Stay Motivated
MoodActiv แบรนด์ชุดออกกำลังกายที่ตั้งคำถามว่าทำไมชุดออกกำลังกายต้องไร้สีสัน จนวันนี้มีสีมากกว่า 50 เฉด
ในวันที่การออกกำลังกายเป็นไลฟ์สไตล์ของผู้คน ทำให้ธุรกิจเสื้อผ้าที่ออกแบบสำหรับการออกกำลังกายและเล่นกีฬาโดยเฉพาะต่างก็พากันแข่งขัน ออกแบบสินค้าให้มีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานกับกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทว่าอีกหนึ่งเหตุผลที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเสื้อผ้าของผู้คนยังรวมไปถึงสีและความสวยงาม จนถึงขั้นมีคำกล่าวเล่นๆ ในการตัดสินใจเลือกซื้อเสื้อผ้าสีสดใสขึ้นมาว่า ‘ถ้าสีไม่แดง ก็ไม่มีแรงออกกำลังกาย’
เรื่องนี้เป็นเหตุให้ พิมพ์พรรณ ฉันทนารุ่งภักดิ์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง MoodActiv ได้วางแผนธุรกิจตั้งแต่เริ่ม
“MoodActiv เป็น Active Lifestyle Wear ที่มีเฉดสีมากกว่า 50 เฉด สามารถใส่ทำได้หลายกิจกรรม ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่น แล้วก็ทนทาน มีคุณภาพ ซึ่งทั้งหมดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนลุกออกมากำลังกาย ด้วยชุดและสีสันสวยๆ ของ MoodActiv”
นอกจากเสื้อผ้าออกกำลังกายต้องมีคุณภาพแล้ว จำนวนสีสันในสินค้าแต่ละรุ่นต้องมีให้เลือกทุกเฉดสี เพราะเธอเชื่อว่า การหยิบจับเสื้อผ้าสีต่างๆ มาแต่งตัวจะทำให้ลูกค้ารู้สึก สนุก ไม่จำเจ และอยากลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
ส่วนเบื้องหลังความพิเศษของแบรนด์ MoodActiv มีที่มาที่ไปยังไง บทสนทนานี้มีคำตอบ
อะไรที่ทำให้คุณสนใจมาเริ่มธุรกิจเสื้อผ้าออกกำลังกายเป็นของตัวเอง
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เราเป็นคนชอบออกกำลังกาย ใช้ชีวิตค่อนข้างแอ็กทีฟมาก ตอนเด็กๆ พ่อกับแม่ก็จะพาไปสวนลุมพินีช่วงเสาร์-อาทิตย์ตลอด ดังนั้นเราจะคุ้นชินกับการออกกำลังกาย จนกระทั่งช่วงที่เราไปเรียนที่ต่างประเทศ เราก็จับสังเกตตัวเองได้ว่า จะเป็นคนชอบใส่เสื้อผ้าออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา ด้วยความที่เขาไม่มีกฎเรื่องการแต่งกายในห้องเรียน เราก็จะใส่ชุดออกกำลังกาย ใส่กางเกงเลกกิ้ง ใส่เสื้อแจ็กเก็ตทุกๆ วัน เพราะพอหลังจากเรียนเสร็จเราก็จะไปออกกำลังกาย ไปวิ่งที่สวนสาธารณะต่อ
จุดนั้นแหละ ที่เราเริ่มรู้สึกว่าสิ่งนี้มันคือไลฟ์สไตล์แล้วนะ ไม่ได้เป็นแค่เสื้อผ้าออกกำลังกายแล้ว แต่ก็ต้องพูดตามตรงว่าประเทศไทยในวันนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ คนยังเอาชุดออกกำลังกายไปเปลี่ยนที่ยิม แล้วออกกำลังกายเสร็จก็เปลี่ยนชุดกลับ
