับแล้ว เพราะคิดว่ามีคนอื่นที่ถนัดกับงานแพ็คมากกว่าเรา
โบ๊ท : หรืออย่างบ้านบางหลังที่ดูแล้วต้องทิ้งของมากกว่า 80% เหมือนให้เราโกยแล้วไปทิ้งมากกว่าการจัดระเบียบ เราก็อาจจะประเมินจากหน้างานก่อน
สเกลในการจัดบ้าน แล้วแต่ลูกค้าเลยใช่ไหม ลูกค้าบางคนอยากให้จัดบ้านทั้งหลัง บางคนก็แค่ให้จัดห้องห้องเดียว
จีน่า : ใช่ แต่ส่วนใหญ่ในการทำงาน เราจะทำไปทีละห้อง เพราะอย่างเวลาเราจัดครัว เราจะรื้อของทั้งหมดของครัวออกมาแล้วแบ่งประเภทแล้วค่อยจัด ถ้าเราทำหลายห้องพร้อมกันอาจจะมึน เพราะฉะนั้นเราจะบอกลูกค้าว่าทำได้ทีละห้อง
จัดบ้านตัวเองกับจัดบ้านของคนอื่น เหมือนหรือต่างกันยังไง
จีน่า : ต่างกันมาก
โบ๊ท : บางทีเราไม่รู้ว่าของชิ้นไหนทิ้งได้ คิดว่าเจ้าของเขาจะไม่เอาอยู่แล้ว แต่เขามาบอกว่าทิ้งไม่ได้นะครับ บางทีมันเป็นขวดซอสที่หมดอายุแล้วก็มี
จีน่า : จริงๆ ในการจัดครัวเราจะรู้สึกว่าง่ายเพราะอะไรหมดอายุก็ทิ้ง ไม่เหมือนเสื้อผ้าที่เจ้าของจะต้องเลือก แต่กรณีขวดซอสหมดอายุนี้เป็นกรณีแรกเลยที่เราเจอ ทำให้เราคิดว่าอาจจะต้องปรับมายด์เซตตัวเองก่อน
เราจึงปรับวิธีทำงาน สมมติเราต้องไปจัดบ้านให้เสร็จใน 2 วัน วันแรกเราจะรวบรวมของที่เสนอให้ทิ้ง เพื่อให้เจ้าของบ้านไปนอนทำใจสักคืนหนึ่งแล้วค่อยคอนเฟิร์ม บางคนก็ใจดีคัดให้เราก่อนตั้งแต่แรก เราก็จะลดค่าใช้จ่ายในการจัดบ้านไปได้ด้วย
หลักที่คุณตั้งไว้ในใจระหว่างจัดบ้านคืออะไร
จีน่า : หนึ่งคือต้องสวย เริ่มจากการเช็กของทุกชิ้นแล้วแบ่งประเภท แล้วต้องให้ของเหล่านั้นกลับเข้าที่แบบสวยขึ้น และใช้งานง่าย
นอกจากจัดประเภท เราอยากวางระบบให้ในบ้านด้วยการใช้กล่องจัดระเบียบ แล้วติดฉลากบอกเจ้าของบ้านไว้ว่ากล่องนี้คืออะไร ด้วยความที่เราเคยเป็นแอร์ แล้วครัวกลางมีกล่องติดฉลากแบบนี้ เวลาทุกคนเข้ามาจะรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน มันช่วยให้เราดูแลได้ง่ายขึ้น
เราเรียนเรื่องฮวยจุ้ยขั้นพื้นฐานมาบ้าง และกฎข้อแรกของฮวยจุ้ยคือบ้านต้องเรียบร้อย เหมือนว่าพลังงานเข้าบ้านมาแล้วพลังงานจะหมุนเวียนออกไปได้ นั่นคือเหตุผลที่เวลาเราจัดห้องเสร็จแล้วความรู้สึกของเจ้าของห้องจะเปลี่ยนทันที นี่ก็เป็นสิ่งที่เราอยากทำให้ได้ในทุกๆ กรณีที่เราไปจัด
