382
September 13, 2023

Capital M.B.A. Short Note

Mapping Identity for Entrepreneur วิชารู้จักตัวตนเพื่อสร้างธุรกิจที่พอดีกับตัวเอง

ในโลกธุรกิจ เคยสงสัยไหมว่าเพราะเหตุใดแม้จะขายของประเภทเดียวกัน อยู่ในธุรกิจเดียวกัน แต่สุดท้ายปลายทางผลิตภัณฑ์ โมเดลธุรกิจ รวมถึงวิธีคิดในการบริหารองค์กรจึงแตกต่างกัน

นั่นเป็นเพราะคุณค่าและตัวตนของเจ้าของธุรกิจแต่ละคนไม่เหมือนกัน–และไม่มีทางเหมือนกัน ดังนั้นในการสร้างธุรกิจหากผู้ประกอบการหรือคนทำงานรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้ง ก็จะทำให้สามารถสร้างในสิ่งที่คนอื่นลอกเลียนไม่ได้และตัดสินใจจากคุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง 

Capital จึงร่วมกับ RISE เจ้าของหลักสูตร ETX (Entrepreneur Transformation Xponential) จัดเวิร์กช็อป ‘Mapping Identity for Entrepreneur วิชารู้จักตัวตนเพื่อสร้างธุรกิจที่พอดีกับตัวเอง’ เพื่อให้เหล่าผู้ประกอบการได้ค้นหาความหมายและนิยามความเป็น Entrepreneurial Leaders ในสไตล์ของแต่ละคนเพื่อสร้างธุรกิจที่สะท้อนคุณค่าได้ตรงกับตัวเรามากที่สุด โดยมีวิทยากรคือ วิว–กัญญาณัฐ พะเนียงทอง General Manager ของหลักสูตร ETX

สำหรับผู้ที่พลาดไป เราสรุปวิธีการค้นลึกไปยังตัวตนเบื้องต้นไว้แล้ว 3 ขั้นตอนดังนี้

‘Step 1 : ทำความเข้าใจตัวตน (identity) 3 แบบของตัวเอง’

ขั้นแรกเริ่มจากการทำความเข้าใจตัวตนและคาแร็กเตอร์ของตัวเองในปัจจุบันด้วยการนึกถึงที่มาที่ไปที่ทำให้เราเป็นตัวเองในทุกวันนี้ โดยตัวตนของคนเราสามารถจำแนกได้ 3 แบบคือ

  1. Given สิ่งที่พระเจ้าให้มาหรือเกิดมาก็เป็นแบบนี้โดยที่สถานการณ์บังคับและไม่ได้เลือกเอง เช่น อายุ เพศ ลักษณะภายนอก สถานะในครอบครัว สัญชาติ สถานภาพ
  2. Chosen สิ่งที่เราเลือกเองที่จะเป็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี เช่น อาชีพ งานอดิเรก บทบาทในครอบครัว ที่อยู่อาศัย ศาสนา เพศ นิสัย สถานะการศึกษา คณะที่จบ ความชอบ ความสนใจ คาแร็กเตอร์
  3. Core สิ่งที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์และแตกต่างจากคนอื่น เช่น นิสัย ความเชื่อ คุณค่า ทักษะ

ลองลิสต์คำที่สะท้อนตัวตนแต่ละแบบทั้ง Given, Chosen, Core ให้มากที่สุด โดยสามารถเขียนทั้งคำในแง่บวกและลบ

‘Step 2 : สำรวจสิ่งสำคัญของตัวเองด้วยเกณฑ์ 4 แบบ’

ในบรรดาคุณค่าทั้งหมดของตัวเรามีทั้งสิ่งที่เป็นทั้งจุดแข็งสำคัญและจุดอ่อนพิเศษที่โดดเด่นกว่าอันอื่น ขั้นตอนนี้จะให้เรากลับมาตกตะกอนว่าอะไรคือสิ่งสำคัญจริงๆ สำหรับตัวเองที่ควรโฟกัสเพื่อทำให้ดีขึ้นหรือพัฒนาขึ้น วิธีง่ายๆ คือกลับมาดูคำที่เขียนไปทั้งหมดในสเตปแรกแล้วขีดเส้นใต้คำที่รู้สึกว่าสำคัญในเบื้องลึก (Important) ใส่เครื่องหมายบวกในสิ่งที่เป็นจุดแข็ง (Contribute) ใส่เครื่องหมายลบในสิ่งที่สกัดกั้นคุณในการทำงานหรือเป็นผู้นำของทีม (Detract) และใส่สัญลักษณ์คำถามในสิ่งที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ (Vary) สิ่งเหล่านี้จะทำให้เห็นส่วนสำคัญที่เก่งอยู่แล้วและนำไปพัฒนาในอนาคต

โดยเกณฑ์ประเมินตัวตนทั้ง 4 แบบมีดังนี้

— Important : สิ่งสำคัญที่บรรยายตัวตนและความเป็นตัวคุณ
+  Contribute : จุดแข็งที่ทำให้คุณเป็นผู้นำและส่งมอบคุณค่าให้ผู้อื่นได้
–   Detract : จุดอ่อนที่ขัดขวางการเป็นผู้นำ
?  Vary : เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ อาจเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน

Step 3 : หาจุดที่พอดีในการทำธุรกิจด้วย Entrepreneurial Decision Zone

ตัวตนและคุณค่าทั้งหมดของเราเหล่านี้ที่คิดในกระบวนแรกและกระบวนการที่สองล้วนสะท้อนไปยังทุกการตัดสินใจในธุรกิจ (Instinct Decision) ของเจ้าของธุรกิจในฐานะที่เป็นผู้นำในองค์กร คุณค่าสำคัญ (Important) จากขั้นตอนที่ 2 สามารถพัฒนาเป็นวิชชั่นและมิชชั่นในการทำธุรกิจได้ ส่วนจุดแข็ง (Contribute) และจุดอ่อน (Detract) ของตัวเราก็เป็นทักษะที่สามารถให้ประโยชน์กับทีมหรือเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งให้องค์กรการทำงานช้าลงจากนิสัยและตัวตนของเรา เป็นต้น

โดยตัวตนสำคัญที่ขีดเส้นใต้ไว้ทั้งหมดทั้งแง่บวกและลบในขั้นตอนที่ 2 เมื่อรวมกันแล้วเรียกว่า ZOPT (Zone of Fit Strategy) คือสไตล์การเป็นผู้นำที่เป็นเอกลักษณ์และคนอื่นก๊อปปี้คุณไม่ได้ แบ่งออกเป็น Contribution Gap จุดแข็งที่เราถนัดในการช่วยทีมและ Competency Gap สิ่งที่เราไม่ถนัดแต่สามารถพัฒนาได้ในอนาคต

เมื่อรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้งแล้วจะทำให้สามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้ รวมถึงถ่ายทอดตัวตนสู่ธุรกิจได้อย่างยั่งยืนมากที่สุด