แล้วอีกอย่างคือ พอเราได้ไปอยู่ในยิมหลายๆ ที่ ก็เริ่มสังเกตได้ว่า ทำไมชุดออกกำลังกายถึงไม่มีสีสันเลย ทำไมถึงมีแค่ สีน้ำเงิน ดำ เทา แล้วก็ไม่มีลูกเล่นที่ฉูดฉาดเท่าไหร่ เรื่องนี้มันสำคัญมากนะ เพราะพอเราต้องแต่งตัวแบบนี้ทุกวัน แล้วต้องใส่สีเดิมๆ กลายเป็นว่ามันเฉา มันจำเจ ก็เกิดเป็นคำถามตามมาอีกว่าทำไมชุดออกกำลังกายถึงมีสีสันไม่ได้
จุดนั้นทำให้เรารู้สึกอยากทำแบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายขึ้นมาเพื่อตอบคำถามและตอบโจทย์ตัวเรา ก็เลยเริ่มจากไปหาวัตถุดิบ ไปสอบถามคนที่ทำกิจกรรมต่างๆ กับเราว่าอยากใส่เสื้อผ้าแบบไหน แล้วด้วยความที่หุ้นส่วนอีกคนเขาชอบเล่นโยคะมากๆ ก็เลยคิดว่าสินค้าตัวแรกควรเป็นกางเกงที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และการออกกำลังกายที่มีความยืดหยุ่น ทำให้กางเกงที่เป็นสินค้าตัวแรกมีทั้งหมด 2 แบบ และก็มี 6 เป็นสีพาสเทล และสีดำกับน้ำเงิน
ในวันนั้นธุรกิจเสื้อผ้าออกกำลังกายในประเทศไทยเป็นยังไงบ้าง
ย้อนไปปี 2017 ผู้เล่นในตลาดนี้ยังมีน้อย ส่วนมากก็จะเป็นแบรนด์ใหญ่จากต่างประเทศ แบรนด์ของคนไทยเองก็อาจจะมีอยู่บ้าง แต่ก็นับมือได้ที่มีคนรู้จักและเลือกใส่
แต่วันนั้นในมุมของเราที่เป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ก็รู้สึกว่าตื่นเต้นนะ เพราะพอมันมีคนมาบุกตลาดตรงนี้ก่อนเราแล้ว ก็เลยเกิดเป็นความกังวลว่าจะทำได้ไหม
อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าแบรนด์ MoodActiv จะอยู่ได้ในตลาดเสื้อผ้าออกกำลังกายตอนนั้น
เริ่มจากความตั้งใจ และหลังเรียนปริญญาโทจบก็คิดว่าถ้าให้เราต้องลงทุนกับอะไรอีกสักอย่าง ก็คิดว่าควรเป็นธุรกิจ ที่เป็นเหมือนปริญญาจากการใช้ชีวิตอีกใบ ซึ่งถ้าสมมติว่าทำออกมาแล้วมันได้ดี ผลประโยชน์ก็ตกกับตัวเรา แต่ถ้าทำออกมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ มันก็เป็นประสบการณ์ที่เราได้ลอง เหมือนเราจ่ายเงินไปเรียนหนึ่งคอร์ส
ในช่วงเริ่มต้นมีการวางแผนยังไงบ้าง
เราเริ่มจากการตั้งคำถามว่าจะแตกต่างยังไงก่อน เพราะแบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายก็มีหลากหลายในตลาด ดังนั้นเลยต้องเริ่มจากการสำรวจตัวเองว่าเราชอบอะไร แล้วก็จะทำแบบนั้น
ซึ่งสำหรับชุดออกกำลังกาย เราคิดว่า เราอยากได้ชุดออกกำลังกายที่มีคุณภาพก่อน และต่อมาคือต้องสวย เพราะมันเป็นหนึ่งในเครื่องมือในการสร้างแรงบันดาลใจ ให้คนลุกขึ้นมาออกกำลังกายและอยู่กับตัวเอง ประมาณว่าถ้าวันนี้เราได้ใส่ชุดออกกำลังกายสวยๆ ก็จะรู้สึกอยากออกไปทำอะไรมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายคือการสร้างคอมมิวนิตี้ให้กับคนที่รักการทำกิจกรรมที่เหมือนกัน ซึ่งทั้งหมดก็คือหลักการ 3 ข้อของแบรนด์ MoodActiv จากนั้นจึงค่อยๆ ขยายต่อไปว่า จะทำ 3 อย่างนี้ให้มันตอบโจทย์ตลาดได้ยังไงบ้าง