โบ๊ท : บางครั้งการจัดบ้านช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในบ้านด้วย มีเคสหนึ่งลูกสาวจ้างให้เราไปจัดห้อง พอจัดเสร็จแม่เขามาเห็นก็คิดว่า เฮ่ย เป็นระเบียบเรียบร้อยได้นี่ เขาก็ไปทำห้องอื่นๆ ในบ้านต่อด้วยตัวเขาเอง กลายเป็นเราปลุกความเป็นคุณแม่จัดบ้านของเขาขึ้นมา
จีน่า : บางครั้งเราไม่ได้มายด์ว่าต้องจ้างเราทั้งหลังนะ ถ้าคุณรู้สึกว่าเหนื่อยเกินไปแล้วอยากให้เราไปเริ่มต้นสักห้องสองห้อง แล้วเขาทำต่อได้เราก็แฮปปี้แล้ว
โบ๊ท : มีบ้านหลังหนึ่งที่ครัวเขาใหญ่มาก เป็นครัวที่เละ รก ใช้ไม่ได้ แล้วเขาอยากมีครัวที่สามารถทำอาหารให้ครอบครัวเขากินได้ เลยจ้างเราไปปรับ สุดท้ายพอเราเคลียร์ให้ได้จริงๆ ภาพที่คุณแม่ทำอาหารให้ลูกกินก็กลับมา เราก็รู้สึกฟิน โอ้โห มันมีความหมายว่ะ
เท่าที่ฟังรู้สึกว่าการจัดบ้านเป็นงานที่ต้องใช้แรงกายแรงใจสูงมาก ในวันที่เหนื่อย อะไรทำให้คุณอยากทำต่อเรื่อยๆ
จีน่า : ระหว่างจัดบ้านไม่ค่อยมีปัญหา แต่ด้วยความที่เราจบศิลปะ อ่อนไหวง่าย ฉะนั้นเราจะใส่ความรู้สึกเข้าไปในงานเยอะ แล้วถ้าเจอลูกค้าที่ติเก่งหน่อยก็จะอ่อนไหวนิดหนึ่ง
แต่พอทำมาแล้วหนึ่งปีก็คิดว่าเราต้องปรับมายด์เซต เพราะการเป็นเจ้าของธุรกิจต้องมองปัญหาเป็นความท้าทาย แล้วจริงๆ ทุกวันนี้ก็ขอบคุณทุกปัญหาที่เข้ามาเพราะทำให้จั๊ดบ้านแข็งแรงขึ้น
จัดบ้านด้วยกันมาแล้วหนึ่งปี ค้นพบว่าอีกฝ่ายเก่งเรื่องอะไรที่สุด
จีน่า : โบ๊ทเก่งเรื่องทลายกำแพงกับลูกค้า บางครั้งเราถามลูกค้าว่าชอบอะไร เขาจะตอบเอาใจเรานิดนึงว่าขอสวยๆ ขอขาวๆ แต่โบ๊ทสามารถถามสิ่งที่ทลายกำแพงนั้นได้ เหมือนเขาสังเกตเห็นจุดที่ลูกค้าชอบจริงๆ และยอมเผยตัวตนกับเราได้เร็ว ซึ่งมันจำเป็นสำหรับการประเมินครั้งแรกมากๆ อีกข้อคือโบ๊ทเป็นนักสร้างบรรยากาศที่ทำให้ทีมงานจัดบ้านรู้สึกเอนจอย เขาจะเปิดเพลงตอนจัดตลอดเวลา นอกจากนั้นเขายังเป็นคนจัดบ้านสวยมาก หลายคนมักจะคิดว่าเขาเป็น ‘พี่ช่าง’ ถนัดเจาะ ยกตู้ แต่จริงๆ ถ้าเราแบ่งประเภทสิ่งของไว้แล้วให้เขาจัด เราก็ไว้ใจเขาได้เลย อย่างตอนไปจัดบ้านพี่โอมวง Cocktail เขาก็จัดฟิกเกอร์อุลตร้าแมนเป็นพันๆ ตัวได้สวยมาก
โบ๊ท : ส่วนจีน่าเก่งเรื่องวิชั่น ซึ่งเป็นหัวใจเลย บางครั้งผมนึกไม่ออกว่าบ้านหลังหนึ่งจะดีขึ้นได้ยังไงแต่เขามองปราดเดียวก็รู้แล้ว เขามีความสามารถในการประเมิน ดูภาพรวม และจัดระเบียบ ผมคิดว่ามุมมองของเขาที่มีความอบอุ่นและโฮมมี่ น่าจะเป็นจุดหลักของจั๊ดบ้านที่ทำให้คนมาซื้อบริการของเรา ลูกค้าบางคนกลายเป็นเพื่อน บางคนเลี้ยงข้าวเย็น จัดบ้านเสร็จก็คุยกันจนดึกดื่นเฉยเลย
