Capital M.B.A. Short Note
Mapping Identity for Entrepreneur วิชารู้จักตัวตนเพื่อสร้างธุรกิจที่พอดีกับตัวเอง
ในโลกธุรกิจ เคยสงสัยไหมว่าเพราะเหตุใดแม้จะขายของประเภทเดียวกัน อยู่ในธุรกิจเดียวกัน แต่สุดท้ายปลายทางผลิตภัณฑ์ โมเดลธุรกิจ รวมถึงวิธีคิดในการบริหารองค์กรจึงแตกต่างกัน
นั่นเป็นเพราะคุณค่าและตัวตนของเจ้าของธุรกิจแต่ละคนไม่เหมือนกัน–และไม่มีทางเหมือนกัน ดังนั้นในการสร้างธุรกิจหากผู้ประกอบการหรือคนทำงานรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้ง ก็จะทำให้สามารถสร้างในสิ่งที่คนอื่นลอกเลียนไม่ได้และตัดสินใจจากคุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง
Capital จึงร่วมกับ RISE เจ้าของหลักสูตร ETX (Entrepreneur Transformation Xponential) จัดเวิร์กช็อป ‘Mapping Identity for Entrepreneur วิชารู้จักตัวตนเพื่อสร้างธุรกิจที่พอดีกับตัวเอง’ เพื่อให้เหล่าผู้ประกอบการได้ค้นหาความหมายและนิยามความเป็น Entrepreneurial Leaders ในสไตล์ของแต่ละคนเพื่อสร้างธุรกิจที่สะท้อนคุณค่าได้ตรงกับตัวเรามากที่สุด โดยมีวิทยากรคือ วิว–กัญญาณัฐ พะเนียงทอง General Manager ของหลักสูตร ETX
สำหรับผู้ที่พลาดไป เราสรุปวิธีการค้นลึกไปยังตัวตนเบื้องต้นไว้แล้ว 3 ขั้นตอนดังนี้
‘Step 1 : ทำความเข้าใจตัวตน (identity) 3 แบบของตัวเอง’
ขั้นแรกเริ่มจากการทำความเข้าใจตัวตนและคาแร็กเตอร์ของตัวเองในปัจจุบันด้วยการนึกถึงที่มาที่ไปที่ทำให้เราเป็นตัวเองในทุกวันนี้ โดยตัวตนของคนเราสามารถจำแนกได้ 3 แบบคือ
- Given สิ่งที่พระเจ้าให้มาหรือเกิดมาก็เป็นแบบนี้โดยที่สถานการณ์บังคับและไม่ได้เลือกเอง เช่น อายุ เพศ ลักษณะภายนอก สถานะในครอบครัว สัญชาติ สถานภาพ
- Chosen สิ่งที่เราเลือกเองที่จะเป็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี เช่น อาชีพ งานอดิเรก บทบาทในครอบครัว ที่อยู่อาศัย ศาสนา เพศ นิสัย สถานะการศึกษา คณะที่จบ ความชอบ ความสนใจ คาแร็กเตอร์
- Core สิ่งที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์และแตกต่างจากคนอื่น เช่น นิสัย ความเชื่อ คุณค่า ทักษะ
ลองลิสต์คำที่สะท้อนตัวตนแต่ละแบบทั้ง Given, Chosen, Core ให้มากที่สุด โดยสามารถเขียนทั้งคำในแง่บวกและลบ
‘Step 2 : สำรวจสิ่งสำคัญของตัวเองด้วยเกณฑ์ 4 แบบ’
ในบรรดาคุณค่าทั้งหมดของตัวเรามีทั้งสิ่งที่เป็นทั้งจุดแข็งสำคัญและจุดอ่อนพิเศษที่โดดเด่นกว่าอันอื่น ขั้นตอนนี้จะให้เรากลับมาตกตะกอนว่าอะไรคือสิ่งสำคัญจริงๆ สำหรับตัวเองที่ควรโฟกัสเพื่อทำให้ดีขึ้นหรือพัฒนาขึ้น วิธีง่ายๆ คือกลับมาดูคำที่เขียนไปทั้งหมดในสเตปแรกแล้วขีดเส้นใต้คำที่รู้สึกว่าสำคัญในเบื้องลึก (Important) ใส่เครื่องหมายบวกในสิ่งที่เป็นจุดแข็ง (Contribute) ใส่เครื่องหมายลบในสิ่งที่สกัดกั้นคุณในการทำงานหรือเป็นผู้นำของทีม (Detract) และใส่สัญลักษณ์คำถามในสิ่งที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ (Vary) สิ่งเหล่านี้จะทำให้เห็นส่วนสำคัญที่เก่งอยู่แล้วและนำไปพัฒนาในอนาคต
โดยเกณฑ์ประเมินตัวตนทั้ง 4 แบบมีดังนี้
— Important : สิ่งสำคัญที่บรรยายตัวตนและความเป็นตัวคุณ
+ Contribute : จุดแข็งที่ทำให้คุณเป็นผู้นำและส่งมอบคุณค่าให้ผู้อื่นได้
– Detract : จุดอ่อนที่ขัดขวางการเป็นผู้นำ
? Vary : เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ อาจเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
Step 3 : หาจุดที่พอดีในการทำธุรกิจด้วย Entrepreneurial Decision Zone
ตัวตนและคุณค่าทั้งหมดของเราเหล่านี้ที่คิดในกระบวนแรกและกระบวนการที่สองล้วนสะท้อนไปยังทุกการตัดสินใจในธุรกิจ (Instinct Decision) ของเจ้าของธุรกิจในฐานะที่เป็นผู้นำในองค์กร คุณค่าสำคัญ (Important) จากขั้นตอนที่ 2 สามารถพัฒนาเป็นวิชชั่นและมิชชั่นในการทำธุรกิจได้ ส่วนจุดแข็ง (Contribute) และจุดอ่อน (Detract) ของตัวเราก็เป็นทักษะที่สามารถให้ประโยชน์กับทีมหรือเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งให้องค์กรการทำงานช้าลงจากนิสัยและตัวตนของเรา เป็นต้น
โดยตัวตนสำคัญที่ขีดเส้นใต้ไว้ทั้งหมดทั้งแง่บวกและลบในขั้นตอนที่ 2 เมื่อรวมกันแล้วเรียกว่า ZOPT (Zone of Fit Strategy) คือสไตล์การเป็นผู้นำที่เป็นเอกลักษณ์และคนอื่นก๊อปปี้คุณไม่ได้ แบ่งออกเป็น Contribution Gap จุดแข็งที่เราถนัดในการช่วยทีมและ Competency Gap สิ่งที่เราไม่ถนัดแต่สามารถพัฒนาได้ในอนาคต
เมื่อรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้งแล้วจะทำให้สามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้ รวมถึงถ่ายทอดตัวตนสู่ธุรกิจได้อย่างยั่งยืนมากที่สุด