ผลตอบรับเป็นยังไง
ดีกว่าที่คิด เพราะว่าเรามีเพื่อนเยอะ (หัวเราะ) ตอนแรกขายให้กับเพื่อนที่รู้จักก่อนเลย คือพอเราทำสินค้ามา คนที่อยากซัพพอร์ต อยากช่วยเหลือก็คือเพื่อนเรา หรือเวลาที่เราใส่ไปทำกิจกรรมต่างๆ คนเห็นว่าสีแปลกตาดี ก็จะเริ่มเข้ามาถามว่าแบรนด์ของอะไร ก็จะขายได้จากจุดนั้น
ซึ่งตอนนั้นในมุมเราก็ใจชื้นนะ ที่เห็นมันขายได้ มันไปต่อไหว จากนั้น 4 เดือนต่อมาก็เลยออกสีใหม่เลย กลายเป็น 10 สี ใน 6 เดือนแรก
ถ้าหากต้องอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ MoodActiv ทำอยู่ ให้กับคนที่เพิ่งสนใจเสื้อผ้าออกกำลังกาย จะอธิบายว่าอะไร
เราจะบอกว่าเป็น Active Lifestyle Wear ที่มีเฉดสีมากกว่า 50 เฉด สามารถใส่ทำได้หลายกิจกรรม ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่น แล้วก็ทนทาน มีคุณภาพ ซึ่งทั้งหมดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนลุกออกมากำลังกาย ด้วยชุดสวยๆ ของ MoodActiv
ฟังดูแล้ว MoodActiv เป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสีมาก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
จริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้อินเรื่องสีขนาดนี้นะ จนมาทำแบรนด์ตัวเอง ก็เริ่มเข้าใจว่าแต่ละสีมันก็ส่งผลต่ออารมณ์แต่ละแบบ คุณลองไปสังเกตตัวเองก็ได้ ว่าถ้าสัปดาห์ไหนเราอารมณ์ดี เราจะมักหยิบจับอะไรมาแต่งกายให้ดูฉูดฉาด ดูสนุก มีลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เสมอ ซึ่งเราก็อยากให้สินค้าของแบรนด์เป็นตัวเลือกในการทำให้อารมณ์ในแต่ละวันของเขาดีขึ้น
เราเลยเชื่อว่าสีมันส่งผลกับจิตใจค่อนข้างเยอะ โดยที่คนหลายคนอาจไม่ค่อยรู้ตัว เช่นเวลาที่เราบอกว่าหากคุณรู้สึกไม่สบายใจก็มองสีเขียวสิ คิดในอีกมุมหนึ่งถ้าคุณมีชุดออกกำลังกายสีเขียว แล้วคุณส่องกระจกทั้งวัน คุณก็จะรู้สึกว่ามันผ่อนคลายมากกว่าเดิมในตลอดทั้งวัน
ถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายเลย จะซื้อสินค้าของ MoodActiv ได้ไหม
ได้ เราจะขายเขาแบบนี้ เราจะบอกว่าแบรนด์นี้คือ Active Lifestyle Wear ที่อย่างน้อยควรมีไว้ติดบ้าน
เพราะชีวิตของคนมันต้องดำเนินไปด้วยความแอ็กทีฟทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าคุณอยากรู้สึกแอ็กทีฟ ก็ลองหาอะไรที่เป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณรู้สึกแอ็กทีฟดูสิ ซึ่ง MoodActive เรามีสินค้าที่ตอบโจทย์คุณตั้งแต่ไซส์ XXS จนถึงไซส์ XL สินค้ามีหลายแบบ หลากสีสัน เลือกตามใจชอบได้เลย ลองเลือกลองใส่ดูก่อน แล้วหลังจากนั้นเราจะรู้สึกว่ามันแอ็กทีฟเอง
หรือบางคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่ก็ยังใส่เสื้อผ้าลำลองทั่วไปอยู่ คนกลุ่มนี้ MoodActiv จะตีตลาดยังไงดี
เราอยากให้ลองหาเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์กับกิจกรรมที่ทำอยู่ เพราะความรู้สึกระหว่างออกกำลังกายสำคัญมากๆ มันสามารถทำให้การออกกำลังกายมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้เลย เพียงแค่เปลี่ยนมาสวมใส่ชุดที่มีคุณภาพดีๆ ยกตัวอย่าง ถ้าเราไปวิ่งด้วยเสื้อยืด กางเกงสแล็ก วิ่งแล้วเสื้อมันไม่ระบายอากาศ เสื้อมันอุ้มน้ำระหว่างวิ่ง เราก็จะรู้สึกไม่อยากวิ่งแล้ว มันร้อน มันเทอะทะ แต่ถ้าเราใส่เสื้อผ้าที่มันกระชับ ระบายอากาศได้ดี ซับเหงื่อได้ดี เราก็อยากจะวิ่งต่อ มันทำให้การออกกำลังกายของเราดีขึ้น
โยคะก็เช่นกัน ถ้าเราใส่กางเกงที่มันเทอะทะ หรือมันไม่พอดี ตัวใหญ่เกินไป เวลาเราทำท่าต่างๆ มันก็จะทำได้ไม่สุด เราจะรู้สึกว่าไม่อยากเล่นแล้ว เดี๋ยวค่อยเล่นแล้วกัน แต่ถ้าเราใส่เสื้อผ้าที่มันกระชับ เข้ารูป พอดีตัว แล้วเวลาที่เราเล่นก็ไม่พะรุงพะรัง เราก็จะรู้สึกว่าเล่นต่อไปได้
ซึ่งเรื่องแบบนี้เราก็ค้นพบจากตัวเอง เพราะเมื่อก่อนเราใส่เสื้อยืดไปวิ่งสวนสาธารณะ เราไม่กล้าใส่แขนกุด เรารู้สึกว่าอายจังเลย แขนเราใหญ่หรือเปล่า ใส่แล้วจะดำไหม ใส่เสื้อยืดไปวิ่ง จนสุดท้ายก็รู้สึกไม่อยากวิ่ง กลายเป็นความรู้สึกว่าแทนที่เราจะทำได้ดีกว่านี้ แต่เราทำไม่ได้ เพราะชุดไม่ได้เหมาะกับการทำกิจกรรม
อีกหลายคนที่อยากใส่เสื้อผ้าออกกำลังกาย แต่เขาไม่มีความมั่นใจในหุ่นและรูปร่าง มีกลยุทธ์สำหรับกลุ่มลูกค้าตรงนี้ยังไงบ้าง
อยากจะบอกว่าทุกคนจะมีความชอบเรื่องรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันไป ความมั่นใจก็เช่นกัน อยากให้ทุกคนเริ่มจากความมั่นใจในตัวเองก่อน ทุกวันนี้มันไม่มีบรรทัดฐานตายตัวแล้วว่า แบบไหนคือหุ่นดี ดังนั้นสิ่งที่เราอยากจะบอกคือ ลองเปิดใจและเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองมั่นใจก่อน สมมติคุณไม่มั่นใจเรื่องแขนใหญ่ ลองตั้งเป้าหมายตัวเองก่อนว่า จะเริ่มลดหุ่น ทำให้แขนเล็กลงยังไง แล้วก็ค่อยๆ ทำตามเป้าหมาย โดยให้ชุดของ MoodActiv เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ด้วย
ถ้าให้แบ่งสัดส่วนระหว่างความสวยงามกับคุณภาพในการใช้งาน MoodActiv ในวันนี้มีสัดส่วนยังไง
เราให้ 50/50 เลย คือถ้าความสวยงามอย่างเดียวแล้วใช้งานไม่ได้ เราก็ไม่อยากใส่ออกกำลังกาย หรือถ้ามันใช้งานได้อย่างเดียวแล้วไม่สวยเลย เราก็ไม่อยากใส่ออกไปเจอใครเหมือนกัน ดังนั้นเราให้น้ำหนักกับทั้ง 2 เรื่องนี้เท่ากัน