ตอนทำงานด้วยกัน เคยมีจุดไหนที่เห็นไม่ตรงกันไหม แล้วประนีประนอมยังไง
จีน่า : ช่วงที่จั๊ดบ้านกำลังเติบโตก็มีความเห็นที่ต่างกันเยอะ ด้วยความเป็นสามีภรรยากัน ไม่รู้ว่าคู่อื่นเป็นหรือเปล่า แต่บางทีผู้ชายเขาจะโกหกเล็กๆ เพื่อให้ผู้หญิงสบายใจ นึกออกไหม
โบ๊ท : ลดดาเมจ
จีน่า : ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะ แต่เหมือนเขาจะติดนิสัยนั้นมาใช้กับการทำงาน เช่น เขาจะไม่พูดตรงๆ ว่าเขารู้สึกยังไง หรือจริงๆ เขามีงานแทรกเขาก็ไม่บอก อะไรแบบนี้ เพราะเขาอยากรักษาความรู้สึกเรา พอถึงวันงานจริงเขาไปรับงานอื่น งานของเราก็พลาด เราก็รู้สึกว่าไม่ได้นะ เธอต้องพูดกับเราตรงๆ เพราะมันส่งผลกระทบเรื่องงานนะ ก็ต้องมานั่งคุยกัน เพราะถ้าหากเขาอยากทดลองทำงานอื่นๆ เราจะได้แบ่งเวลาให้กันด้วย เราจะปล่อยให้เขาได้ไปทดลองอย่างอื่นด้วย
โบ๊ท : จริงๆ บทบาทหลักที่ผมทำอยู่คือวง The Yers แล้วช่วงปลายปีจะมีทัวร์เยอะมาก ประกอบกับจั๊ดบ้านโตเร็วกว่าที่คิด มีคิวเข้ามามากขึ้นทำให้คิวชนกัน กลายเป็นว่าเราบาลานซ์ได้ไม่ดีเอง อย่างที่จีน่าบอกว่าถ้าเราคุยกันตั้งแต่แรก เราจะได้หาวิธีแก้
จีน่า : แต่เราก็ขอบคุณเวลาที่เกิดปัญหา เพราะมันทำให้เรารู้แล้วว่ามันอาจเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง อนาคตก็จะไม่มีปัญหาแล้วเพราะเราแก้มันแล้ว
ในฐานะสามีภรรยา สิ่งที่คุณสองคนได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกันคืออะไร
โบ๊ท : ผมเคยเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคนที่ไม่สนิทก่อน แต่ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วเราต้องให้ความสำคัญกับคนที่ใกล้ที่สุดก่อน จั๊ดบ้านสอนผมแบบหนักๆ เรื่องนี้เลย เพราะบางทีเราลืมไปว่า ต่อให้มีปัญหาเข้ามา สุดท้ายเรายังกลับมาอยู่ด้วยกันอยู่ดี นั่นทำให้เรายิ่งต้องแคร์เขามากที่สุด
จีน่า : ได้เรียนรู้ว่าต่างคนต่างก็ต้องแข็งแรง ต้องไม่มาน้อยอกน้อยใจเรื่องงาน ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น ถ้าเรายิ่งเก็บมาเป็นอารมณ์มันยิ่งทำให้สถานการณ์แย่กว่าเดิม จริงๆ พอถอยออกมามองเราก็แก้ปัญหาได้อยู่แล้ว แค่ถอยความรู้สึกออกมามองภาพรวมแล้วก้าวต่อเท่านั้น