ในขณะเดียวกันปัจจุบันมีแบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายใหญ่ๆ จากต่างประเทศมากมายมาทำตลาดในประเทศไทย คำถามคือ MoodActiv จะสู้กับตลาดตรงนั้นยังไง
เราว่าหลักการ 3 เรื่อง ทั้งคุณภาพ การสร้างแรงบันดาลใจ และการสร้างคอมมิวนิตี้น่าจะเป็นจุดต่างได้ เพราะอย่างแบรนด์ใหญ่เขาอาจจะโฟกัสเรื่องอื่นๆ ที่ต่างจากเรา โดยเฉพาะเรื่องการสร้าง motivation หรือแรงบันดาลใจ และคอมมิวนิตี้
เรื่องการสร้างคอมมิวนิตี้คนรักการออกกำลังกายก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ MoodActiv ให้ความสำคัญมาก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
มันเกิดจากการที่เราเป็นคนชอบทำ ชอบลองหลากหลายกิจกรรม แล้วแต่ละครั้งที่ไปลองกิจกรรมอะไรใหม่ๆ เรามักเกิดความรู้สึกว่าถ้าลูกค้าของเราได้ลองจะเป็นยังไงนะ
ดังนั้นถ้าลูกค้าไม่เคยลอง เราอยากจะเป็นตัวแทนที่ทำให้ลูกค้าได้ลองอะไรใหม่ๆ ถ้าเขาชอบก็ค่อยไปสานต่อเอาเอง ทำให้เราชอบจัดกิจกรรมหรืออีเวนต์ต่างๆ เช่น โยคะ, indoor cycling, Barre exercise class หรือ functional training class ให้ลูกค้าได้มาลองกัน
แล้วเราจะรู้สึกดีมากๆ เวลาที่เขาบอกว่า เฮ่ย มาลองเล่นโยคะกับเราแล้วชอบมากเลย จนหลังจากนั้นเขาไปสมัครคอร์สโยคะเล่นเอง อะไรแบบนี้จะรู้สึกดีใจมากๆ เพราะเหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้แรงบันดาลใจ เพื่อที่เขาไปสานต่อได้
เรื่องนี้ส่งผลต่อธุรกิจยังไง
พูดกันตามตรง การจัดกิจกรรมต่างๆ เราไม่ได้เงินเลย แต่เรารู้สึกว่ามันจะเป็นการช่วยส่งต่อแรงบันดาลใจในมุมกว้าง สมมติว่าคนนี้ได้ลอง แล้วเขาไปบอกต่อกับเพื่อน ก็มีโอกาสที่เพื่อนเขาจะกลับมาซื้อ มาเป็นลูกค้ามากขึ้น
จนถึงตอนนี้ MoodActiv มีกิจกรรมอะไรที่ทำร่วมกับลูกค้าไปแล้วบ้าง
มี indoor cycling ที่ทำเป็น neon session ด้วย เพราะตอนนั้นเราออกกางเกงสีนีออนพอดี ก็ไปใส่ให้สะท้อนแสงในงานเลยวันนั้น นอกจากนั้นก็มี Barre exercise class มี functional training รวมไปถึงทริปต่างจังหวัด ที่มีทั้งโยคะ และ sound healing
ล่าสุดเมื่อตอนครบรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ด้วยความที่ช่วงนี้เราอินกับเรื่องสุขภาพ (wellness) มากๆ ซึ่งไม่ใช่แค่การดูแลร่างกายให้ดี แต่เป็นเรื่องของการดูแลจิตใจให้ดีด้วย ทำให้ล่าสุดเราก็ไปจัดงานที่สวนสามพราน ภายใต้คอนเซปต์ ‘in the MOOD for wellness’ เพื่อให้คนได้เข้าใจว่า ทำไมคนเราต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ เราจะฝึกจิตใจเราให้ดียังไง มีการทำสมาธิในรูปแบบไหนบ้าง ทั้งหมดก็เพื่อให้คำว่าสุขภาพมันครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ
อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจคือ การหันมาขายเสื้อผ้าออกกำลังกายสำหรับผู้ชาย จุดนี้มีความท้าทายยังไงบ้าง
สำหรับเรา การทำชุดออกกำลังกายผู้ชายไกลตัวมาก เพราะว่าชีวิตเรารายล้อมด้วยผู้หญิงมาตลอด ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือไปถามผู้ชายในยิม ว่าชุดออกกำลังกายผู้ชายเป็นยังไง เขาต้องการอะไรบ้าง ซึ่งเราก็เริ่มทำชุดผู้ชายมาได้ปีกว่าแล้ว แต่ก็ยังคิดว่าต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
อีกอย่างคือเราก็สังเกตเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ชายและผู้หญิงไม่เหมือนกัน
คือผู้หญิงคือ ฉันมีชุดออกกำลังกาย 20-30 ตัวได้ในตู้เสื้อผ้า แต่ผู้ชายไม่ใช่ อันนี้เป็นความยากของตลาด แต่ในอนาคตเราก็คาดการณ์ว่า healthy lifestyle ผู้ชายที่อยากดูแลตัวเอง แล้วก็แต่งตัวให้แฟชั่นจะมีมากขึ้น ซึ่งเราก็อยากเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์เมื่อเวลานั้นมาถึง
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา MoodActiv มีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง
สิ่งแรกที่สังเกตได้คือ เราก้าวข้ามผ่านความกลัวในหลายๆ เรื่อง จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าทำกางเกงสไตล์เดียวแล้วให้คนใส่ได้ทุกกิจกรรม แต่พอเอาเข้าจริง มันไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้ กางเกงขายาวจะไปใส่ลงน้ำมันก็ไม่ใช่ จนตอนนี้เรามีสินค้าหลากหลาย ขยายออกไปมากๆ
ดังนั้นการปรับตัวตามโลก ตามเทรนด์ มันคือเรื่องสำคัญ เราต้องตามโลกให้ทัน ต้องรู้ว่าคนชอบแบบไหน กำลังสนใจเรื่องอะไร เราไม่สามารถเอาตัวเองเป็นที่ตั้งได้ตลอดเวลา ส่วนเรื่องการรีแบรนด์ เรามีแผนจะทำช่วงต้นปีหน้า ก็รอติดตามกันได้เลย
ความแตกต่างของธุรกิจเสื้อผ้าออกกำลังกายระหว่างก่อนและหลังโควิด-19 ต่างกันยังไงบ้าง
เราพูดเรื่องเทรนด์ก่อนละกัน เรารู้สึกว่าคนหันมาดูแลสุขภาพกันเยอะมากขึ้น อาจเพราะส่วนหนึ่งมาจากการ work from home ทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งรถติดบนท้องถนน คนก็เริ่มหันมาดูแลตัวเอง ลูกค้าหลายคนบอกกับเราว่า เขาซื้อชุดออกกำลังกายไปใส่ทำงาน คลุมด้วยเบลเซอร์หรือสูท เขาเล่าว่าก็ใส่ชุดนี้ไปเลย แล้วหลังเลิกงานก็ไปออกกำลังกาย ไม่ต้องเปลี่ยนชุดอีก อะไรแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่อาจเห็นได้มากขึ้นในอนาคตข้างหน้า
ส่วนตลาดชุดอออกกำลังกายมันก็โตขึ้น มีหลายแบรนด์กระโดดเข้ามาไม่ซ้ำหน้าเลย ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องดี เพราะทุกคนจะเข้ามาให้ความรู้เรื่องเสื้อผ้าออกกำลังกาย ทำให้ลูกค้าเข้าใจมากขึ้น ว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญ และเห็นว่าการใส่ชุดออกกำลังกายในชีวิตประจำวันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพราะมันเป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์
หลังจากนี้จะได้เห็นอะไรจาก MoodActiv ในอนาคต
เราจะมีการรีแบรนด์เล็กน้อย ทำและจัดกิจกรรมมากขึ้น เพราะตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องการออกกำลังกายแล้ว แต่เป็นเรื่องของสภาวะจิตใจของคนด้วย
ซึ่งมันอาจหมายถึงการทำ motivation talk อันนี้เป็นความฝันของเราเลย กับการเอาคนมานั่งคุยกันว่า ภายใต้ความกลัวนั้นเราก้าวผ่านมาได้ยังไง เรามั่นใจว่าเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่ไม่มีความมั่นใจ อาจจะทำให้เข้าใจ และก้าวผ่านอะไรบางอย่างได้
นอกจากนี้จะมีการไปร่วมงานกับแบรนด์หนึ่ง ที่ใช้ผ้าทำมาจากการรีไซเคิลขวดพลาสติก ทำให้นอกจากจะได้เสื้อผ้าที่คุ้มค่าและทนทานแล้ว เราก็อยากทำอะไรที่ช่วยโลก ทำอะไรที่มันยั่งยืนกับธรรมชาติด้วย
ในปัจจุบันแบรนด์ไม่ได้พูดถึงแค่ความยั่งยืนทางร่างกาย แต่เป็นความยั่งยืนทางจิตใจด้วยใช่ไหม เรื่องนี้สำคัญยังไง
เราเชื่อว่าเรื่องจิตใจสำคัญมากๆ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้น และส่งผลต่อหลายๆ สิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิด การใช้ชีวิต การพักผ่อน ซึ่งหากจิตใจเราไม่แข็งแรง ร่างกายเราก็ไม่สามารถแข็งแรงได้ เราอยากเป็นแบรนด์ จะทำให้คนมีจิตใจแจ่มใส มีแรงบันดาลใจไม่มากก็น้อย และอยากช่วยเสริมความมั่นใจให้กับหลายคนที่ยังรู้สึกไม่มั่นใจ การทำ motivation talk ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้คนรับรู้ว่ามีหลายคนที่เป็นเหมือนกับเรา ก็อยากให้คนเหล่านั้นมาเล่า มาแบ่งปันกันว่ารับมือกับความรู้สึกตรงนี้และก้าวผ่านมันไปยังไงบ้าง
ในวันนี้ ความสุขที่ได้จากการทำแบรนด์ MoodActiv ของตัวคุณคือเรื่องอะไร
เรื่องแรกคือการเห็นคอมมิวนิตี้เติบโต และคนหันมาใส่ใจร่างกายและจิตใจมากยิ่งขึ้น เวลาเราจัดกิจกรรมแล้วมีลูกค้ามากหน้าหลายตาเข้ามามากขึ้น ก็เป็นความสุขที่เกิดขึ้นกับตัวเรา
อีกเรื่องคือการได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อแรงบันดาลใจ และช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคนอื่น ในปีนี้มานั่งคิดทบทวนกับตัวเอง ก็เพิ่งรู้ว่า ถึงวันนี้เราชวนคนมาออกกำลังกาย มาทำกิจกรรมต่างๆ กันเยอะมาก แล้วเขาก็กลายเป็นคนที่รักตัวเอง รักร่างกายตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นอีกสิ่งที่อยากให้เกิดต่อไปในอนาคต