สำหรับคู่รักหลายคู่ การหาตรงกลางระหว่างงานกับความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ยาก คุณมีเคล็ดลับในการบาลานซ์สองสิ่งนี้ไหม
จีน่า : บางทีการได้ห่างกันบ้างมันโอเคนะ ตอนเขาไปทำงานของเขา เราไปกับทีมที่มีอยู่ แล้วสุดท้ายงานของทั้งเขาและเราก็สำเร็จอยู่ดี ไม่ได้จำเป็นว่าเราต้องตัวติดกันตลอดเวลาถึงจะสำเร็จ เราต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่เข้าใจว่าด้วยความเป็นสามีภรรยา เราจะมีความคาดหวังต่อกัน ซึ่งเราต้องมองตามความเป็นจริงมากๆ ว่าสถานการณ์รอบตัวเป็นยังไง มองในฐานะผู้บริหารธุรกิจแล้วไม่ใช้อารมณ์
โบ๊ท : บางทีในความสัมพันธ์จะมีภาพแห่งความคาดหวังอยู่ สมมติเราเห็นคู่อื่นที่สุดยอดเหลือเกิน เราจะหยิบมาเปรียบเทียบตลอด บางทีเราก็แบกภาพนั้นเองแบบไม่รู้ตัว เราต้องพยายามวางมายด์เซตนี้ลง
คุณสองคนมองอนาคตของจั๊ดบ้านไว้ยังไง
โบ๊ท : แน่นอนว่าอยากให้ธุรกิจโตและอยู่ได้ อยากให้เป็นธุรกิจครอบครัวธุรกิจหนึ่งที่ผมเอาใจมาฝากไว้ตรงนี้ได้มากขึ้น
จีน่า : เราอยากวางระบบให้จั๊ดบ้านไปจัดบ้านในจังหวัดอื่น คุณโบ๊ทชอบพูดบ่อยๆ ว่าพอเราไปจัดบ้านลูกค้า ไม่ว่าจะบ้านไซส์ไหน ทุกคนมีปัญหาหรือความทุกข์บางอย่าง เรารู้สึกอย่างน้อยการที่เราทำอาชีพนี้มันได้ช่วยให้เขาเคลียร์ใจไปสักเรื่องหนึ่ง ก็หวังว่าเขาจะได้เอาพลังจากการเคลียร์นี้ไปแก้ปัญหาเรื่องอื่นๆ ของเขา
บางงานเหนื่อยมากจริงๆ แต่พอจัดเสร็จแล้วเราแฮปปี้ ความคาดหวังของเราคืออยากทำให้ทุกบ้านค่อยๆ มีความสุขในบ้านตัวเองไปเรื่อยๆ ทีละห้องก็ยังดี
บทเรียนจากการทำธุรกิจจากสองผู้ก่อตั้งจั๊ดบ้าน
โบ๊ท : “สำหรับผม ทุกอย่างในการทำธุรกิจถือเป็นเรื่องใหม่มาก แต่พี่คนหนึ่งที่ทำธุรกิจเคยบอกว่าให้ลุยไปก่อน ทุกคำถามที่มีอยู่ในใจจะเจอคำตอบระหว่างทาง แค่ลองทำไปก่อน เดินหน้าไปก่อน แล้วก็เป็นตามที่เขาว่าจริงๆ”
จีน่า : “ธุรกิจสามารถเริ่มจากความชอบได้แต่การทำให้มันเติบโตต้องใช้อะไรมากกว่านั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เราอยากให้กำลังใจคนที่มีแพสชั่นว่า ตอนเริ่มต้นอาจจะยากแต่เมื่อคุณได้เริ่มต้นแล้ว คุณมีมูลค่ามากกว่าคนอื่นแน่ๆ อีกอย่างคือความจริงใจและความขยันเป็นเรื่องสำคัญมาก”